Custom Search

Sep 26, 2018

เพลงเก่ายุค 90 หาฟังยาก




รวมเพลงจากปลายปากกา สีฟ้า



รวมเพลงฮิต นูโว ( โจ + ก้อง )



รวมฮิต ไมโคร & บิลลี่ โอแกน


รวมเพลงฮิตมาก อัสนี - วสันต์


คนขี้เหงา

คนขี้เหงา
พนเทพ สุวรรณะบุณย์

เพลงคนขี้เหงาลอกมาจาก sleeping child หรือเปล่า -
วลาแต่งเพลง โดยส่วนตัวสิ่งที่คำนึงถึงมากที่สุดคือความพอดีพอเหมาะกับบุคคลิกลักษณะของนักร้อง แต๋ม (ชรัส)
เป็นคนชักจูงนีโน่มาร้องเพลง แรกๆ ได้คุยรู้สึกว่าโน่เป็นคนรุ่นใหม่ (ในตอนนั้น) 
คือพูดตรงๆ มีอารมณ์ขัน ง่ายๆ ไม่มี form  เริ่มเขียนโดยสร้าง rythm ที่แข็งแรงก่อน
จากนั้นเขียนทำนองที่ฟังง่ายๆ ตรงๆ ไม่ซับซ้อน (เพลงที่ทำนองซับซ้อนวางหมากหลายชั้นเช่น พี่ชายที่แสนดี-อุ้ย  เพราะรักจึงรู้
วิยะดา รักล้นใจ-ปั่น) เริ่มท่อน hook ด้วย note สูงๆ(นิยมมากตอนนั้น) และใส่ chord อารมณ์กดดันเพื่อให้แรงและน่าสนใจขึ้น
เพลงนี้เป็นสูตรเพลง pop ในช่วงนั้น สิ่งที่เกิดหลังจากนั้นคือมีเพลงดังของ michael learns to rock ชื่อ sleeping child  ได้ฟัง
ครั้งแรกตกใจเหมือนกันเพราะทำนองท่อน A เหมือนคนขี้เหงามาก หลายคนถามว่าไปลอกเขามาหรือเปล่า ก็ต้องยืนยัน
(confirm) ว่าเปล่า คนขี้เหงาเกิดก่อน sleeping child ถึง 2 ปี (คนขี้เหงาเกิดปีพ.ศ.2534 ส่วน sleeping child เกิด
พ.ศ.2536)

























Sep 15, 2018

อัจฉริยะ จากวิศวกร สู่นักผดุงความยุติธรรม ลั่น! พร้อมตายทุกเมื่อ


เปิดใจ "อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์" พร้อมชี้แจงข้อกล่าวหา "ตบทรัพย์"
"อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์" ทุกวันนี้ชื่อนี้เป็นที่คุ้นหูและเป็นที่รู้จักของประชาชน จากบทบาทของเขาในฐานะ "ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม"

โดยจุดเริ่มต้นที่ทำให้ประชาชนเริ่มรู้จักเขาก็คือ "คดีครูจอมทรัพย์" ที่ขณะนั้นกระแสร้อนแรงว่านางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครู เป็น "แพะ" ในคดีขับรถชนคนตายโดยประมาท แต่เขากลับออกมาทวนกระแส ระบุว่าครูจอมทรัพย์ เป็น "แกะ" ไม่ใช่ "แพะ" และมี "ขบวนการรับจ้างติดคุก"
ล่าสุดเขาก็ออกมาเปิดโปงเกี่ยวกับ "เครือข่ายค้ากามเด็กแม่ฮ่องสอน" เนื่องจากเป็นคนหนึ่งที่ลงพื้นที่ไปรวบรวมข้อมูล

แต่ขณะเดียวกันในระยะหลังมานี้ ก็มีข่าวที่ออกมาในทางที่เสียหายต่อตัวเขา และเริ่มสงสัยเคลือบแคลงกับการทำงานในฐานะประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ว่าช่วยเหลือสังคมจริงหรือเปล่า มีการหาผลประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่หรือไม่ 

"อัจฉริยะ" พร้อมตอบทุกข้อสงสัย 

#เป็นวิศวกร แต่ทำไมมาทำงานเกี่ยวกับการช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมและทำมานานแค่ไหนแล้ว 
ที่ผมมาทำงานด้านนี้ เพราะมีแรงจูงใจจากการที่ผมตกเป็นเหยื่อตำรวจ ถูกกลั่นแกล้ง ตอนนั้นผมทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ ทั้งที่ผมถูกโกง ผมทำงานด้านนี้ปีที่ 7 แล้ว เป็นผู้ก่อตั้งชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมและเป็นประธานชมรมมาตั้งแต่ต้น ช่วยเหลือประชาชนมานับพันคดี 

#ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม มีโครงสร้างการทำงานอย่างไร 
นอกจากผมที่เป็นประธานและผู้ก่อตั้งแล้ว ก็มีกรรมการคนอื่นด้วย แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ามีใครบ้าง เพราะเขาไม่อยากให้เปิดเผย มันเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย และก็มีสมาชิกที่เป็นตำรวจด้วย มีทั้งที่เกษียณแล้วและยังรับราชการอยู่ 

#สมาชิกที่เป็นตำรวจช่วยเหลือในด้านการให้เบาะแส หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีที่มีผู้มาร้องขอความช่วยเหลือกับทางชมรมหรือไม่ 
ไม่เกี่ยวกับการให้เบาะแสหรือข้อมูลเกี่ยวกับคดี เพราะเรามีเครือข่ายของเราเองในการหาเบาะแส ข้อมูล ไม่จำเป็นต้องพึ่งตำรวจ แต่การที่ชมรมมีสมาชิกเป็นตำรวจ ทำให้ได้รับการอำนวยความสะดวกมากขึ้น คดีที่มีผู้ร้องขอความช่วยเหลือรวดเร็วขึ้น 

#ชมรมฯมีรายได้จากอะไร 
รายได้หลักก็มาจากการรับว่าความและการทำคดี คือ 20 % ของค่าทนายความ จะนำเข้าชมรม นอกนั้นก็เป็นเงินค่าบำรุงที่เก็บจากสมาชิกที่พอมีเงิน ซึ่งเป็นการจ่ายโดยสมัครใจไม่ได้ไปบังคับ ค่าบำรุงคนละ 500 บาท ต่อปี ซึ่งตอนนี้มีสมาชิกที่จ่ายเงินค่าบำรุงอยู่ประมาณ 100 คน จะเห็นได้ว่า เมื่อรวมแล้ว ก็เป็นจำนวนเงินไม่มาก เงินที่ชมรมฯได้มา ก็นำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือประชาชนด้านคดี ‘ผมเอาเงินจากคนรวยมาช่วยคนจน ผิดตรงไหน’ 

#ชมรมฯ เก็บเงินจากคนที่มาขอความช่วยเหลือด้านคดีด้วยหรือ 
เราไม่ใช่มูลนิธิ มูลนิธิ เขามีเงินช่วยเหลือจากเอ็นจีโอ แต่ชมรมเรา คนมาบริจาคเงินให้ฟรีๆยังไม่มีเลย จะให้ผมควักกระเป๋าเองกับทุกคดีที่มาขอความช่วยเหลือได้อย่างไร ทุกวันนี้ยังยากจนอยู่เลย แต่ไม่ใช่เราไม่ทำคดีฟรีให้เลย ถ้าเป็นคนยากจน ไม่มีเงินจริงๆ หรือ คนพิการ เราก็ช่วยฟรีไม่คิดเงิน รวมทั้งคดีใน กทม.และปริมณฑล ที่ไม่ต้องเดินทางไปจังหวัดไกลๆ เราก็ทำให้ฟรี 

#ตัวคุณอัจฉริยะ ทำอาชีพอื่นด้วยหรือเปล่า 
ผมทำงานด้านนี้อย่างเดียวเลย 

#แล้วดำรงชีพได้อย่างไร คนเราต้องกินต้องใช้ 
ก็คนที่พอมีเงิน ที่มาขอความช่วยเหลือด้านคดีกับเรา เวลาผมเดินทางไปศาล เขาก็ให้เงินบ้างเป็นครั้งๆไป หรือถ้าเราทำคดีได้จนเป็นที่พอใจของเขาระดับหนึ่ง เขาก็ยิบหยื่นเงินมาให้เป็นสินน้ำใจตอบแทน 

#เคยใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปแสวงหาประโยชน์ เช่น ตบทรัพย์ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา หรือ ตำรวจ หรือเปล่า 
ผมไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนั้น ผมทำงานด้านนี้มาตั้งนาน ถ้าผมมีพฤติกรรมอย่างที่ว่า คุณคิดว่าผมจะรอดหรือ โดนแฉไปนานแล้ว ไม่ว่าจากผู้เสียหาย ผู้ต้องหา หรือ ตำรวจ แต่นี่ไม่มีเลย ก็เพราะผม 

ไม่เคยไปตบทรัพย์ใคร ผมจะไปยักยอกของกลางได้อย่างไรเพราะผมไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ และผมจะไปวิ่งเต้นล้มคดีให้ใครได้ ผมจะมีสิทธิไปสั่งผู้ใหญ่ที่ไหนได้ และผมก็ไม่ใช่เด็กตำรวจ ไม่เคยรับเงินจากตำรวจแม้แต่บาทเดียว ว่ามาเลยคดีไหนผมทำมาหากินกับตำรวจ เอาหลักฐานมา ที่ผ่านมาผมดำเนินคดีกับตำรวจตั้งหลายคน โดนออกจากราชการก็มี ถ้าผมรับเงินจากตำรวจ หรือว่ามีพฤติกรรมไม่ดี ตำรวจก็ต้องออกมาเล่นงานผมแล้ว ก็ต้องมีการถ่ายคลิปไว้แล้ว แต่ไม่มีเลย 

"เอาอย่างนี้ มาตรวจสอบทรัพย์สินผมก็ได้ ใครก็ได้มาตรวจสอบเลย จะได้เห็นว่ามีแต่หนี้สิน จะหมดตัวอยู่แล้ว ถ้าไปเรียกทรัพย์สินเขา จะมีหนี้เยอะอย่างนี้หรือ ทุกวันนี้ยังยากจนอยู่เลย ทำงานด้านนี้ เสี่ยงชีวิต, ถูกฟ้องร้อง ,เงินก็เสีย ลูกเคยมากราบขอร้องให้ผมเลิกทำงานช่วยสังคมเสียทีเถอะ แต่ผมต้องทำต่อไปเพราะมีผู้ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังขอไว้ ให้ทำต่อไป ผมเองก็เข้าใจดีว่า คนที่เป็นนักรบ ย่อมได้รับบาดเจ็บบ้าง คนทีี่เป็นบุคคลสาธารณะถ้ามีแต่คนรัก ไม่มีคนเกลียดเลย ก็เป็นเรื่องผิดปกติ ตราบใดที่ผมยังมีลมหายใจ จะทำหน้าที่ต่อไปเพื่อสังคม" 

#กรณีเจ้าของเพจชื่อดังให้สัมภาษณ์ว่ามีบุคคลคนหนึ่ง ให้ข้อมูลเท็จและสร้างความปั่นป่วนเกี่ยวกับคดีค้ากามเด็กแม่ฮ่องสอน ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้โดยไม่มีสิทธิ และมีการเอารูปเด็กที่เป็นเหยื่อมีรอยสักรูปนกฮูก ไปลงตามโซเชียล ไม่มีการปิดใบหน้าด้วยและบุคคลดังกล่าวยังเอารูปแม่เด็กเหยื่อ อุ้มเงินอยู่บนตักไปขึ้นเพจของตัวเอง เหมือนกับต้องการให้คนเข้าใจว่า ได้รับเงินส่วนแบ่งมาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง เหตุเป็นเพราะแม่เด็กไม่ยอมให้ดูแลคดีนี้ เป็นคนที่พร้อมที่จะทำลายคนอื่นเพื่อประโยชน์ของตัวเอง และก่อปัญหาให้กับบุคลที่เป็นเหยื่ออาชญกรรมตรงข้ามกับชมรมที่ตั้งขึ้นมา 

ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเอารูปเด็กที่มีรอยสักลงบนโซเชียล น่าจะเป็นไลน์กลุ่มตำรวจ เพราะว่าผมเคยเห็นรูปเด็กในลักษณะนี้จากกลุ่มไลน์ตำรวจ และรอยสักนกฮูก ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับขบวนการเหยื่อค้ากาม ผมเคยคุยกับเด็กที่เป็นเหยื่อมาแล้ว เขาบอกว่าสักลายนกฮูกเพราะชอบ เป็นเรื่องของความโก้เก๋ และเป็นเรื่องของโชคลาง ส่วนภาพที่แม่เด็กเหยื่ออุ้มเงินนั้น ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเพจผม ไปดูได้เลยเพจผมไม่มีรูปดังกล่าวเลย ส่วนการออกมาเปิดเผยของผมเกี่ยวกับคดีนี้ ก็เพราะผมเป็นคนลงพื้นที่ไปรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ต้น และเรื่องที่ผมนำมาเปิดเผย ก็จะเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น มีหลักฐานยืนยัน ไม่ใช่เรื่องเท็จ ผมจึงมีสิทธิที่จะให้ข้อเท็จจริงต่อประชาชน และตั้งแต่ผมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมมา ผมไม่เคยสร้างปัญหาให้กับเหยื่อ 

"เพจดังกล่าว เขาเล่นงานผมมานานแล้ว เหตุก็เพราะไม่พอใจ ที่เคยขอผมในบางเรื่อง แต่ผมไม่ยอมตามใจเขา" 

#กรณีแม่เด็กเหยื่อค้ากาม ระบุว่า มีการเรียกเงิน 15,000 บาท เป็นค่าที่พัก ค่าตั๋วเครื่องบิน 
ชมรมฯไม่มีเงินค่าใช้จ่ายให้ในการเดินทางไปต่างจังหวัด และทางแม่ผู้เสียหายเสนอให้เอง และยังเอารูปมาให้ผมดูว่าเป็นคนมีเงิน เราคิดค่าใช้จ่ายวันละ 5,000บาท ลงพื้นที่ 3 วัน ก็ 15,000บาท 

#กรณีแม่เด็ก ออกมาพูดทำนองว่า มีการเสนอให้รับเงินแล้วจบ 
ผมพูดกับตำรวจนายหนึ่งว่า ให้ไปบอกแม่เด็กว่า อย่าไปรับเงินใครเขาเด็ดขาด เพราะว่าอาจเข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ ผมไม่เคยพูดกับแม่เด็กว่าให้รับเงินแล้วจบ 

ประวัติย่อ 
"อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์" ปัจจุบันอายุ 50 ปี จบการศึกษาด้านวิศวกรโยธา จากมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ รุ่นที่ 1 จบการศึกษาปี 2531 เป็นคนจังหวัดสุราษฎร์ธานี 

เป็นผู้ก่อตั้ง‘ ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ’ขึ้นในปี 2552 และดำรงตำแหน่งประธานชมรมมาตั้งแต่ต้น จนถึงปัจจุบัน 
ผลงาน อาทิ 
-ช่วยเหลือผู้เสียหายจากสหรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น 
-ช่วยเหลือผู้เสียหายจากการซื้อรถฟอร์ด รุ่นเฟียสต้าและรุ่นโฟกัส ที่มีปัญหาระบบเกียร์ 
-ชมรมฯ เป็นพยานโจทก์ปากสำคัญในคดีหนึ่งที่มีการฟ้องผู้ต้องหาหมิ่นเบื้องสูงตาม มาตรา 112




September 15th, 2018





Sep 8, 2018

ม.แม่ฟ้าหลวง เปิดคอร์ส ‘พุทธศิลปกรรม’ เรียนศิลปะกับ‘เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์’


7 ตุลาคม 2563 | โดย ปิ่นอนงค์ ปานชื่น
กรุงเทพธุรกิจ

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ร่วมกับ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์(จิตรกรรม) พ.ศ.2554
เปิด "หลักสูตรระยะสั้น สาขาวิชาพุทธศิลปกรรม"
ภายใต้สถาบันพุทธศิลปกรรมแห่งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
โดยนิมนต์เจ้าอาวาสเข้าเรียนเป็นคลาสแรก

ดังนั้นเริ่มต้นต้องมาศึกษางานเกี่ยวกับพุทธศิลป์ก่อน
คำว่า ‘พุทธศิลปกรรม’
จึงเกิดขึ้นจากการที่เราเห็นว่างานศิลปะในเชิงพุทธมีอยู่เป็นจำนวนมาก
ควรจะทำนุบำรุงและรักษาไว้  
ราเปิดหลักสูตรพุทธศิลปกรรมขึ้นมาแล้วเชิญตุ๊เจ้า คือ
บรรดาพระสงฆ์ที่เป็นเจ้าอาวาสให้มาเรียนก่อน
เพื่อให้เข้าว่า ศิลปกรรม คือ อะไร พุทธศิลป์ คืออะไร
จุดประสงค์ของหลักสูตรพุทธศิลปกรรม ประการแรก คือ
ต้องการให้ผู้เรียนโดยเฉพาะตุ๊เจ้ามีความรู้ความเข้าใจ
และรักษางานพุทธศิลป์ที่มีอยู่ตามวัดวาอารามต่างๆ 
ประการที่สอง เพื่อสร้างศิลปิน ที่จะเป็นผู้รังสรรค์สร้างสรรค์งานพุทธศิลป์ต่อไปเพราะว่า
งานเชิงพุทธศิลป์เป็นศิลปะเฉพาะทาง ถ้าเราไม่สอนไม่สร้างมันจะไม่มีคนทำ
เราพบว่ามีเด็กๆเยาวชนหรือว่าชาวบ้านที่มีความสามารถทางศิลปะอยู่เยอะ
แต่ไม่มีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียน ถ้านำเด็กกลุ่มนี้มาฝึกอบรมเพื่อที่
เขาจะได้มีความสามารถมากขึ้นก็จะช่วยกันสืบสาน
ศิลปวัฒนธรรมและยึดเป็นอาชีพได้”

ด้วยเหตุนี้ พุทธศิลปกรรม จึงเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนระยะสั้น (4-5 เดือน)
เปิดโอกาสให้ผู้สนใจเข้ามาเรียนได้โดยไม่จำกัดคุณวุฒิการศึกษา
และไม่เก็บค่าเล่าเรียนและอุปกรณ์ใดๆ
“เราต้องการเผยแพร่งานพุทธศิลปกรรมในวงกว้าง
เป็นหลักสูตรระยะสั้นเพื่อประหยัดเวลาที่จะทำให้คนได้เรียนรู้ 
เรียนฟรี ค่าใช้จ่ายฟรี อุปกรณ์ฟรี ทุกอย่างฟรี เพื่อที่จะดึงคนที่มีใจรักแต่ยากจนให้มาเรียน
เพื่อดึงพระสงฆ์ให้มาเรียน  อยากให้ซาบซึ้ง รักษา และ สร้างต่อ
นี่คือ คอนเซ็ปต์" อาจารย์วันชัยเน้นถึงแนวคิด

โดยหลักสูตรแบ่งการศึกษาออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับที่ 1 พุทธศิลป์ขึ้นพื้นฐาน
ระดับที่ 2 พุทธศิลป์สร้างสรรค์ และระดับที่ 3 พุทธศิลป์สร้างสรรค์ขั้นสูง 
ทั้งนี้ผู้สำเร็จการศึกษาตามแผนการเรียนการสอนในแต่ละระดับ
จะได้รับใบประกาศการสำเร็จการศึกษาที่รับรองโดย
อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พระเมธีวชิโรดม (วุฒิชัย วชิรเมธี)
และ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ
ดำเนินการสอนโดย เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์  พระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) นคร พงษ์น้อย
ผศ.ดร.พลวัฒ ประพัฒน์ทอง ร่วมด้วยจิตรกรและประติมากร ได้แก่ 
ทรงเดช ทิพย์ทอง วัชระ กว้างไชย์ มานิตย์ กันทะสัก กาญจนา ชลศิริ และ ขจรเดช หนิ้วหยิ่น

“ 3 หลักสูตรนี้สอนให้ รู้ เป็น และ ดัง” ทรงเดช ทิพย์ทอง ขยายความถึงการเรียนการสอนว่า
"หลักสูตรแรก คือ รู้ศิลปะควบคู่ไปกับศาสนา นอกจากอาจารย์เฉลิมชัยจะเป็นผู้สอนเองแล้ว
ยังได้เชิญศิลปินแห่งชาติ ได้แก่ อาจารย์ปรีชา เถาทอง อาจารย์ปัญญา วิจินธนสาร
ซึ่งเป็นสุดยอดของศิลปินที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากมาให้ความรู้ทางด้านศิลปะ 
นอกจากนี้ อาจารย์พลวัต ประพัฒน์ทอง
จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงจะดูแลเรื่องประวัติศาสตร์ศิลปะ ด้านธรรมะ
ท่านว.วชิรเมธี เป็นผู้ดูแล  ผู้ที่จบหลักสูตรนี้จะมีรสนิยมที่ดี
มีมุมมองที่เข้าใจและเห็นคุณค่าของงานศิลปะ ไม่ทำลายสิ่งที่ดีงาม”

ในขณะที่หลักสูตรที่ 2 เน้นสร้างเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ด้านศิลปะ
เน้นการปฏิบัติงานทั้งด้านจิตรกรรม ประติมากรรม และเทคนิคการสร้างสรรค์อื่นๆ
“จากรู้แล้ว ต้องเป็น หลักสูตรนี้ผู้เรียนต้องมีพื้นฐานทางด้านศิลปะ ควบคุมการสอนโดย
อาจารย์เฉลิมชัยและคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านศิลปะชุดเดิม
เน้นให้สร้างสรรค์งานพุทธศิลป์อย่างเข้าใจและถูกต้อง ส่วนหลักสูตรที่ 3 ทำให้ดัง
เมื่อเป็นศิลปินแล้วทำอย่างไรจะประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง
ทำอย่างไรที่จะนำเสนอผลงานให้เป็นที่รู้จัก
แน่นอนว่าการได้เรียนรู้จากอาจารย์เฉลิมชัยนั้นเป็นโอกาสที่หาไม่ได้ง่ายๆเลย”
ทรงเดช กล่าวว่าหลักสูตร รู้ เป็น และ ดังนี้เกิดมาเพื่อแก้ปัญหาทั้งในเรื่องความเข้าใจทางศิลปะ
รวมไปถึงการสื่อสารของศิลปินในเรื่องศิลปะไปพร้อมกัน
สำหรับผู้สนใจสมัครเข้าเรียน   เปิดรับพระภิกษุสามเณรและประชาชนทั่วไป
ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา รับสมัคร 50 ที่ แบ่งเป็นระดับที่ 1
รับจำนวน 30 ที่
ระดับที่ 2 รับจำนวน 15 ที่ และระดับที่ 3 รับจำนวน 5 ที่
โดยในรุ่นที่ 1 ไม่มีค่าใช้จ่ายเนื่องจาก
มีผู้สนับสนุนทุนการศึกษาเต็มจำนวนแล้ว
พร้อมกันนี้ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
เชิญร่วมบริจาคเงินเข้า
กองทุนพุทธศิลปกรรมแห่งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
ธนาคารกรุงเทพ สาขามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
ชื่อบัญชี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
(กองทุนพุทธศิลปกรรมแห่งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง)
เลขที่บัญชี 672-0-50576-4
โดยใบเสร็จสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ศูนย์บริการวิชาการ
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โทร. 0 5391 7897 ต่อ 8031-6


น้าเน็ก กล่าวความในใจถึง พี่เต๋อ เรวัต พุทธินันทน์


เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) พ.ศ. 2554



http://teetwo.blogspot.com/2006/08/blog-post_115604765602444541.html
http://teetwo.blogspot.com/2013/04/blog-post_17.html
http://teetwo.blogspot.com/2009/02/blog-post_6338.html




Sep 6, 2018

นันทิดา แก้วบัวสาย l Hidden Singer Thailand



TV Thunder Official
Published on May 22, 2016









Begin Again (2013)


A step you can't take back


Songwriters: Gregg Alexander / Danielle Brisebois / John Carney
A Step You Can’t Take Back lyrics © EMI Music Publishing, Kobalt Music Publishing Ltd.

So you find yourself at this subway
When your world in a bag by your side
And all at once it seemed like a good way
You realized its the end of your life
For what it's worth

Here comes the train upon the track
And there goes the pain it cuts to black
Are you ready for the last act?
To take a step you can't take back
Take in all the punches you could take
Took 'em all right on your chest
Now the countless back is breaking
Again, again
For what it's worth
Here comes the train upon the track
And there goes the pain it cuts to black
Are you ready for the last act?
To take a step you can't take back
Did she love you?
Did she take you down?
Was she on her knees when she kissed your crown?
Tell me what you found
Here comes the rain, so hold your hat
And don't pray to God, cause He won't talk back
Are you ready for the last act?
To take a step you can't take back
Back, back, back
You can't take back
Back, back, back
So you find yourself at this subway
When your world in a bag by your side

Bruno Mars Carpool Karaoke





Ed Sheeran Carpool Karaoke


Sep 5, 2018

5 กันยายน 2561


#70ปีเต๋อ
(พ.ศ. 2491 - พ.ศ. 2561)


หลายคนคิดว่าความฝันเป็นไปไม่ได้ ทำไม่ได้
...สุดท้ายไม่ได้ทำ
มันไร้ประโยชน์ถ้ามองที่อุปสรรค แต่ไม่เห็นโอกาส
ปฏิเสธความท้าทาย แต่กับพอใจในสิ่งเดิม ๆ
ยอมรับในทุกความเชื่อ แต่ไม่เชื่อว่าตัวเองทำได้
การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ดี คุณต้องมีความฝัน
ผมฝันอยากเห็นในสิ่งไม่เคยเกิดขึ้น มาก่อน
และไม่ลังเลที่จะทุ่มเทให้มันทั้งชีวิต
ถ้าคุณเฝ้ารอแต่โอกาส โทษโชคชะตา
ยอมแพ้ต่ออุปสรรค และจบความฝันไปเลย ผมเสียดายแทน
ความฝันคือความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง
และสิ่งเดียวที่ผมไม่เคยเปลี่ยน
คือทางเดินไปสู่ความฝัน และผมทำให้มันเป็นจริงแล้ว
คุณล่ะพร้อมก้าวเดินสู่ความฝันของคุณหรือยัง

Sep 2, 2018

A tribute to Kofi Annan








Sloan School alumnus Kofi Annan



(8 April 1938 – 18 August 2018



The family of former United Nations Secretary
General have published a tribute to the man hailed as a reformer at the global diplomacy outfit.

The piece authored by his son, Kojo, also acknowledged the outpouring of love and support from around the world.

It was published on the website of the Kofi Annan Foundation and produced here below.

On 18 August, the world lost a leader and a statesman: Kofi Atta Annan.

And we lost a brother, a husband, a father, a
grandfather, and an uncle – a man of deep conviction
who was as committed to instilling the values of
fairness, integrity, kindness, and service in each of
us, as he was to advocating for peace and human
rights around the world.

He was as present with each of us and the family as a whole, as he was with every crisis, every mission, and every intervention.

No call, email, or text went unanswered.

No personal crises unaddressed.

No major family milestones or celebrations unattended, no matter what was happening in the world.

So while we shared him with the world, we were never poorer for it.

Today, buoyed and comforted by the outpouring of love and support we have received from around the world, we are richer for having shared him with you. Stubborn optimist that he was, he would want us all to look forward with hope, and keep striving to create a freer, fairer, more peaceful world.

Daddy, may you rest in perfect peace knowing the depth of our love for you and gratitude for the tremendous role you played in each of our lives.

Atta says, “Bye bye Grandpa, enjoy heaven!”

– Kojo, on behalf of the Annan family


Key dates in the life of Kofi Attah Annan

1 – 1938: Born in Kumasi, Ghana’s second city, seat of the Ashanti kingdom

2 – 1962: Starts working at the United Nations in Geneva, Switzerland

3 – 1965: Weds Titi Alakija. They have two children, a boy and a girl

4 – 1984: Marries Nane Lagergren, having divorced a year earlier

5 – 1991: Twin sister Efua dies

6 – 1993: Becomes head of U.N. peacekeeping operations

7 – 1997: Appointed seventh Secretary-General of the United Nations

8 – 2001: Wins Nobel Peace Prize

9 – 2006: Steps down as secretary-general after 10 years

10 – 2012: Becomes UN/Arab League Joint Special Envoy on the Syrian crisis

11- 2013: Made chair of The Elders, a peace and human rights advocacy group

12 – 2016: Leads the Advisory Commission on Rakhine State, Myanmar




ในหลวงรัชกาลที่ ๙ โปรดให้นายโคฟี อันนัน เฝ้าถวายรางวัลฯ (๒๕ พ.ค.๔๙)






เมื่อเวลา 17.14 น. วันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2549 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำนายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ พร้อมด้วยนางแนน อันนัน ภริยา และคณะ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย ในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 25 - 27 พฤษภาคม 2549 ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จลง ณ ท้องพระโรงศาลาเริง วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ พร้อมด้วยภริยา และคณะ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ ของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นรูปพานทรงกลม ทำด้วยเงินบริสุทธิ์ ด้านในของพานขัดมัน ผิวเรียบ ส่วนด้านนอก ผิวมีลักษณะเป็นคลื่นคล้ายสายน้ำ ตั้งอยู่บนฐานที่ทำจากไม้สัก และประกาศราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติคุณ เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี รางวัล United Nation Development Programme - UNDP Human Development Live Time Achievement Award เป็นรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ ซึ่งเป็นรางวัลชิ้นแรกของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ UNDP จัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่ทรงได้รับการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัลเกียรติยศเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ที่ได้ทรงอุทิศกำลังพระวรกาย และทรงพระวิริยะอุตสาหะ ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ เพื่อยังประโยชน์และความเจริญอย่างยั่งยืนมาสู่ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศมาโดยตลอด นับตั้งแต่เสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ จนถึงปัจจุบัน เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก ต่างพากันขนานพระนามว่า เป็น "พระมหากษัตริย์นักพัฒนา" มีพระราชหฤทัยเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาต่อพสกนิกรผู้ยากไร้ และผู้ด้อยโอกาส โดยไม่ทรงแบ่งแยกสถานะ ศาสนา ชาติพันธุ์ หรือหมู่เหล่า ทรงรับฟังปัญหาความทุกข์ยากของราษฎร และพระราชทานแนวทางพระราชดำริ เพื่อประชาชนได้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ เป็นโครงการเพื่อการพัฒนาชนบท ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 3,000 โครงการ ส่งผลต่อการสร้างสรรค์ความรู้ และนวัตกรรมที่เอื้อต่อความก้าวหน้าในการพัฒนา ยังประโยชน์ให้แก่พสกนิกรทั่วหล้า อาทิ โครงการที่มุ่งเน้นการเกษตรขนาดเล็กด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม โครงการที่มีการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน รวมทั้งโครงการป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนจากน้ำท่วมและภัยแล้ง ด้วยพระปรีชาสามารถในการเป็นนักคิด และทรงมีคุณูปการต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ทำให้นานาอารยประเทศตื่นตัวในการปรับรูปแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิดใหม่ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อประชาราษฎร์ ที่ได้พระราชทานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งชี้ถึงแนวทางการพัฒนาที่เน้นความสมดุล ความพอประมาณ ความมีเหตุผล สำนึกในคุณธรรม และการมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี พอที่ต้านทานและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ จากกระแสโลกาภิวัตน์ ด้วยปรัชญาดังกล่าวนี้ องค์การสหประชาชาติจึงมุ่งเน้น เพียรพยายาม และส่งเสริมการพัฒนาคน ให้ความสำคัญต่อความอยู่ดีมีสุขของประชาชน เป็นเป้าหมายศูนย์กลางในการพัฒนา จึงได้มีมติเป็นเอกฉันท์ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัลดังกล่าว แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานเลี้ยงรับรองแก่คณะผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย