Custom Search

May 13, 2008

ในหลวง ร.๙ ทรงห่วงเหตุการณ์ประเทศเพื่อนบ้าน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ร.๙ ทรงห่วงเหตุการณ์ประเทศเพื่อนบ้าน-จีน
มีพระบรมราโชวาทให้คนไทยมีความเอื้อเฟื้อ ช่วยเหลืออย่างพร้อมเพรียง
อุ้มชูประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เมืองไทยอยู่ได้
เมื่อเวลาเวลา 16.52 น.วันที่ 13 พฤษภาคม 2551
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ร.๙ เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต
พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายขวัญแก้ว วัชโรทัย นายกมูลนิธิราชประชานุเคราะห์
ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม
นำคณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในส่วนกลาง
,คณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัด
,อาสาสมัคร ฯลฯเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าถวายเงิน
เพื่อสมทบทุนมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
และมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม
กับโล่ของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ร.๙ พระราชทานพระบรมราโชวาทความว่า
"ในระยะเวลานี้ที่สถานการณ์ไม่ค่อยปกติในทางที่มีเหตุการณ์
ทำให้ประชาชนเดือดร้อนและแม้จะในประเทศใกล้เคียงก็มีเหตุการณ์ที่ไม่เรียบร้อย
รวมทั้งประเทศที่ห่างออกไปเช่นประเทศจีนได้มีเหตุการณ์ที่น่าหนักใจ
มูลนิธิสามารถที่จะช่วยเพื่อนบ้านบรรเทาทุกข์เพื่อนบ้านก็เป็นการดี
ในทางที่คนจะเห็นว่า เมืองไทยมีความอยู่เย็นเป็นสุขพอสมควร
เพราะว่า ประชาชนร่วมกันสร้างสถานการณ์ให้ดีช่วยกันในโอกาสที่มีเหตุการณ์
แสดงให้เห็นว่า เราจะต้องช่วยกันเพื่อให้ประเทศชาติ ประชาชนอยู่ดีกินดี
นอกจากนั้นก็ให้ประเทศที่อยู่ใกล้เคียงได้ผลพลอยได้ไปด้วย การที่จะช่วยอย่างที่เห็น
ช่วยประเทศเพื่อนบ้านให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดีขึ้น เพราะว่าไม่ใช่เฉพาะว่า
มีเหตุการณ์ไม่ปกติ แต่ว่า คนที่น่าจะได้รับประโยชน์ก็ไม่ได้รับประโยชน์
อันนี้จะทำให้ลำบาก เราก็ลำบาก แต่ก็ทำให้เห็นว่า คนไทยมีความเอื้อเฟื้อ
คนที่จะได้รับความเอื้อเฟื้อก็ไม่ยอมรับความเอื้อเฟื้อ แต่อย่างไรโดยที่ได้ทำให้คนยอมรับ
ความเอื้อเฟื้อทำให้ในที่สุดเขาก็ต้องรับ
และไม่ใช่เฉพาะประชาชนที่เดือดร้อนแต่บางประเทศชาติประเทศอื่นๆ
ที่ไม่ได้รับความเดือดร้อน แต่เขารับภาระที่จะช่วยประชาชนเพื่อนที่อยู่ในโลก
เขาก็ยอมรับว่า เราพยายามและพยายามเต็มที่ เพื่อจะช่วยประชาชนทุกชาติ ทุกภาษา
การที่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ได้ทำมาเป็นเวลาเกือบ 50 ปี แสดงให้เห็นว่า
คนไทยเป็นคนที่เอื้อเฟื้อคนไทยด้วยกัน เอื้อเฟื้อประชาชนที่ไม่ใช่คนไทย
แต่ก็อยู่เป็นเพื่อนบ้าน พื้นที่ที่อยู่ใกล้เคียงทำให้เห็นว่า คนไทยมีความดี
ในการที่คนไทยมีความดีนี้ทำให้เมืองไทยอยู่ได้
ไม่ใช่ประเทศที่อยู่ใกล้เคียงจะอยู่ได้เท่านั้น
คนไทยด้วยกันก็จะอยู่ได้แล้วคนไทยก็ควรจะสำนึกว่า
การทำอย่างที่ได้ทำมาเป็นเวลาเกือบ 50 ปีนี้ไม่เปล่าประโยชน์ที่ได้ทำตอนต้น
ทำอย่างเล็กๆน้อยๆ พยายามที่จะช่วยกันอุ้มชูประชาชนประชาชนอุ้มชูคนไทยด้วยกัน
แล้วก็ไปอุ้มชูประเทศชาติอื่นด้วย
ดังนั้นการที่ได้ทำนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ไม่ใช่พูดอย่างนี้มิได้แสดงให้เห็นว่า
คนไทยดีมากแต่ว่าดีที่รู้จักช่วยกัน ช่วยเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงทำให้โลกอยู่ได้
ฉะนั้นที่ได้ทำมาเป็นเวลา 50 ปี ก็มีประโยชน์พยามที่จะอธิบายให้ท่านฟังว่า
การกระทำอย่างนี้เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่จะช่วยให้ตัวเราเองดี มีความอยู่ดีกินดี
และก็ช่วยชาวโลกด้วยคือว่าพร้อมเพียง
ขอบใจทุกคนที่ได้ทำประโยชน์เพื่อมูลนิธิฯ ทั้งสอง
ในการทำประโยชน์แก่มูลนิธินี้ก็หมายความว่า ทำประโยชน์แก่กิจการที่ก้าวหน้า
ที่เห็นได้ชัดเจนว่า ก้าวหน้า และจะเห็นว่า เดี๋ยวนี้กิจการก้าวหน้าลำบาก
เพราะว่า สถานการณ์ลำบากกว่าทุกปี แต่ว่าความก้าวหน้ามี
ถ้าพูดถึงความก้าวหน้าทางการเงิน ชอบแต่พูดว่า การเงินดีมากมายจริงๆ มีพันล้าน
ความจริงเป็นความก้าวหน้าที่มหัศจรรย์ แต่ว่า ความก้าวหน้านี้ก็มีอยู่
ฉะนั้นก็ขอให้ท่านสังเกตว่า มีความก้าวหน้าในทางการเงิน
คนที่ชอบพูดถึงการเงิน มีการเงินเพิ่มเติมอย่างนั้นอย่างนี้ ก็เป็นอันว่า มีความพอใจได้
แต่มีความก้าวหน้าในทางการเงินก็หมายความว่า จิตใจอยากที่จะบริจาคเงิน
ไม่ใช่เงินเท่านั้นเองแต่บริจาคกำลัง หรือกำลังทรัพย์ที่จะเพียรบริจาคเป็นการแสดงว่า
ท่านทั้งหลายได้มีความตั้งใจที่จะทำให้กิจการต่างๆ ก้าวหน้าจริง
การนี้ที่กิจการก้าวหน้าดียิ่ง กิจการเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม
เพราะแสดงให้เห็นว่า ในเมืองไทยนี้อยากที่จะให้กิจการก้าวหน้า
มีความตั้งใจและเพื่อกิจการก้าวหน้าก็จะต้องพยามยามบ่ม ลงแรงให้ดี ลงทุนให้ดี
ที่สำคัญจะต้องตั้งใจช่วยกันเกื้อหนุนซึ่งกันให้ยั่งยืน ให้กิจการก้าวหน้าดี"