Custom Search

Nov 28, 2009

State of play


คอลัมน์ เล่าเรื่องหนัง

ติสตู

มติชน

วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552


ในยุคที่สื่อสารมวลชนพัฒนาการ
ด้านเสรีภาพมากขึ้นเรื่อยๆ
พร้อมกับการถูกตั้งคำถามจริยธรรมการนำเสนอข่าว
มากขึ้นเป็นเงาตามตัว หลายครั้ง "สื่อ"
กลายเป็นตัวต้นเหตุของความขัดแย้ง

ดังเช่นที่ถูก มองกันอย่างระนาบที่ว่า
สื่อสารมวลชนไม่ควรพึงกระทำตัว
เป็นหนึ่งในกลไลควา
ม ขัดแย้ง
หรือเป็นต้นตอการสร้างข่าว
ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งเสียเอง
แต่การนำเสนอข่าวให้ควรหาทางออกนั้นไว้ด้วย

นี่คือมิติที่มีการ เรียกร้องต่อการ
ทำหน้าที่สื่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคนี้


ยุคที่เทรนด์ของโลกล้วนเต็มไปด้วย
ข้อขัดแย้งทั้งในระดับชาติ
นานาประเทศ ระหว่างประเทศ การทำหน้าที่สื่อสารมวลชน
นับวันยิ่งต้องเข้มข้นขึ้นตามประเด็นที่หนาแน่น
และลึกซึ้งซับซ้อนขึ้น การทำหน้าที่อย่างรอบคอบ
และคำนึงถึงผลกระทบที่ตามมาจึงถูกเรียกร้องจากสังคมโดยกว้าง


หนังอย่าง State of play กำลังจับเทรนด์กระแสที่ว่า
และต้องการจะบอกสิ่งนั้นโดยสะท้อนผ่านเรื่องราวใน
มุมของวิชาชีพสื่อสารมวลชนเช่นเดียวกัน
ผลลัพธ์ที่ออกมาน่าจะทำให้ State of play
ถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่สมควรนำไป
พูดถึงในแวดวงการทำหน้าที่ของสื่อยุคปัจจุบันได้อย่างทันกระแส
นับจาก All the President"s Men
หนังเก่าปี 1976 ที่เป็นหนังขึ้นหิ้งวงการสื่อ
สะท้อนการทำงานและสร้างค่านิยมดีงามให้แก่คนทำสื่อ
กระนั้นตำราเรียนผ่านภาพยนตร์ All the President"s Men
ก็ไม่อาจเพียงพอต่อวัฒนธรรมสื่อปัจจุบัน
เมื่อกระแสข้อมูลข่าวสารต่างๆ รอบตัวในโลกหมุนเร็วขึ้น
การที่สื่อต้องตามประเด็นให้ทันและ
ไม่หลงทิศหลงกระแสก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ภาพยนตร์อย่าง State of play
จึงมีบางด้านและบางแง่มุมที่กำลังตอบคำถามนี้
และน่านำไปขบคิดสำหรับสื่อยุคปัจจุบันต่อไป


ประเด็นของ State of play ที่ก้าวขยับไปกว่า
All the President"s Men หนังตำราสื่อนั่นคือ
แค่การมีแหล่งข่าวชั้นเยี่ยม การมีสัญชาตญาณที่ดีต่อเบาะแส
การเกาะติด ยังไม่พอต่อคนทำสื่อยุคปัจจุบัน
ยังมีสิ่งที่ควรต้องนำมาฝึกฝนที่เรียกว่า
ความเข้าใจต่อปรากฏการณ์และมองทะลุไปข้างหน้า
โดยไม่ถูกดึงออกจากประเด็นปลายทางในยุคที่ข่าวสารเกิดขึ้นได้
ทั้งจากกระแส ข่าวลวง หรือการสร้างกระแสหนึ่ง
เพื่อดับกระแสหนึ่ง หรือกระทั่งการเบี่ยงเบนประเด็น
สิ่งที่หนังเรื่องนี้พูดพาดพิงถึง คือข่าวแท้ๆ กับข่าวสาดโคลน
นี่คือคำถามที่ "คาล แมคคาฟฟีย์"
ตั้งคำถามต่อบรรณาธิการของเขา
หลังจากหนังสือพิมพ์ต้นสังกัดของตัวเองตกข่าว
ใหญ่ประจำวันเกี่ยวกับ
กรณีการเปิดเผยความฉาวโฉ่ของสมาชิกรัฐสภา
ที่เข้าไปพัวพันการมั่วสุมทางเพศ
แต่ "คาล" มองในมิติที่มากกว่านั้น
เขามองว่าสถานการณ์มีความซับซ้อนกว่า
ประเด็นที่ถูกปล่อยโยนออกมาให้สื่อ
กระโดดงับเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นที่สำคัญและใหญ่กว่า
นั่นคือการฉ้อฉลในธุรกิจด้านการรักษาความปลอดภัย
และความมั่นคงที่เชื่อมโยงเป็นปัญหาระดับประเทศ
หนังเล่าเรื่องคู่ ขนานถึงการทำงานสไตล์เกาะติดของ "คาล"
นักข่าวหนังสือพิมพ์วอชิงตันโกล์บ
ที่ต้องมาทำข่าวฉาวโฉ่ของเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็น ส.ส.แห่งสหรัฐอเมริกา
หลังถูกครหาเกี่ยวข้องเชิงชู้สาวกับ
กรณีการเสียชีวิตปริศนาของหญิงสาวข้าราชการการเมือง
ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทีมวิจัยในคณะกรรมาธิการศึกษา
เรื่องการจ้างบริษัทเอกชน ด้านรักษาความปลอดภัย
เข้ามาช่วยเสริมด้านบุคลากรในช่วงสงครามอิรัก
หรือพูดง่ายๆ คือการจ้างทหารรับจ้างเข้าร่วมรบในสงคราม
ซึ่งบริษัทธุรกิจด้านรักษาความปลอดภัยดังกล่าว
พัวพันไปถึงกรณีฝ่ายการเมือง
ที่คอร์รัปชั่นร่วมกับบริษัทเอกชนในการเข้าไปมีบทบาท
ซึ่งกระทบต่อนโยบาย
รักษาความมั่นคงปลอดภัยในประเทศ


นอกจากต้องไขข้อเท็จจริงเบื้องลึก เบื้องหลังข่าว
หนังยังนำเสนอการทำงานคู่ขนานของเทรนด์สื่อที่ถูกจับตามองอย่าง
"สื่อออนไลน์" ที่เข้ามาร่วมในกระบวนการเจาะข่าวด้วย
ซึ่งนั่นก็ทำให้เห็นสไตล์และรูปแบบของสื่อสองประเภท
ที่แม้จะมีกระบวนการ และวิธีนำเสนอต่างกัน
แต่หากวางแผนการทำงานก็สามารถเกื้อหนุน
และยังคงนิยามการทำงานตรวจสอบได้เช่น เดียวกัน


State of play มีแง่มุมที่ตั้งคำถามต่อการทำงานของคนข่าว
ผ่านปมเรื่องที่วางไว้ให้สื่อสารมวลชนต้องเกาะติดไล่ตาม
และแกะรอยโดยวางเรื่องซ้อนเรื่อง
เช่นเดียวกับการทำงานสื่อเองที่หลายประเด็น
ก็ถูกทำให้ซ้อนไขว้ไปมาจนอาจ
เบี่ยงเบนประเด็นสำคัญ
และที่สุดก็ตามไปไม่ถึงผลลัพธ์

หน้า 22