ช่วงกระแสละคร "นางทาส" ฮิตๆ มีแต่คนบ่นคิดถึง (อดีต)นางเอกดัง
ตุ๋ย-มนฤดี ยมาภัย ที่ตอนนี้หันหลังให้วงการมายา
หันหน้าศึกษาพระธรรม โดยตุ๋ยยอมเปิดใจกับ "คนดังนั่งคุย"
ถึงช่วงชีวิตที่สงบสุขจากพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ช่วงกระแสละครนางทาส ได้รับรู้ข่าวบ้างมั้ย?
" ไม่ทราบเลย สำหรับตุ๋ยไม่ได้ดีใจและเสียใจ
ขอบคุณที่ยังคิดถึงตุ๋ย ใครอยากเจอตุ๋ยก็ไปที่วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ตั้งแต่ 7-9 โมงเช้า"
หายจากวงการไปนานมาก?
"ห่างละครไป 9 ปีกว่า ตอนนั้นเป็นผู้จัดละคร ค่ายพีดี วีดีโอ โปรดักชั่น
ทำละครเรื่องกำนันหญิง เป็นเรื่องสุดท้าย"
ตั้งใจหายไปหันศึกษาธรรมะเลยเหรอตอนนั้น?
" แรกๆไม่นะ แต่พอไปปฏิบัติธรรมสักพัก
ก็ไม่อยากกลับวงการแสดงแล้ว พอได้ศึกษาธรรมะรู้สึกสงบ
แต่ไม่ได้หมายความว่าวงการไม่ดี แต่เราเหมือนรู้แล้ว
ว่าความสุขที่แท้จริงคือความสุขจากความสงบ
แรกๆก็ไปศึกษาธรรมะแบบไปๆกลับๆ
จนพระอาจารย์เมืองเอามาไว้ที่วัดป่าบ้านตาด
ให้มาเรียนการภาวนากับหลวงตาบัว
ท่านก็เทศน์ธรรมะสอน จนอยู่ได้ 8 เดือน
ไม่ได้ออกไปจากวัดเลย พอครบกำหนดก็มาลาขอไปปฏิบัติเองข้างนอก
เราอยากให้โอกาสคนอื่นได้เข้ามาศึกษาธรรมะบ้าง
โดยตุ๋ยก็ออกมาเช่าห้องพักอยู่ข้างนอก
แต่ก็ตื่นตี 2 มาภาวนา เดินจงกรม
พอเริ่มมีแสงพระอาทิตย์ขึ้นแล้วก็มาทำบุญกับหลวงตาทุกเช้า
ลงไปจัดอาหารที่ญาติโยมนำมาถวายหลวงตา
และก็ทานข้าวอยู่ข้างหลังท่าน ทานสำรวม
ตอนปฏิบัติก็ฟังเทศน์ปฏิบัติตัวอย่าง เคร่งครัด
และท่านก็ออกไปสงเคราะห์โลกตามที่ต่างๆ
ตุ๋ยก็กลับที่พัก ไปล้างจาน ซักผ้า เจริญภาวนา
ทำอะไรก็ได้ให้มีสติอยู่กับตัว ท่านสอนให้ดูตัวเอง
และแก้ไขตัวเองไปทีละเรื่อง อะไรที่ผิดพลาดก็แก้ไข
การนั่งสมาธิแรกๆก็ยาก ท่านก็สอนให้
เราพิจารณาตัวเอง ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง มีแต่ของสกปรก
ไม่ให้ไปยึดติด และตุ๋ยก็ฟังคำเทศน์ของท่านทางวิทยุตอนกลางคืน
ซึ่งมีคำเทศน์ตั้งแต่ปี พ.ศ.2504 จากที่ตุ๋ยไม่เป็นอะไรเลย
แต่พอเราทำตามคำสอนก็ดีขึ้น
ทำให้เห็นความสำคัญในการเผยแพร่ธรรมะว่ามีประโยชน์มาก
ไม่ต้องมาเชื่อคำพูดของตุ๋ย แต่อยากให้ลองเปิดใจให้กว้าง
แล้วลองทำดู ว่าจะมีสิ่งอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง"
เสียดายมั้ยเราเป็นผู้หญิงบวชพระไม่ได้?
" แต่ก่อนเสียดาย แต่หลวงตาเทศน์ว่าพระอรหันต์ไม่ต้องเป็นหญิงหรือชาย
ก็สามารถบรรลุธรรมได้ ถ้าปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ธรรมะสามารถปฏิบัติได้ ขอให้ตั้งใจจริงๆ อยู่ตรงไหนก็ทำได้"
พูดเหมือนไม่กลับมาวงการแล้ว?
" คงไม่แล้ว แต่วันนี้ที่ออกมาจะมาฝากเรื่องวิทยุหลวงตา
อยากให้ รัฐบาลมีกฎหมายรองรับวิทยุเผยแพร่ธรรมะของหลวงตา
เพราะอยากให้ประชาชนรับรู้ปัญหาว่า
ตอนนี้การเผยแพร่ธรรมะของพระพุทธศาสนาไม่ มีกฎหมายรองรับ
จะมีก็แต่สามารถเผยแพร่ได้ 5-10 กิโลเมตรเท่านั้น
ในความรู้สึกตุ๋ยว่าจะทำให้ประชาชนและสังคมเสียโอกาส
ทั้งๆที่พระพุทธศาสนาเป็นของที่มีค่ามาก
เพราะเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
แล้วหลวงตาก็นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาสอน
ถ้าไม่มีแล้ว ประชาชนจะมีความทุกข์กันอีกเยอะ
เวลามีความทุกข์ถ้าได้ฟังธรรมะช่วยได้จริงๆนะ
อย่างน้อยๆคำสอนของพระ พุทธเจ้าแค่ศีล 5
ถ้าคนรักษาศีลได้ รับรองบ้านเมืองไม่เดือดร้อน
ตอนนี้ก็พยายามไปติดตามการร่างกฎหมาย
เนื่องจากรัฐบาลมีแนวคิดอยากจะจัดระเบียบตรงนี้
ตุ๋ยก็เห็นดีด้วย อยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีใจที่เป็นธรรม
ให้ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม พระพุทธศาสนา
คำสอนพระพุทธเจ้าสำคัญมาก
ทุกวันนี้ถ้าโลกไม่มีธรรมะ มันก็จะยิ่งร้อนไปอีก
ควร จะเปิดโอกาสให้ประชาชนรับทราบ
ช่วยทำประชาพิจารณ์ เพราะพระพุทธศาสนาเป็นของกลาง
ที่ประชาชนมีสิทธิที่จะฟังได้
อยากให้วิทยุของหลวงตาเป็นวิทยุภาคประชาชนระดับชาติ
หลวงตาสอนธรรมะมานาน ศูนย์กลางจากวัด
รับช่วงต่อไปอีก 170 กว่าสถานีทั่วประเทศ
ทุกคนได้รับประโยชน์จากตรงนี้มาก
ไม่ต้องเดินทางมาที่วัด อยู่ตรงไหนก็ปฏิบัติธรรมได้"
ทางโลกยังห่วงอะไรอีกมั้ย?
" มีคุณแม่ แต่ท่านก็อนุโมทนากับตุ๋ย"
เรื่องชีวิตคู่ล่ะ มองยังไง?
"ไม่มองแล้ว ยิ่งมาปฏิบัติธรรมไม่มีเลย
มองชีวิตคู่เป็นเรื่องของเค้า ไม่ใช่เรื่องของเรา (หัวเราะ)
ดูแค่ตัวเองก็แย่แล้ว แต่ไม่ใช่คนมีคู่จะไม่ดี
คนมีคู่ดีๆก็เยอะ ถ้าคู่นั้นมีศีลมีธรรมก็มีความสุขของครอบครัว
ท่านสอนให้ว่าการทำให้คนอื่นมีทุกข์ใจมันไม่ดี
แต่ก่อนตุ๋ยเคยคิดคนมีสตางค์มาก
มีผู้หญิงเยอะไม่ผิด ผิดค่ะ ไปทำร้ายจิตใจเค้าบาป"
ชีวิตหลังจากนี้?
" ปฏิบัติธรรมเป็นหลัก อะไรที่คิดว่าช่วยพระศาสนาได้ก็ทำ อยู่สงบๆ"
ลำบากมั้ย?
"ไม่ค่ะ หลวงตาสอนว่าถ้าสะดวกกาย
ใจจะไม่สงบ คนอื่นเค้าอยู่กันได้ เราก็อยู่ได้"
