Custom Search

Oct 30, 2018

อาลัย "วิชัย ศรีวัฒนประภา"

Prince William pays touching tribute to Leicester City owner Vichai Srivaddhanaprabha 

Prince William said: "My thoughts today are with the family and friends of Vichai Srivaddhanaprabha and all the victims of the terrible crash at Leicester City Football Club.
"I was lucky to have known Vichai for several years. He was a businessman of strong values who was dedicated to his family and who supported a number of important charitable causes.
"He made such a big contribution to football, not least through Leicester City's magical 2016 season that captured the imagination of the world.
29/10/2018








ทักษิณโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความอาลัยต่อการจากไปของ "วิชัย ศรีวัฒนประภา" 
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thaksin Shinawatra 
แสดงความอาลัยต่อการจากไปของ นายวิชัย ศรีวัฒนประภา







Oct 28, 2018

เส้นทางธุรกิจแสนล้าน 'วิชัย คิงเพาเวอร์'






ปิดประวัติการทำธุรกิจของเจ้าสัว “วิชัย ศรีวัฒนประภา” 30 ปี สร้างอาณาจักรธุรกิจดิวตี้ฟรี ทุ่มสร้างสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และซื้อตึกมหานคร ที่สูงสุดในไทย
วิชัย ศรีวัฒนประภา นามสกุลเดิม คือ รักศรีอักษร (เปลี่ยนหลังได้รับนามสกุลพระราชทาน) เริ่มต้นชีวิตนักธุรกิจดิวตี้ฟรีเมื่ออายุ 31 ปี จนวัยประมาณ 60 ปี ฟอร์บส์ จัดอันดับเสี่ยวิชัยให้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของไทย ด้วยมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 4,700 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 156,000 ล้านบาท โดยหลักๆ มาจากธุรกิจร้านค้าปลอดภาษี หรือดิวตี้ฟรี ที่เปิดในสนามบิน และพื้นที่ใจกลางธุรกิจแหล่งช็อปปิ้งของนักท่องเที่ยว

ระหว่างที่เสี่ยวิชัยดำเนินธุรกิจดิวตี้ฟรี ในช่วงหลังเริ่มเข้าสู่งวงการฟุตบอล โดยเข้าซื้อทีมเลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรในพรีเมียร์ ลีกอังกฤษ

เรียงลำดับเวลาข้อมูลบางส่วนจากเว็บไซต์คิงเพาเวอร์  ตั้งแต่เริ่มเปิดธุรกิจดิวตี้ฟรีจนถึงธุรกิจฟุตบอล ดังนี้

2532-2537 ได้รับอนุญาตเปิดร้านดิวตี้ฟรี ตึกมหาทุนพลาซ่า ย่านเพลินจิต กรุงเทพฯ มี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น เป็นประธานเปิดงาน

2534-2545 ได้รับอนุญาตเปิดร้านดิวตี้ฟรีในต่างประเทศ ที่พนมเปญ กัมพูชา เป็นประเทศแรก

2536-2545 ได้สิทธิ์รับสัมปทานพื้นที่ดิวตี้ฟรี ที่สนามบินดอนเมือง (หลังหมดอายุสัมปทาน ได้ต่อสัญญาเป็นระยะจนถึงปัจจุบัน)

2538-2540 ได้สิทธิ์บริหารพื้นที่ดิวตี้ฟรี ที่ปักกิ่ง จีน

2540-2549 ได้รับอนุญาตเปิดร้านดิวตี้ฟรีที่ห้างเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ หรือชื่อปัจจุบันเซ็นทรัลเวิลด์ ย่านราชประสงค์ และช่วงนี้ยังได้สิทธิ์ที่สนามบินในเมืองหลักในประเทศ คือ ดอนเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ต

2547 ได้รับอนุมัติสิทธิ์รับสัมปทานพื้นที่ดิวตี้ฟรี ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เปิดบริการปี 2549 มีการต่อสัญญา 2 ครั้ง จนล่าสุดสิ้นสุดสัญญาปี 2563

2549 เปิดห้างดิวตี้ฟรี ที่คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ซอยรางน้ำ
2550 ขายของดิวตี้ฟรีบนเครื่องบินการบินไทย
2554 เปิดร้านดิวตี้ฟรีที่พัทยา, ขายของดิวตี้ฟรีบนเครื่องบินแอร์เอเชีย
2556 เปิดร้านดิวตี้ฟรี ที่ศรีวารี คอมเพล็กซ์ สมุทรปราการ
2557 ขายของดิวตี้ฟรีบนเครื่องไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์

ส่วนธุรกิจฟุตบอล เริ่มเมื่อปี 2553 ที่เจ้าสัววิชัย ทุ่ม 5,000 ล้านบาท ซื้อทีมฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ สโมสรพรีเมียร์ลีกในอังกฤษ ที่เขาเคยให้สัมภาษณ์สื่อว่า เพราะชอบฟุตบอล และอยากให้โลกรู้จักประเทศไทยมากขึ้น ผ่านไป 6 ปีในปี 2559 เขาและลูกชายสามารถพาเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกนับตั้งแต่ตั้งสโมสรมา 132 ปี

ปี 2560 เจ้าสัววิชัยยังได้เทคโอเวอร์ทีม OH Leuven สโมสรฟุตบอลในเบลเยียมอีกด้วย 

ส่วนธุรกิจอื่นยังมีสายการบิน และอสังหาริมทรัพย์ โดยปี 2559 ซื้อหุ้นบริษัทไทยแอร์เอเชีย มูลค่า 3,000 ล้านบาท แต่ในปี 2561 ได้ขายกลับให้เจ้าของเดิมแล้ว
ล่าสุด เม.ย. 2561 ได้ทุ่ม 14,000 ล้านบาท ซื้อตึกสูงที่สุดในกรุงเทพมหานคร จากกลุ่มบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท คอร์ปอเรชั่น ที่ใช้งบก่อสร้างกว่า 2 หมื่นล้านบาท

27 ต.ค. 2561 ข่าวช็อก เมื่อสื่อในอังกฤษรายงาน เฮลิคอปเตอร์ของเสี่ยวิชัยประสบอุบัติเหตุตกหน้าสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดียม หลังจบเกมการแข่งขัน ระหว่าง ทีมเลสเตอร์ ซิตี้ กับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ขณะนี้รอการแถลงเป็นทางการว่ามีใครอยู่ใน ฮ.ลำดังนี้บ้าง

ตำรวจเลสเตอร์แถลง ‘เสี่ยวิชัย’ เสียชีวิตเหตุฮ.ตก อีก 4 คนก็ไม่รอด
ตำรวจเลสเตอร์แถลงแล้ว เหตุฮ.นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ตก มีผู้เสียชีวิต 5 ราย โดยเชื่อว่าหนึ่งในนั้นคือตัวนายวิชัยเอง...
เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 28 ต.ค. 2561 ตามเวลาในประเทศอังกฤษ สำนักงานตำรวจมณฑลเลสเตอร์เชียร์ออกแถลงการณ์ความคืบหน้าการสืบสวนเหตุเฮลิคอปเตอร์ของ นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์และเจ้าของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ตกเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 27 ต.ค. ระบุว่า ผู้ที่อยู่บนเครื่องทั้ง 5 คนไม่มีใครรอดชีวิต
“ผู้เคราะห์ร้าย 5 คนเชื่อว่าเสียชีวิตหลังจากเฮลิคอปเตอร์ตกนอกสนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดียม เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (เสาร์ที่ 27 ต.ค.)”
แถลงการณ์ของตำรวจระบุ “มี 5 คนที่โดยสารบนเฮลิคอปเตอร์ตอนเกิดเหตุ ขณะที่การยืนยันอย่างเป็นทางการยังไม่เกิดขึ้น
แต่เชื่อว่าพวกเขาคือ นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้, สตาฟฟ์เจ้าหน้าที่ของเขาอีก 2 คนคือ นุสรา สุขหน้าไม้ (Nursara Suknamai) และ Kaveporn Punpare,
นักบิน เอริค สวาฟเฟอร์ (Eric Swaffer) และผู้โดยสารชื่อ อิซาเบล โรซา เลโควิช (Izabela Roza Lechowicz)”
“เจ้าหน้าที่กำลังทำงานเพื่อรับประกันว่าญาติทุกคนได้รับการแจ้งข่าวนี้ก่อนที่จะมีการยืนยันสู่สาธารณะ” แถลงการณ์ระบุ 
“เฮลิคอปเตอร์ลำนี้ตกในลานจอดรถใกล้สนามกีฬาหลังเวลา 20:30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ไม่นาน โดยตำรวจเลสเตอร์เชียร์,
 หน่วยรถพยาบาลอีสต์ มิดแลนด์ และสำนักงานกู้ภัยและดับเพลิงเลสเตอร์เชียร์ ทั้งหมดถูกส่งไปตอบสนองต่อเหตุการณ์”

“เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อว่ามีคนอื่นได้รับบาดเจ็บอีก”





The Driver EP.27 - พี่เบิร์ด ธงไชย + ป๊อป ปองกูล







ดี้ นิติพงษ์ ลั่น ประเทศกูมี ทำลายชาติไม่ได้ เรื่องแค่นี้เดี๋ยวก็ผ่านไป









โดยล่าสุด ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค นักแต่งเพลงชื่อดัง
ได้โพสต์ถึงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊ก Nitipong Honark ว่า
เพลงอะไรก็แล้วแต่ในยุคนี้ มันมาเดี๋ยวมันก็ไป คนชอบก็ชม คนเกลียดก็ด่า เพลงแค่นี้ทำลายชาติไม่ได้หรอก
"น่า...ไม่เป็นไรน่า จะเพลงแร็ปเพลงหมอลำ ยุคนี้ เดี๋ยวก็มา เดี๋ยวก็ไป.. คนชอบก็ชม คนเกลียดก็ด่า
แต่เพลงแค่นี้ทำลายชาติไม่ได้ดอกจ้ะ" ซึ่งก็มีคนที่ติดตามเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก



Oct 23, 2018

V- Special Clip : ถ้าโค้ชไม่เข้าสตูดิโอ โค้ชไปไหนกัน : โค้ชเจนนิเฟอร์ คิ้ม


WALK WITH US | หมอตั้ม MasterChef TH


WALK WITH US | ม.ล.ขวัญทิพย์ เทวกุล


WALK WITH US | เอมมี่-มรกต


WALK WITH US | พี่ก้อง สหรัถ


สมเด็จพระปิยมหาราชกับการเสด็จประพาสยุโรป


ภาพพระบรมฉายาลักษณ์จาก http://catholichaab.com/main/index.php/research-and-study/2016-12-14-03-46-25/1537-2017-01-31-06-28-06



การเสด็จประพาสยุโรปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นการเสด็จพระราชดำเนินไปยังต่างประเทศในทวีปยุโรปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรสยาม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสานสัมพันธไมตรีแก่ประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป เพื่อให้ประเทศที่พระองค์เสด็จประพาสเหล่านั้นมองเห็นว่าประเทศสยามเป็นประเทศที่มีการพัฒนาตนเองและไม่ได้ล้าหลังป่าเถื่อน และเพื่อโอกาสในการร่วมกันแก้ไขปัญหาความมั่นคงและส่งเสริมความเป็นเอกราชของประเทศสยาม แม้จะอยู่ในช่วงท่ามกลางยุคล่าอาณานิคมก็ตาม ทั้งนี้ก็เพราะมีมูลเหตุมาจากกรณีพิพาทระหว่างสยามกับฝรั่งเศสในเหตุการณ์วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 หรือในปี พ.ศ. 2436 ที่ทำให้สยามเสียดินแดนมากที่สุดเท่าที่มีการเสียดินแดนให้แก่ชาติตะวันตก ผลจากการเสด็จพระราชดำเนินดังกล่าวนั้นทำให้พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่มาจากทวีปเอเชียที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนทวีปยุโรปอย่างจริงจังโดยทรงรู้จักแฝงแนวความคิดจิตวิทยาและการปฏิบัติตามธรรมเนียมยุโรปอีกด้วย

Oct 20, 2018

โฮ่งๆ หมาก็มีหัวใจ



      "โฮ่งๆ หมาก็มีหัวใจ" 
      อาหารสมอง  วีรกร ตรีเศศ varakorn@dpu.ac.th 
      มติชนรายสัปดาห์  

      วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2548 ปีที่ 25 ฉบับที่ 1297                                                                  

      ถ้ท่านผู้อ่านอยากรู้ว่าทำไมหมาจึงซื่อสัตย์ หมาดูโทรทัศน์รู้เรื่องจริงหรือไม่ ทำไมหมาเห่าและกัด ตารางเทียบอายุคนกับหมาเป็นอย่างไร ทำไมหมาจึงชอบการดมบั้นท้ายกัน ทำไมหมาจึงชอบให้คนลูบหัวลูบตัว ฯลฯ ผมขอแนะนำหนังสือเกี่ยวกับหมาเล่มหนึ่งที่เพิ่งวางตลาดสดๆ ร้อนๆ ที่มีจุดขายต่างจากหนังสือหมาเล่มอื่นๆ อย่างน่าสนใจ นอกจากนี้ เวลาที่หมาพบกันก็จะดมบั้นท้ายซึ่งกันและกัน ไม่ได้ดมด้วยความพิศวาสทางเพศ แต่ดมเพื่อทำความรู้จักกัน เพราะหมาแต่ละตัวจะมีต่อมน้ำมันที่ปล่อยกลิ่นเฉพาะตัวอยู่รอบทวารหนัก และมันยังมีความจำเป็นเลิศ ในสมองของมันสามารถบันทึกกลิ่นที่ดมไว้ได้ทันที และจดจำกลิ่นทั้งหมดที่เคยดมมาได้ ความพ่ายแพ้หรือความกลัวของหมาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าหากมันไม่มีกลุ่มอยู่หรือไม่มีฐานะเป็นที่ยอมรับในกลุ่ม เช่น หมาไร้เจ้าของหรือหมาจรจัดนั้นจะเห็นได้ชัดเจนว่าจะมีอายุไม่ยืน นอกเหนือจากเรื่องการขาดแคลนอาหารแล้ว มันจะดูขาดความสุขและมีจิตใจหดหู่กว่าหมาที่มีเจ้าของชัดเจน เนื่องจากไม่มีความมั่นคงในชีวิต ไม่มีฝูงและจ่าฝูงที่ดูแลคุ้มครองมัน บางคราวต้องเผชิญกับศัตรูหลายรูปแบบ และโดยสัญชาตญาณ มันก็พร้อมที่จะซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อจ่าฝูงเสมออยู่แล้ว เมื่อไม่มีจ่าฝูง มันจะรู้สึกผิดไปจากสัญชาตญาณของการเป็นหมาไปมาก ซึ่งเป็นที่สังเกตของนักสัตววิทยามานานแล้ว หมาซื่อสัตย์ต่อเราก็เพื่อความอยู่รอดของตัวมันเอง อย่าไปโกธรเกลียดหมา เพราะหมานั้นเป็นสัตว์เดรัจฉานเป็นสัตว์ที่ถูกผลักดันโดยสัญชาตญาณดั้งเดิมในการดำรงชีวิต แต่มนุษย์ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน จึงควรจะเข้าใจสัตว์เดรัจฉานให้มากๆ และพยายามให้สัตว์ทั้งที่ไม่ใช่เดรัจฉานและเดรัจฉานอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข เนื้อหาในหนังสือตอนหนึ่งทำให้เราเข้าใจเรื่องที่แสนจะธรรมดาคือลูบหัวหมาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น "เมื่อเราเอามือตบหัวมันแล้วเราเองจะรู้สึกพอใจและรู้สึกว่ามันเหมือนเพื่อนของเรา หรือแม้แต่มนุษย์ในเผ่าพันธุ์เดียวกัน เวลาที่รู้จักกันก็ต้องมีการทักทายกันเป็นธรรมดา อาจจะโดยการสัมผัสตัวกัน ไม่ว่าจะเป็นสัมผัสแขน ใช้มือโอบบ่ากัน นี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ซึ่งแสดงออกว่าเราเป็นพวกเดียวกัน เป็นมิตรกัน หากคนไม่เป็นมิตรกันจะไม่สัมผัสกัน ตัวไม่ให้โดนกัน แต่ถ้าเป็นเพื่อนกันเป็นมิตรกันก็จะสัมผัสกัน การที่หมาได้รับสัมผัสจากคน ไม่ว่าจะเป็นการตบหัว ลูบหัว หรือลูบหลัง โดยเฉพาะลูบตรงใต้คอ หรือตรงระหว่างขาหน้าบริเวณอกแล้วรู้สึกพอใจ คนเราตีความว่าการมีคนมาแตะมาลูบนั้นให้ความรู้สึกอย่างเดียวกัน หรือคล้ายกันกับสมัยที่ตัวเองเป็นเด็กสนุกสนานอยู่กับพี่น้องแล้วมีแม่เป็นคน ดูแลให้ความอบอุ่น การที่มีคนมาลูบมาเกาหลัง อุปมาเหมือนกับความรู้สึกของตัวเองที่ได้รับจากพี่น้อง ได้รับจากแม่ หรือไม่ก็เหมือนกับความรู้สึกที่เด็กได้รับตอนที่ผู้ใหญ่เอามือลูบบ่า ลูบไหล่ โดยเฉพาะคนที่ทำงานแล้วมีผู้ใหญ่ตบหลัง ลูบไหล่ ก็เหมือนกับได้รับการยอมรับ ความรู้สึกตรงนี้จึงเป็นความรู้สึกที่ทำให้หมาสบายใจ มั่นใจในฐานะของตนเอง" อ่านมาถึงตรงนี้หลายท่านคงเดาได้ว่าใครเป็นผู้เขียนจึงชมกันอย่างไม่ค่อยเขินในวันนี้ และหลายท่านอาจงงๆ ว่าเหตุไฉนบอกแต่ชื่อหนังสือแต่ไม่บอกชื่อคนเขียน ผมก็ขอเฉลยตรงนี้เลยครับว่า "โฮ่งๆ หมาก็มีหัวใจ" นั้นผู้เขียนก็คือ อาจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ เพื่อนซี้ทางวิญญาณของผม ผู้เคยบอกว่าขอสถาปนาตนเองเป็นนักวิชาการหมา (กรุณาออกเสียง "หมา" ครั้งเดียว) นั่นเองแกฝากบอกว่าถึงแม้จะเป็นหนังสือที่รวบรวมเรื่องที่เคยเขียนเกี่ยวกับหมาไว้ แต่ก็มีบางเรื่องที่ยังไม่เคยตีพิมพ์มาก่อน แกบอกว่าไม่ได้จงใจ "โหน" หมาเพราะเห็นว่ากระแสหนังสือหมากำลังมาแรง แต่เขียนและรวบรวมขึ้นด้วยความปรารถนาที่จะเห็นคนเข้าใจหมามากขึ้น ในคำนำไม่รู้ว่าแกเก็บกดหรืออย่างไร ไปเอาอมตะวาจาของ Frederick The Great มาโชว์ไว้หรา ข้อความก็คือ "The more I see of men, the better I like my dog." (ยิ่งรู้จักมนุษย์มากยิ่งขึ้นเพียงใด ฉันก็ยิ่งชอบหมาของฉันมากขึ้นเพียงนั้น) ในราคาแค่ 110 บาท ค่าเสียโอกาสจากการซื้อหนังสือเล่มนี้ถือว่าน้อยมากนะครับ

เพื่อชีวิตที่ดีกว่า

วรากรณ์ สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (รวม 2 หน้า) 

"ความต้องการที่จะมี “ชีวิตที่ดีกว่าเดิม” ประกอบด้วยอย่างน้อย 3 องค์ประกอบดังนี้
(1) การตระหนักว่าทุกคนมีชีวิตเดียวเท่านั้น มีโอกาสมีอายุ 20 หรือ 30 หรือ 40 เพียงครั้งเดียว หากปล่อยให้วันเวลาของชีวิต่ผานไปอย่างไร้ความหมายและไร้ประโยชน์แล้วก็จะเป็นที่น่าเสียดายอย่างที่สุด เพราะมันจะไม่มีวันหวลกลับมาอีก
(2) การคำนึงถึงความจริงว่าถ้าไม่มีการปฏิบัติที่ผิดแปลกไปจากเดิมแล้ว ผลที่เกิดตามมาก็ย่อมเหมือนเดิม เราไม่อาจหวังว่าจะมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นกว่าเก่าได้ ถ้าไม่ทำอะไรต่างไปจากที่เคยทำม
(3) การเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัยว่าการมี “ชีวิตที่ดีกว่าเดิม” นั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้สำหรับ ทุกคน การมองโลกในแง่ดีเช่นนี้จะทำให้เกิดพลังใจที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงชีวิต
ทั้ง 3 องค์ประกอบนี้จะช่วยให้ตระหนักถึงความจริงในเรื่องการเปลี่ยนแปลงชีวิต คุณค่าของชีวิต การสร้างโอกาสให้แก่ตนเองในการมี “ชีวิตที่ดีกว่าเดิม” และการมีกำลังใจที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต"

รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ
อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU)
ได้กล่าวให้โอวาทในวันปฐมนิเทศนักศึกษาใหม­่ประจำปี 2556



Nelson Mandela ( 1918 -2013)







Nelson Mandela's Birthday (Born: July 18, 1918, Mvezo, South Africa)

No one is born hating another person because of 
the colour of his skin, or his background, or his religion.

People must learn to hate, and if they can learn
to hate, they can be taught to love,
for love comes more naturally to the human
heart than its opposite.

What counts in life is not the mere fact that we
have lived. It is what difference we have made
to the lives of others that will determine the
significance of the life we lead.

Education is the most powerful weapon we
can use to change the world.

For to be free is not merely to cast off
one's chains, but to live in a way that respects
and enhances the freedom of others.

The greatest glory in living lies not in never falling,
but in rising every time you fall.


George Carlin

(May 12, 1937 – June 22, 2008)



https://www.facebook.com/varakornsam/?ref=page_internal



บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง
เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม) 
หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย…
ทำในสิ่งที่อยากจะทำ อยากให้ทุกคนได้อ่าน
ข้อความนี้ มีความหมายดีนะ

ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง

เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง

เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง

เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น

เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อบ้านกลับยากเย็น…..

เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง

เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง

เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง

ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้น ....จากนี้ไป ขอให้พวกเรา
อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ

เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ … โอกาสที่พิเศษสุด… แล้ว

จงแสวงหา การหยั่งรู้

จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความ อยาก …

จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น …….

กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป

ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด

เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย

น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้

เอาคำพูดที่ว่า … สักวันหนึ่ง … ออกไปเสียจากพจนานุกรม

บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน

อย่าผลัดวันประกันพรุ่งที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น

ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง

Oct 14, 2018

The Weeknd - I Feel It Coming ft. Daft Punk



ผ่าตัดด่วน ‘ป๋าเต็ด’ ทำบอลลูนหัวใจใน 40 นาทีหลังแน่นหน้าอกเฉียบพลัน


ป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม กับ นายแพทย์ ไพฑูรย์ จองวิริยะวงศ์
ภาพจากผู้จัดการออนไลน์

ที่มา https://www.matichon.co.th/entertainment/news_1177523





14 ต.ค.61

'ป๋าเต็ด'ได้โพสต์เรื่องราวผ่านทางเฟสบุ๊คส่วนตัว "Yuthana Boonorm" ระบุว่า "เขียนไว้ข้างเตียง Heart Attack เมื่อหัวใจถูกจู่โจมอย่างเฉียบพลัน เกือบไม่ทัน เกือบไม่รอด" เช้าวันนี้ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงมาชงกาแฟกินอย่างเคย รู้สึกผิดปกติตั้งแต่เดินมาถึงชั้นล่าง แน่นหน้าอก เหงื่อซึมที่แขน แต่ยังไม่เป็นมาก เดินต่อไปที่ครัวเปิดเครื่องชงกาแฟ เริ่มหน้ามืด บ้านหมุน เจ็บหน้าอกมากขึ้น รีบเดินไปนั่งหน้าบ้านรับอากาศ สูดหายใจลึก แต่ไม่ดีขึ้น เจ็บที่หน้าอกมากกว่าเดิม เหมือนจุก แต่จุกที่หน้าอก คว้าโทรศัพท์โทรหาหมอเอี้ยงเพื่อนสวนกุหลาบ เล่าอาการให้ฟัง เอี้ยงบอกไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด อาจมีอาการหัวใจเต้นไม่ปกติ
วางสาย ตะโกนเรียกภรรยาให้พาไปหาหมอ อาการหนักขึ้น เหงื่อท่วม เดินโซเซขึ้นรถ หน้ามืด มองแทบไม่เห็นทาง ภรรยาออกรถ หยิบยาดมใส่มือ บึ่งไปสมิติเวช เพราะไม่ไกลเกินเอื้อม และมีประวัติที่นั่นแล้ว

ถึงโรงพยาบาล นั่งรถเข็นไปแผนกหัวใจ ขึ้นเตียงวัดคลื่นหัวใจ จากที่พยาบาลนั่งกันชิลๆเพราะเป็นวันหยุดยาว เคสเราทำให้บรรยากาศเปลี่ยน คนเข้ามาเต็มห้อง เครื่องมือเต็มตัว สายไฟโยงยาง ทุกสายตาจ้องจอ เมื่อค่าตัวเลขอะไรสักอย่างชี้ไปในทางเดียวกัน ห้องยิ่งวุ่นวายโหวกเหวก จองห้องผ่าตัด เรียกหมอมาเพิ่ม เอาเอกสารให้ภรรยาและผมเซ็นต์

เตียงถูกเข็นอย่างกะรถเมล์สาย8 เข้าลิฟต์มาโผล่ห้องผ่าตัด ระหว่างทางได้แต่มองเพดานเคลื่อนผ่านไปแบบงงงง หน้าแปลกๆทะยอยโผล่มาข้างเตียงพร้อมคำถามซ้ำๆ มีโรคประจำตัวอะไร ทานยาอะไร เลือดออกที่ไหน รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในซีรี่ยส์ERน้ำเน่า ที่เคยติดงอมแงม

ถึงห้องผ่าตัด ดูอุปกรณ์ไม่เยอะเหมือนในหนัง ทุกคนวุ่นวาย ถามมากมายกว่าเดิม จนเราต้องถามกลับไปบ้างว่ากำลังจะทำอะไร จับในความได้ว่า จะเจาะท่อสอดเข้าเส้นเลือดใหญ่ที่ต้นขาขวา พ่นสี ถ้าเห็นท่าไม่ดีจะบอลลูนเลย พยาบาลขอโกนขนที่ต้นขาขวาและซีกขวาของไอ้นั่น ตอบโอเคไปทั้งที่ยังสงสัยว่าไหนๆจะโกนแล้วไม่โกนทั้งสองซีกไปเลย จะเหลืออีกซีกไว้ให้มันเป็นลูกครึ่งอย่างนั้นอยู่ทำไม วุ่นวาย จอแจ ไม่มีช่องว่างให้ท้วงเรื่องซีกที่เหลืออยู่ ต้องปล่อยเลยตามเลย

หมอหนุ่มจับต้นขา จะฉีดยาชา เจ็บนิดนะ ไม่ทันได้อนุญาตเข็มก็จิ้ม สรุปไม่ได้ใช้ยาสลบ เราจะรับรู้ทุกขั้นตอนของการฉีดสี และทำบอลลูน

รู้สึกแน่นที่ต้นขา เหมือนมีตัวอะไรพยายามจะมุดเข้าไปในช่องเล็กเท่ารูเข็ม มองไม่เห็น แต่รู้สึกได้ตลอด อึดอัด เจ็บ แต่ไม่นาน ก็หาย หมอคุยกันวุ่นวาย ศัพท์เทคนิคปลิวว่อน ไม่นานทุกอย่างก็คลี่คลาย เหลือแต่ขดลวดไว้ในหลอดเลือดของหัวใจ

ย้ายมานอน ICU หายเจ็บอก แต่ห้ามงอขาข้างที่โดนเจาะไปอีกแปดชั่วโมง นอนอีกสองสามคืนก็กลับบ้านได้

สรุป ตั้งแต่เริ่มเจ็บอกจนถึงตอนเริ่มผ่าตัด ใช้เวลาแค่ สี่สิบกว่านาที หมอบอกว่าเร็วมาก โชคดีที่มาเร็ว ถ้ามาช้ามีโอกาสไม่รอดสูง ความรู้สึกตอนนี้ไม่เหมือนคนเฉียดความตายเลย รู้สึกเหมือนคนโชคดีมากกว่า และจะโชคดีกว่านี้มาก ถ้าพรุ่งนี้ คุณหมอจะอนุญาตให้ดื่มกาแฟ



Oct 13, 2018

University of Texas at Austin 2014 Commencement Address - Admiral William H. McRaven


Remarks by Naval Adm. William H. McRaven, BJ '77, ninth commander of U.S.Special Operations Command, Texas Exes Life Member, and Distinguished Alumnus.


คิดถึงเหลือเกิน




เนื้อร้อง ทำนอง : บอย โกสิยพงษ์
คิดถึงเหลือเกิน feat. ธีร์ ไชยเดช & อริญชย์ ปานพุ่ม

Oct 11, 2018

มองอนาคต...เปลี่ยนชีวิต อ.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์





CHANGE Live has changed
เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง 
ภาพ :  ชวกรณ์ สะอาดเอี่ยม

ที่มา http://www.changeintomag.com/index.php/live-has-changed/2050-3-10
  
มองอนาคต...เปลี่ยนชีวิต

อ.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ 

“คนเรายิ่งสูงมากเท่าไหร่ ต้องยิ่งทำตัวให้เล็ก”
เปิดเคล็ดลับชีวิตของ “วีระศักดิ์  โควสุรัตน์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่เปิดบ้าน “บ้านปัณณ์” ชื่อลูกชาย เพื่อให้มุมมองชีวิตในการมองอนาคตของการเปลี่ยนชีวิต และสังคม พร้อมข้อคิดในการทำงาน “คนเรายิ่งสูงมากเท่าไหร่ ต้องยิ่งทำตัวให้เล็กลงมากเท่านั้น”
หนุ่มผู้มีประสบการณ์เบื้องหลังม่านการเมืองมายาวนานกว่าสองทศวรรษ "อาจารย์เอ" วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปัจจุบันเป็นเลขาธิการสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ  ประธานกรรมการคณะกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ประธานกรรมการองค์การพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) และเป็นกรรมการบอร์ดบริษัทในตลาดหลักทรัพย์  กรรมการสภามหาวิทยาลัย รวมทั้งที่ปรึกษาองค์กรต่าง ๆ มากมาย  วันนี้มาเปิดบ้านย่านราชพฤกษ์ให้  CHANGE into  พูดคุยถึงเรื่องราวชีวิต และมองอนาคตสังคมไทยที่กำลังจะเปลี่ยนชีวิตและสังคม

//ซื้อบ้านตามอธิบดีกรมที่ดิน
เดินทางมาถึงบ้านที่อบอวลไปด้วยความรักบนพื้นที่ 80 ตารางวา ที่ลงตัวกับครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูก “สมัยก่อนผมอยู่คอนโดในเมือง  พอจะออกจากบ้านแค่กดลูกบิดประตูก็เสร็จแล้วแต่มันไม่มีที่ให้เด็กวิ่งเล่นไง  พอลูกยังอยู่ในท้องมีอายุได้ 6-7 เดือน  ผมก็พยายามตระเวนหาบ้านรอบๆ ชานกรุงเทพฯ ว่ามีอะไรที่เราควรเปรียบเทียบบ้าง  มาลงตัวที่บ้านหลังนี้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเทพฯ  เพราะฝั่งนี้ของกรุงเทพฯ เป็นทิศเดียวที่ขึ้นทางยกระดับเข้าออกเมืองโดยไม่ต้องเสียตังค์ (หัวเราะ) คือขับรถขึ้นทางยกระดับเข้ากรุงเทพฯได้เลย  ผมทำงานเกี่ยวข้องกับกิจการราชการแค่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาก็เจอหน่อยงานรัฐเต็มเลย ไม่ว่าจะเป็นทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา หรือจะไปศูนย์ราชการตรงแจ้งวัฒนะก็เดินทางไปง่ายจึงตัดสินใจเลือกที่จะมาอยู่บ้านหลังนี้
“ข้อดีที่ได้มาอยู่ถนนกาญจนาภิเษก  เพราะนี่คือ A2  ที่วิ่งลงมาจากจีนจนไปถึงประเทศสิงคโปร์ ทำให้เรารู้
ได้ว่า ถนนเส้นนี้จะไม่มีการยกให้กับ กทม. หรือเทศบาลใด แต่จะเป็นถนนระหว่างประเทศ แล้วตรงนี้เป็นพื้นที่สีเขียวเป็นโซนที่อยู่อาศัย ถนนตรงนี้จะไม่ใช่ชานเมืองกรุงเทพฯแล้ว แต่จะเป็นจุดที่เชื่อมต่อกับทิศตะวันตก คือ เมียนมา แปลว่าจะไปถึงอินเดีย  จีนลงมาก็จะต้องผ่านถนนเส้นนี้ ผมเข้าใจตรงนี้เพราะฟังจากการบอกเล่าของอธิบดีกรมที่ดิน (ท่านวิเชียร รัตนะพีระพงศ์)ในตอนนั้น เพราะท่านเป็นคุณพ่อของเพื่อน แล้วท่านจะเกษียณปีนั้น  จึงถามท่านว่าหากคุณพ่อเกษียณจะไปอยู่ตรงไหน ท่านก็เลยเล่าเรื่องที่ผมพูดให้ฟังทั้งหมดข้างต้นว่าจะมาอยู่บนถนนกาญจนาภิเษก  เพราะท่านรู้ว่าที่ดินที่จะซื้อบ้านจะต้องถูกกฎหมาย ถูกต้องตามหลักลมน้ำ พอท่านมาอยู่แถวนี้ผมเลยตัดสินใจซื้อตามท่าน (หัวเราะ)”


//มองอนาคต...เปลี่ยนชีวิต
“แล้วการซื้อบ้านอีกศาสตร์หนึ่งที่ท่านแนะนำคือ ฮวงจุ้ย  เกี่ยวกับน้ำและลม ถนนก็เป็นอีกส่วนหนี่งเท่านั้น  ท่านอธิบายว่า ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเทพฯ เป็นทิศที่รับลมของกรุงเทพฯ ที่จะพัดลมทะเลเข้ามาจากหนองแขม แสมดำ ทำให้มีความชื้นเข้ามาด้วย แล้วยังเป็นลมตลอดทั้งปี  พอหน้าหนาวประเทศไทยก็จะมีลมมาจากตะวันออกเฉียงเหนือเข้ามา ทำให้ผมเลือกหาหน้าบ้านหันไปรับลมที่ทิศตะวันออก  ทำให้ห้องนอนสามารถเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมหนาวได้  ข้อดีของบ้านหลังนี้จะหันหลังให้กับแดด  พอตกเย็นทำให้หน้าบ้านจะมีร่มเงา  ทำให้สมาชิกในบ้านเล่นกีฬาหน้าบ้านได้  ด้านห้องรับรองแขกก็สว่างได้โดยไม่มีแดดตลอดบ่าย
“น้ำประปาแถบนี้ใช้น้ำดิบจากแหล่งที่ไม่ใช่แม่น้ำเจ้าพระยาเหมือนคนในเมือง ที่มีน้ำทะเลเจือปน  แต่ที่นี่ใช้น้ำประปาจากคลองมหาสวัสดิ์ ได้น้ำดิบมาจากแควน้อย ซึ่งคุณภาพน้ำดี ผมก็เห็นว่าดี  ปัจจุบันมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่  มีรถไฟฟ้า  ประกอบกับถนนด้านหน้าของโครงการก็เป็นถนนกาญจนาภิเษก คือ วงแหวนรอบนอกของกรุงเทพ ฯ  ออกต่างจังหวัดไปไหนมาไหนก็สะดวก สามแยกบางใหญ่ที่อนาคตกำลังเป็นสี่แยกบางใหญ่จะมีถนนตัดวิ่งออกไปด้านทิศตะวันตก  ไปพุน้ำร้อนจังหวัดกาญจนบุรีอีกแค่ร้อยกิโลเมตร และต่อไปอีกสองร้อยกิโลเมตรก็จะถึงยังชายหาดของเมียนมา โดยหลักแล้วเส้นทางคุนหมิง-สิงคโปร์ ก็ดี ระเบียงเศรษฐกิจเหนือใต้  ระเบียงเศรษฐกิจตะวันตกก็จะต้องผ่านถนนเส้นนี้ ดังนั้น เราอยู่บนเส้นทางระดับภูมิภาคบนทางหลวงแผ่นดินพิเศษสายสำคัญ  ทำให้ไฟบนถนนนี้สว่างสม่ำเสมอ เป็นถนนที่ต้องป้องกันมิให้น้ำท่วมทาง  ไม่ให้เศษดินหินทรายหล่นจนกระทั่งเกิดอันตรายได้ และที่นี่ยังเป็นพื้นที่สีเขียวด้วย ตอนนี้ก็มีการสร้างรถไฟฟ้าเข้ามาเหมือนตะเกียบคู่  ด้านหนึ่งเป็นสุดสายรถไฟฟ้าสีแดง เลยไปหน่อยก็สุดสายบีทีเอสบางแค  อีกด้านก็สุดสายรถไฟฟ้าสีม่วง  ถือว่าโชคดีที่เลือกมาอยู่ที่นี่”

//สะสม "หนังสือกฎหมายโบราณ"
พอพาชมด้านล่างของบ้านเรียบร้อยอาจารย์เอพาขึ้นไปชั้นสองที่ด้านนอกห้องนอนถูกจัดวางให้เป็นโซนตั้งพระที่บูชากราบไหว้ก่อนนอน  และเชื่อมต่อกันเป็นห้องทำงาน "ผมมีพระเครื่อง พระบูชาที่ผู้ใหญ่เมตตาให้มา ทุกวันผมจะกราบสักการะเพื่อเตือนสติตัวเอง พระที่ผมบูชารองจากพระพุทธรูปก็มีหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้  และสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  อีกส่วนก็จะเป็นพระเครื่องที่มีผู้คนให้มาต่างกรรมต่างวาระกัน ผมจะนำมารวมไว้ในตู้เล็กๆ ในห้องทำงานมีตำรากฎหมายโบราณที่สะสมเอาไว้ ตั้งแต่เรียนอยู่นิติศาสตร์ปีสองแล้ว  ด้วยว่าเห็นคุณค่าหนังสือจากตลาดเก่า ๆ ที่ลูกหลานของคุณพระ หรือพระยาต่างๆ นำหนังสือของท่านมาปล่อยขายเป็นตู้ ๆ หรือชั่งกิโลขายก็มี แล้วคนที่แย่งซื้อกับเรากลายเป็นศาสตราจารย์จากประเทศญี่ปุ่น  เพราะเขาเห็นว่าประเทศไทยเป็นเอกราช มาตลอด ดังนั้น กฎหมายจึงสะท้อนความเป็นมาของบ้านเมืองอย่างบริสุทธิ์ มากกว่าระบบการเมืองแบบอาณานิคม  บางเล่มที่ผมได้มาก็เก่ามากต้องนำไปซ่อมสัน ทำปกใหม่ แล้วก็แยกเก็บเป็นชุดๆ ผมซื้อหาเก็บมาเล่มไม่ถึงร้อย แต่เวลานี้เล่มเป็นพันก็หาซื้อไม่ได้ หนังสือกฎหมายเหล่านี้ไม่ได้เก็บอย่างเดียว บางครั้งมีการโต้แย้งกันทางกฎหมายผมก็จะนำมาย้อนดูข้อกฎหมายในตำราเก่าเหล่านี้ด้วย” ยามว่างจากการทำงานหรืออยู่ทำภารกิจของครอบครัว  ก็จะออกวิ่งในหมู่บ้านเป็นประจำ  ร่วมวิ่งมินิมาราธอนแทบทุกปีในช่วงหลัง  แต่ครั้งแรกที่หัดวิ่งไกล คือ เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว วิ่งกรุงเทพฯ มาราธอน  เปิดสะพานแขวนพระราม 9

//หลักบริหาร “ยิ่งมีอำนาจ ยิ่งไม่ใช้อำนาจ”
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์  เลขาธิการสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ  เกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2508  ที่จังหวัดอุบลราชธานี  จบการศึกษาระดับปริญญาตรี เมื่อปี พ.ศ. 2532 นิติศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยม) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มก้าวเข้าสู่งานนโยบายสาธารณะเมื่อ พ.ศ. 2532 ในทีมที่ปรึกษา  “บ้าน พิษณุโลก”  หลังจากผ่านพ้นช่วงรัฐประหาร ร.ส.ช. จึงเดินทางไปศึกษาต่อปริญญาโทด้านกฎหมาย เศรษฐกิจระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา และกลับเข้าสู่งานนโยบายสาธารณะอีกครั้ง  โดยเป็นนักวิชาการการเมืองและนักพัฒนาสังคมที่มีโอกาสได้ดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง อาทิ เลขานุการประธานรัฐสภา  เลขานุการประธานตุลาการรัฐธรรมนูญ  รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีด้านการต่างประเทศและนโยบายชุมชน  ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อพรรคชาติไทยในช่วงเป็นฝ่ายค้านอีกด้วย
กระทั่งปี พ.ศ. 2551 ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในรัฐบาลของ สมัคร สุนทรเวช และสมชาย วงศ์สวัสดิ์  และในปี พ.ศ. 2551 ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี  เนื่องจากเป็นรองหัวหน้าพรรคชาติไทยที่ถูกยุบ  ต่อมาได้รับเชิญให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในปี พ.ศ. 2552  อาจารย์เอยังนับเป็นผู้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการริเริ่มผลักดันนโยบายด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวในมุมต่างๆ 
เช่น การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและคุณค่า การแก้ไขวิกฤตการท่องเที่ยวในภาวะพิเศษ(เหตุการณ์การปิดสนามบิน สุวรรณภูมิปลายปี 2551) งานด้านสังคมยังเป็นเลขาธิการมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย  กรรมการมูลนิธิสถาบันการต่างประเทศสราญรมย์  และเป็นสมาชิกมนตรีของคณะมนตรีเพื่อสันติภาพและปรองดองแห่งเอเชีย APRC ซึ่งมีอดีตประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีจากทั่วโลกอีก 24 คน ร่วมกันจัดตั้งขึ้นนอกจากนี้ ในอดีตอาจารย์เอยังเคยเป็นอาจารย์ภาคบัณฑิต  คณะนิติศาสตร์  ม.รามคำแหง เป็นอาจารย์หลักสูตรระหว่างประเทศ, สาขาปรัชญา กฎหมายและเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต และเคยเป็นบรรณาธิการที่ปรึกษา, วารสาร  Harvard International Law Journal มาก่อน
“สมัยเด็กๆ ฝันอยากเป็นนักกฎหมาย  เผื่อวันหนึ่งจะได้เป็นอัยการ เพราะเห็นว่าการเป็นอัยการไม่ต้องวางตัวเคร่งครัดเหมือนผู้พิพากษา ไม่ต้องกลัวใคร ที่สำคัญไม่ต้องกลัวตำรวจ  เพราะผมเป็นเด็กต่างจังหวัด  พอมาถึงวันนี้ 40 กว่าปีผ่านไปยังไม่ได้เป็นอัยการอย่างที่ฝันเลย (หัวเราะ) ทุกวันนี้ก็ยังฝันอยากอยู่ เพราะเป็นอาชีพที่ช่วยคนได้โดยตรง  วันนี้หากถามว่าการเมืองให้อะไรกับผม ก็ต้องบอกว่าการเมืองให้โอกาสในการทำงานกับสาธารณะ  และให้เรียนรู้ว่าสังคมมีความหลากหลายต้องมีศิลปะในการสื่อสาร จัดการ  รวมทั้งเรียนรู้ที่จะธำรงตนให้อยู่ในร่องในรอย ให้มีความเป็นธรรม เพราะในแวดวงการเมืองอำนาจมันพาไขว้เขวได้เร็วและเสียคนได้ง่าย
“อีกสิ่งที่ทำให้ชีวิตผมมีสุขในวันนี้   พอจะมองอะไรให้ไกลๆ  เพราะเชื่อในคำผู้ใหญ่ที่บอกให้อดเปรี้ยวไว้
กินหวาน  ตอนเรียนหนังสือ สมัยหนึ่งผมเป็นคนเรียนเก่งมาก  ต่อมาผมกลายเป็นคนเรียนหกตกหล่นมากมาย วินัยเป็นคำสั้นๆ  แต่วินัยมันมีความหมายจริงๆ คือการมองไปไกลๆ แล้วทนฝึก  หวานอยู่ไกลแค่ไหนถ้าเราต้องการหวานนั้น  ก็ให้อดเปรี้ยวไว้ซะ  นั่นคือวินัย ทำให้เรามีแบบแผนของการใช้ชีวิตแบบค่อนข้างมีวินัยในตัวเอง

“มาถึงวันนี้ผมยื่นยันว่าตำแหน่งไม่สำคัญเท่ากับบทบาท  ถ้ามีตำแหน่งแต่ไม่มีบทบาทก็ไม่มีประโยชน์ บุคคลตัวอย่างที่ผมเห็นคือ อ.ประเวศ วะสี ที่ไม่ต้องมีตำแหน่งเลย แต่ท่านก็นำเสนอเรื่องดีๆ ให้กับสังคมอย่างสม่ำเสมอได้ ท่านให้สติ ให้ปัญญา หรือพระสงฆ์หลายรูปที่เป็นปัญญาชนแผ่นดินสยามที่ออกมาอธิบายเรื่องต่างๆ นั้น  ท่านก็ไม่ได้อาศัยตำแหน่ง แต่ท่านพูดแล้วเกิดสติ เกิดปัญญา”  นี่เป็นบทสรุปชีวิตที่  “วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” กล่าวทิ้งท้ายเป็นข้อคิดให้กับทุกคน “คนเรายิ่งสูงมากเท่าไหร่ ต้องยิ่งทำตัวให้เล็กลงเท่านั้น  ยิ่งมีอำนาจมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องพยายามไม่ใช้อำนาจ”