Custom Search

Dec 31, 2019

อาลัย ครูอ้น (2499-2562)




ภาพจาก สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร

วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562

กรุงเทพมหานคร ขอเชิญชวนร่วมงานประเพณีวันขึ้นปีใหม่ สวดมนต์ข้ามปี 62 ณ ลานคนเมือง




Dec 27, 2019

#อย่าหาว่าน้าสอน เพื่อนที่ดีที่สุดของเรา...คือตัวเราเอง


https://th-th.facebook.com/nanake555/

ครบรอบ 15 ปี "สึนามิถล่มไทย" ความสูญเสียรุนแรงจากคลื่นยักษ์



ที่มา : https://www.silpa-mag.com/this-day-in-history/article_43257



26 ธันวาคม 2547 เมื่อวานนี้เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ประเทศไทยต้องพบความสูญเสียรุนแรงจากคลื่นยักษ์หายนะที่เรียกว่า ‘สึนามิ’

เริ่มต้นเมื่อเวลา 07.58 น. (ตามเวลาประเทศไทย)เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ศูนย์กลางอยู่บริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะสุมาตรา
ประเทศอินโดนีเซีย ห่างจากจังหวัดภูเก็ต
ประมาณ 580 กิโลเมตร ที่ละติจูด 3.4 องศาเหนือ
ลองจิจูด 95.7 องศาตะวันออก ขนาดความรุนแรง 8.9 ริกเตอร์ ส่งผลกระทบเกือบทุกจังหวัดในภาคใต้
รวมถึงอาคารสูงหลายแห่งในกรุงเทพมหานคร

ในเวลา 08.30 น. เกิดแผ่นดินไหวรู้สึกได้อีกครั้ง
ศูนย์กลางอยู่บริเวณรัฐฉาน ประเทศพม่า ห่างจากจังหวัดเชียงใหม่ ประมาณ 200 กิโลเมตร ที่ละติจูด
20.76 องศาเหนือ 98.04 องศาตะวันออก มีขนาดประมาณ 6.4 ริกเตอร์ ทำให้เกิดความสั่นสะเทือนใน
หลายจังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ ลำปาง เชียงใหม่
เชียงราย และแม่ฮ่องสอน

แผ่นดินไหวที่มีจุดศูนย์กลางบริเวณเกาะสุมาตรา ที่เกิดขึ้นใต้น้ำ ก่อให้เกิดคลื่นน้ำขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า
‘สึนามิ’ (TSUNAMI) ส่งผลกระทบต่อสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย อาทิ หาดป่าตอง หาดกมลา หาดกะรน รวมถึงหาดในยาง
ซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติภูเก็ต รวมถึงประเทศอินโดนีเซีย อินเดีย ศรีลังกา มาเลเซีย อย่างรุนแรง

เหตุการณ์สึนามิถล่มไทย 6 จังหวัดภาตใต้ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา จังหวัดระนอง จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง และจังหวัดสตูล ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 5,400 คน บาดเจ็บกว่า 8,000 คน และสูญหายอีกจำนวนมาก

บ้านเรือนประชาชน รีสอร์ต และโรงแรม ตลอดจนระบบสาธารณูปโภคต่างๆ อาทิ ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ถนน มูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท

นอกจากนี้ยังสูญเสีย คุณพุ่ม เจนเซ่น พระโอรสในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ขณะที่คุณพุ่มเล่นเจ็ตสกีอยู่ชายหาดโรงแรมมันดะเลย์รีสอร์ต
บ้านเขาหลัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา สิริอายุ 21 ปี


สำหรับประเทศไทยถือเป็นเหตุการณ์ ‘สึนามิ’ ครั้งแรก และนับว่าเป็นความสูญเสียที่ร้ายแรงเกินจะนึกฝัน

Dec 24, 2019

Christmas Eve (2019)


Franz Xaver Gruber

Silent Night
Emer Barry and Affiniti

Kenny G performing "Silent Night"


"Silent Night"André Rieu

International Favorite Songs # 2



"I Swear" duet with All-4-one & John Michael Montgomery


Kenny Babyface and Kevon Edmonds - I Swear ( David Foster & Friends Live)



Babyface - Every Time I Close My Eyes 


Savage Garden - I Knew I Loved You 



Britney Spears - Sometimes



Michael Bolton . said I Love You But I lied

#อย่าหาว่าน้าสอน โลวเทคแต่ดูดี จีบแบบวิธี “โอลด์สคูล”


https://th-th.facebook.com/nanake555/

‘วชิราวุธฯ – ภ.ป.ร. : (OV - KC) ’ บู๊รักบี้ประเพณี หน27 ลั่นพร้อมปล้ำแย่งแชมป์ 25 ธ.ค. 62 ที่ธูปะเตมีย์



ภาพจาก มติชน

ภาพจาก Main Stand Co.,LtdL

ภ.ป.ร.ครองแชมป์รักบี้ประเพณีภ.ป.ร.-วชิราวุธสมัยที่17 



  • 25 ธ.ค. 62

พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง องคมนตรีผู้แทนพระองค์ เป็นประธานในการแข่งขันรักบี้ฟุตบอลประเพณี วชิราวุธวิทยาลัย - ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัยฯ ประจำปี 2562 ครั้งที่ 27 ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่สนามกีฬาธูปะเตมีย์ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา

    การแข่งขันรักบี้ฟุตบอลประเพณี วชิราวุธวิทยาลัย - ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัยฯ ใน 26 ครั้งที่ผ่านมา เป็นทาง ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัยฯ เอาชนะไป 16 ครั้ง ส่วน วชิราวุธวิทยาลัย ชนะได้ 8 ครั้ง และอีก 2 ครั้งเสมอกัน โดยการพบกันครั้งล่าสุดเป็นทาง ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัยฯ เอาชนะไป 23-10 จุด
ในปีนี้ วชิราวุธ ในฐานะเจ้าภาพจัดผู้เล่น 15 คนแรกอย่างเต็มสูบ ส่ง ปณิธาน ประจวบเหมาะ เป็นตัวฮุก และขนาบข้างด้วย กันต์ ดิษฐาน กับ เจษฎากร ทวีพรสวรรค์ ขยับมาในแถวสองมี ณัฐภัทร ประเสริฐวิทย์ กับ ศุภณัฐ วุฒิธรรมกิตติ ส่วนแถวสามจัดหนักด้วย พัชรภัทร ศรฤทธิ์ชิงชัย, เกิดเกล้า เวชโชกิตติกร, อภิชัย พิชัยกมล โดยมี อัครินทร์ ฐิติสกุลวิทย์ เป็นสกรัม, สิชล นครินทร์ เป็นฟลายฮาล์ฟ ส่วนเซนเตอร์ 2 คนเป็น คมจักร จักรพันธุ์ ณ อยุธยา กับ พีรณัฐ ปุษปาคม ด้านเกมริมเส้นเป็นหน้าที่ของ ภูวดล ผลึกเพ็ชร กับ ชวกร ศิวปรีชากุล และ วรงค์กรณ์ คำเกิด ยืนเป็นฟูลแบ็ก

ด้าน ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัยฯ แชมป์ 16 สมัย และใน 2 ครั้งหลังสุดก็เป็นฝ่ายที่กำชัยได้ ในปีนี้มีผู้เล่นที่จัดจ้านเป็นอย่างมากทั้งทีมชาติชุดใหญ่-ชุดเล็ก และ อดีตทีมชาติ แน่นทีม โดย 15 คนแรกในแถว 1 มี เอกฉัตร ลิ่มมั่ง, กฤช ปภาวีร์, ชินวัฒน์ หิรัญชัย ขณะที่แถวสอง ปวีรกร ธนานันทกุล ยืนคู่กับ สหรัฐ จันทร์เมือง ขยับมาที่แถวสาม เอกกมล อนันตกลิ่น, ศุภกานต์ เนตรขำ, สุเมธ ทำมาพร โดยมี ยศกร วัชรคงศักดิ์ เป็นสกรัม พิชญ์พงษ์ พลายบัว เป็นฟลายฮาล์ฟ ด้าน วุฒิพงศ์ สกุลเทียนทอง ลงยืนเซนเตอร์คู่กับ วัชชกร วรเชษฐ์ ขณะที่เกมริมเส้นส่ง พิชิต ยิ่งเจริญ กับ พีระพล ชูควร และ วุฒิกร แก้วเขียว ยืนคุมหลังเป็นฟูลแบ็ก

เริ่มเกมได้ 10 นาทีเป็นทาง ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัยฯ ที่ออกนำไปก่อน 3-0 จุด
จากการเตะโทษของ พิชญ์พงษ์ พลายบัว แต่เพียง 4 นาที
วรงค์กรณ์ คำเกิด ก็มาเตะโทษคืนให้ วชิราวุธ ตีเสมอเป็น 3-3 จุด
จนกระทั่งในนาทีที่ 29 เป็นจังหวะที่ ภ.ป.ร.เปิดเกมบุกใส่บดกันอยู่หน้าเขตวางทรัยของ
วชิราวุธ ซึ่งเกมบดอยู่อย่างหนักและเป็นฝ่าย ภ.ป.ร.ที่ดันเข้าวางทรัยได้โดย
เอกกมล อนันตกลิ่น และ พิชญ์พงษ์ เตะเปลี่ยนเข้าไปทำให้ออกนำ 10-3 จุด
ก่อนจบครึ่งแรก ภ.ป.ร.มาได้เพิ่มจากการวางทรัยและเตะเปลี่ยนนำห่างเป็น 17-3 จุด
ในครึ่งหลัง วรงค์กรณ์ คำเกิด เตะเริ่มเกมขึ้นมาแต่ทางผู้เล่น ภ.ป.ร.รับบอลพลาดหลุดมือและเป็นทาง
ฆฤณ ลักษณะสมพงษ์ เก็บตกแล้ววิ่งฝ่าเข้าไปวางทรัยกลางประตูและ วรงค์กรณ์ เตะเปลี่ยนเข้าไป
ไล่มาเป็น 10-17 จุด ในเวลาต่อมาวชิราวุธ โหมเกมบุกเข้าใส่อย่างหนัก
มีลุ้นวางทรัยแต่ก็วางไม่ได้ทำให้เป็นทีของ ภ.ป.ร.ที่
ฉวยจังหวะพลิกกลับมาเล่นเกมรุกหน้าเขตทรัยวชิราวุธ
แต่แล้วด้วยความผิดพลาดในการขึ้นเกมรุกของวชิราวุธทำให้ ภ.ป.ร.ได้เตะโทษเข้าไปทำให้นำห่าง
เป็น 20-10 จุด
จากนั้นวชิราวุธเซตเกมขึ้นมาใหม่แต่ก็โดนแนวรับ ภ.ป.ร.ดักทางได้หมดแล้ว
เปลี่ยนจากตั้งรับกลับเป็นรุกอย่างรวดเร็ว
จาก วุฒิกร แก้วเขียว ที่สวนกลับทางริมเส้นวิ่งยาวแล้ว
เตะขึ้นมาแล้วใช้ความเร็ววิ่งวางทรัยขยับเป็น 25-10 จุด
แต่ วชิราวุธ ไม่ยอมแพ้พยายามเซตเกมกันขึ้นมาอีกครั้ง
และเป็น อภิชัย พิชัยกมล ที่วางทรัย

และ วรงค์กรณ์ เตะเปลี่ยนเข้าไปไล่มาเป็น 17-25 จุด
หลังจากนั้นทั้งคู่ต่างก็เปิดเกมเข้าใส่กันและในวินาทีสุดท้าย
วชิราวุธมาได้ 1 ทรัยกับ 1 เตะเปลี่ยน ไล่มาเป็น 24-25 จุด
และจบเกมเป็น ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัยฯ เอาชนะไป 25-24 จุด ป้องกันแชมป์เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน
และบวกสถิติเพิ่มเป็น 17 สมัย 

Dec 22, 2019

Nake and the city : เปิดใจศิลปินไร้สังกัด "illslick" เจ้าของเพลงฮิปฮอปสุดฮิต 4 พ.ย.57









ILLSLICK อย่าปลุก ‘เสือหลับ’ ที่อุทิศชีวิตให้กับการทำเพลงฮิปฮอป
















โดย ณัฐนันท์ เฉลิมพนัส

14.11.2019


ที่มา https://thestandard.co/illslick/



“เพลงฮิตของวันนี้คือเพลงฮิตของวันนี้ เพลงฮิตของเมื่อวานคือเพลงของเมื่อวาน พรุ่งนี้ทำใหม่ ผมตื่นมาทำเพลงทุกวัน นี่คือชีวิต นี่คือไลฟ์สไตล์ของผม เพลงเหมือนการกินข้าว เวลามีคนถามว่าทำเพลงอยู่หรือเปล่า ผมถามกลับว่า มึงกินข้าวอยู่หรือเปล่าล่ะ” 

คือคำตอบสั้นๆ จากรายการ Nake and the City ที่สรุปตัวตน และวิถีชีวิตที่อุทิศให้กับการทำเพลงฮิปฮอป ของ โต้ง-ทิฆัมพร เวชไทยสงค์ หรือ ILLSLICK แรปเปอร์ ‘เสือหลับ’ ที่เพิ่งจับมือกับ DM (Dynamite) เพื่อนสนิทสมัยเด็กจากวง Thaiblood และ KK จากวง Thaikoon ปล่อยเพลงแรปสุดเดือด Set Zero ออกมาเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 

จนกลายเป็นกระแส ‘ใครไปปลุกให้แกตื่น?’ ที่ก่อนจะได้คำตอบว่าใครเป็นคนปลุกให้เขาตื่น THE STANDARD POP ขอพาทุกคนย้อนกลับไปดูก่อนว่า ILLSLICK คือใคร และทำไมการ ‘ตื่น’ ของเขาถึงกลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมา 

ย้อนกลับไปเมื่อ 7-8 ปีก่อน ILLSLICK (Ill เป็นแสลงที่มีความหมายว่าทำอะไรถึงที่สุด ส่วน Slick มีความหมายว่าลื่นไหล) แรปเปอร์อันเดอร์กราวด์ ที่โผล่ขึ้นมาใช้เพลงฮิปฮอปบุกเบิกและยึดพื้นที่การฟังเพลงบน YouTube ในวันที่จะมีสักคลิปที่มียอดวิวเกินหนึ่งล้านเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็น แต่ ILLSLICK สามารถส่งให้เพลงอย่าง I Need A Girl, รักเมียที่สุดในโลก, ใจร้าย, ถ้าหากโลกนี้ไม่มีดวงจันทร์, หยุดเวลาด้วยสายตา, M-Leg มียอดวิวเกินสิบล้านได้ราวกับเป็นเรื่องปกติ   

กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ILLSLICK เริ่มต้นฟังเพลงฮิปฮอปจากเพื่อนๆ ตั้งแต่เด็ก และเริ่มฝึกแรปด้วยการไปซื้อเทปเพลงต่างประเทศหลายๆ อัลบั้มที่มีโบนัสแทร็ก แล้วอัดแยกเฉพาะโบนัสแทร็กทำเป็นอัลบั้มที่มีแต่ดนตรีเปล่าๆ เพื่อฝึกแรปให้ตรงจังหวะตั้งแต่ช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 1

เริ่มพัฒนาอัดเพลงด้วยคอมพิวเตอร์ช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 3 และเริ่มเข้าหาห้องอัดทำเพลงอย่างจริงจังในปีต่อมา ขณะที่เพื่อนๆ หลายคนเริ่มหันไปทำอย่างอื่น แต่ถึงแม้จะไม่มีคนฟัง เหลือเพื่อนแค่ไม่กี่คน ILLSLICK ยังยืนยันที่จะทำเพลงต่อไปโดยไม่สนว่าจะดังหรือเปล่า เขาคิดแค่ว่าอยากมีเพลง ‘ที่ดี’ เอาไว้ฟัง และเขาก็ทุ่มทุกอย่างในชีวิตเพื่อสร้างเพลงเหล่านั้น 

กระทั่งช่วงใกล้จบมหาวิทยาลัย ILLSLICK ได้เล่นเป็นวงเปิดให้กับวง Thaikoon และ KK ถูกใจสไตล์เพลงที่เล่นแบบไม่ได้เอาใจคนฟังของเขา และชวนมาทำเพลงด้วยกัน จนกลายเป็นเพลง I Need A Girl ที่เริ่มทำให้ชื่อ ILLSLICK กลายเป็นที่รู้จัก ตามด้วยเพลงจำนวนนับร้อยที่เขาทำขึ้นมา โดยที่จำได้ไม่หมดด้วยซ้ำ ว่าตัวเองเคยทำเพลงอะไรออกมาบ้าง 

นอกจากการทำเพลงฮิตออกมามากมาย ในช่วงเวลาหนึ่ง ILLSLICK เคยมีชื่อเสียงในฐานะ ‘แรปเปอร์ปากกล้า’ ที่สร้างชื่อจากการทำเพลงดิส (Disrespect Song) แข่งกับแรปเปอร์คนอื่นๆ ในการแข่งขันแรปแบลเทิลสมัยก่อน ที่ดวลกันในรูปแบบ Audio Battle สลับกันสร้างเพลง ‘ด่า’ อีกฝ่าย แล้วให้คนดูช่วยกันตัดสินใจบนเว็บบอร์ดอย่าง Siamhiphop ที่โด่งดังในโลกใต้ดินสมัยนั้น และคว้าแชมป์รายการ SEA Audio Battle Vol.2 ในปี 2008 มาได้สำเร็จ 

ถ้าอยากรู้ว่าเมื่อก่อน ILLSLICK แรปดิสคนได้เดือดขนาดไหน ลองเข้าไปใน YouTube เสิร์ชคำว่า ILLSLICK vs จะเห็นชื่อ ILLSLICK vs SP-J, P9d, Lil King, YZ Flow ฯลฯ ก็กดเข้าไปฟังกันได้เลย 

ถึงแม้ในหลายๆ ครั้งเราจะได้ยินข่าวที่ไม่ดีของ ILLSLICK ทั้งเรื่องความประพฤติส่วนตัว การทะเลาะกับแรปเปอร์คนอื่นๆ ที่ทำให้เขาเหมือนจะถูก ‘แบน’ จากวงการอยู่พักหนึ่ง แต่เขาก็ยังทำเพลงออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่สนใจกระแสดราม่า หรือต่อต้านใดๆ อย่างที่เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ชีวิตเขามีแต่การทำเพลง และเขาก็ยืนยันเรื่องนั้นด้วยการทำเพลงให้ทุกคนได้เห็นจริงๆ 

ถึงแม้ในช่วงหลังๆ เขาจะทำเพลงน้อยลงกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังมีคน Subscribe ในแชนแนล Illslick Thelegandary มากถึง 3.7 ล้านบัญชี มีเพลงจูบฝันซ้อนฝันกำลังจะ ที่มียอดวิวเกิน 100 ล้าน และเพลง ถ้าเธอต้องเลือก ที่ปล่อยเมื่อปีที่แล้ว และมีคนฟังไปแล้ว 374 ล้านครั้ง! 

เพลงของ ILLSLICK ไม่ได้แค่ทำงานกับความรู้สึกของคนฟังที่ชอบเพลงของเขา แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับ YOUNGOHM, OG-ANIC และแรปเปอร์รุ่นใหม่อีกหลายคน ที่เติบโตมากับการฟังเพลงของเขา และคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องทำเพลงแบบนี้ออกมาให้ได้ 

แรปเปอร์รุ่นพี่อย่าง กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่ ที่แม้จะเคยมีปัญหากันมาบ้าง แต่ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ถึง ILLSLICK ในรายการ ป๋าเต็ดทอล์ก ว่า 

“ILLSLICK แม่ง God ILLSLICK คือคนสร้างรากฐานอย่างที่ฮิปฮอปไทยเป็น ณ วันนี้ ที่ร้องๆ กันวันนี้มีแรงบันดาลใจจาก ILLSLICK ทั้งนั้น เป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องอะไรทั้งนั้น ใครจะว่าอะไรกูก็อยู่ในสตูฯ ทำเพลงอย่างเดียว แล้วทำเพลงฮิตด้วย” 

ถ้าไม่นับสมัยที่ยังเป็นแรปเปอร์คึกคะนอง ทำเพลงดิสโจมตีคนอื่นในการแข่งขัน (บางครั้งก็มีนอกรอบกันบ้าง) เราจะเห็นว่าเพลงของ ILLSLICK แทบจะไม่มีเนื้อหาโจมตีหรือให้ร้ายใครมาเป็นเวลาหลายปี จนหลายคนคิดว่าเขาคนที่เคยเกรี้ยวกราด ดุดัน ให้กลายสภาพเป็น ‘เสือหลับ’ ที่พักผ่อนอยู่ในถ้ำ ตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่สนใจกระแสใดๆ นอกจากทำเพลงของตัวเองออกมาอย่างเดียวเท่านั้น 

เพราะฉะนั้น การที่ ILLSLICK ปลุกวิญญาณ ‘เสือป่า’ ที่สวมสัญชาตญาณ ‘นักฆ่า’ ทำเพลง Set Zero ที่เนื้อหา ‘รุนแรง’ และเจ็บแสบออกมาสักครั้งหนึ่ง เลยไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ ในช่วงเวลานี้ จนกลายเป็นกระแสที่แฟนเพลง และคนในวงการฮิปฮอปจับตา 

และมีหลายคนเชื่อว่าเป็นเพลงดิส ที่แต่งขึ้นมาเพื่อพูดถึงวง MEYOU ศิลปินรุ่นน้องที่เพิ่งมีปัญหากันเมื่อปลายเดือนกันยายนโดยเฉพาะ จากกรณีที่วง MEYOU นำเพลง M-Leg ของ ILLSLICK มาดัดแปลง และนำไปร้องบนเวทีคอนเสิร์ตอยู่หลายครั้ง จน DM ออกมาโพสต์ว่าจะดำเนินการทางกฎหมายผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว

ทางวง MEYOU ที่มี มิว-ชิษณุชา ตันติเมธ เป็นนักร้องนำของวงก็ได้ลบคลิปเพลง M-Leg เวอร์ชันรีมิกซ์ออกจากแชนแนล YouTube ส่งข้อความไปขอโทษ ILLSLICK และบอกเหตุผลว่าที่นำเพลง M-Leg มาทำใหม่เพราะชื่นชอบในเพลงนี้ ไม่ได้มีเจตนาอื่นแต่อย่างใด 

หลังจากนั้นเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ระหว่างแฟนคลับทั้ง 2 ฝ่ายอย่างรุนแรง แฟนคลับ MEYOU ออกมาบอกว่า ILLSLICK ก็เคยนำทำนองของศิลปินต่างประเทศมาใส่เนื้อร้องของตัวเองเข้าไป ซึ่งอีกฝั่งก็อธิบายว่าการทำ Mixtape เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมฮิปฮอปไทย ในยุคที่ศิลปินและโปรดิวเซอร์เพลงฮิปฮอปยังไม่เป็นที่ยอมรับ และไม่ใช่ว่าจะสามารถสร้าง ‘บีต’ ที่เป็นออริจินัลของตัวเองได้ทุกคน 

นาทีนี้เพลง Set Zero ได้กลายเป็นงานเพลงทรงพลัง ที่ยืนยันตัวตนของ ILLSLICK ที่พูดน้อย ไม่แสดงออกพร่ำเพรื่อ และใช้ ‘งานศิลปะ’ บอกเล่าเรื่องราว พูดแทนความรู้สึกบอกให้ทุกคนรู้ว่า

‘เสือ’ ที่เคยหลับใหล ได้ถูกปลุกให้ตื่นมา และมีการทำ ‘เพลง’ ออกมาเท่านั้นที่จะเป็นอาวุธในการต่อสู้กับเสือตัวนี้ได้ดีกว่าการโพสต์ผ่าน Instagram Stories หรือคำพูดลอยๆ ที่ไม่ต้องใช้ศิลปะและความสามารถเพิ่มเติม 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: 

Dec 19, 2019

สิ่งที่ยากที่สุด คือเราต้องรับความจริง l ป๊อป อารียา WOODY FM Podcasts Full


#คุยต้องรวย จัดระเบียบ “หนี้บ้าน” ก่อนจะบาน~เดี๋ยวจะบ้า

 

The Money Coach – จักรพงษ์ เมษพันธุ์ (โค้ชหนุ่ม)

https://www.facebook.com/TheMoneyCoachTH
ภาพจาก thestandard

วันที่ 14 พ.ค. 2561 เวลา 15:38 น.  
เรื่อง กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

เขาไม่ใช่แค่คนปลดหนี้ 18 ล้านบาท แต่เขายังปลดล็อกความคิดด้านการเงินของคนนับไม่ถ้วน จนตอนนี้ใครๆ ก็เรียกเขาว่า “หนุ่ม เดอะ มันนี่ โค้ช” วิทยากรด้านการเงินและไอดอลของคนที่อยากปลดหนี้และอยากประสบความสำเร็จทางการเงิน แต่ จักรพงษ์ เมษพันธุ์ ยังเป็นผู้ชายคนเดียวกับที่เป็นหัวหน้าครอบครัววัย 44 ปี คุณพ่อที่ต้องการเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี และสามีที่ไม่อยากมีเงินล้นฟ้า แต่อยากมีเวลาให้ครอบครัว

กว่าจะถึงวันนี้ได้ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน เขาเคยเป็นนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่วาดฝันว่าจะได้ทำงานที่ดีหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่แล้วความฝันก็กระจุยเมื่อธุรกิจของครอบครัวล้มกระจาย พร้อมกับการมีหนี้ 18 ล้านบาท



“ตั้งแต่เด็กเราเป็นคนที่ใช้ชีวิตสบาย เพราะเติบโตมาในบ้านที่มีธุรกิจ” เวลานั้นคือช่วงปี 2540 ธุรกิจอู่ซ่อมรถยนต์และขายอะไหล่ของครอบครัวได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตต้มยำกุ้ง “ด้วยความที่เป็นลูกชายคนโต เราต้องเข้าไปช่วยที่บ้านแก้ปัญหา ซึ่งเงินเดือนของวิศวกรมันไม่พอ แต่ที่หนักกว่านั้นคือ ความรู้เราไม่พอ ผมจึงกระโดดเข้าไปแก้ปัญหาด้วยความอยากเป็นลูกกตัญญูโดยไม่มีความรู้ ด้วยการใช้เครดิตส่วนตัวไปกู้เงินสินเชื่อบุคคลมาช่วยที่บ้าน ซึ่งยิ่งทำให้เพี้ยนหนักเพราะหนี้ธุรกิจที่มีอยู่ 18 ล้านบาท ต้องมาบวกกับหนี้ของตัวเองเข้าไปอีกล้านกว่าบาท ทุกอย่างจึงย่ำแย่กว่าเดิม”



เขาเชื่ออย่างหนึ่งว่า ถ้าหาเงินได้มากก็จะแก้ปัญหาเรื่องเงินได้ วิศวกรหนุ่มจึงทำงานหารายได้พิเศษทั้งรับของมาขาย ขายประกัน กระทั่งรับเป็นที่ปรึกษาให้โรงงาน ซึ่งเมื่อได้เงินมาก็นำไปปลดหนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังไม่หมดเสียทีเป็นระยะนานกว่า 7 ปี จนทำให้เขาเริ่มตั้งข้อสงสัยและเริ่มหาความรู้อันเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาเรื่องการเงิน

“ตอนนั้นตำราในเมืองไทยยังไม่มี” เขาค้นหาหนังสือความรู้ทางด้านการเงินส่วนบุคคล (Personal Finance) และสั่งซื้อหนังสือจากเว็บไซต์ต่างประเทศ “เมื่อศึกษาจึงทำให้รู้ว่าการจัดการหนี้มันง่ายกว่าที่เราคิด เพราะวิธีแก้ที่ง่ายและตรงที่สุดคือ เดินเข้าแบงก์ คุยกับเจ้าหนี้ บอกตามตรงว่าผมไม่ไหวจะทำยังไงได้บ้าง และความรู้แรกที่ได้มาคือ ความรู้เรื่องบ้าน”

แม้ว่าเขาและครอบครัวจะทำใจได้ยากที่ต้องขายบ้าน แต่จำเป็นต้องทำ เพราะบ้านเป็นสิ่งที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากกัดฟันผ่อนต่อไปจะกลายเป็นหนี้สิน แต่เมื่อตัดสินใจขาย วันนั้นเขารับเช็คเงินสดมา 1 ล้านบาท พร้อมกับความคิดที่ว่า สามารถตั้งต้นใหม่โดยที่ไม่มีภาระใหญ่อยู่กับตัว

“คนส่วนใหญ่เมื่อได้เงินก้อนใหญ่มาจะนำไปใช้หนี้ให้มากที่สุด ซึ่งนั่นผิด เราต้องกั๊กไว้บ้างเพราะการที่เราไม่มีเงินอยู่บนหน้าตักเลย หากวันหนึ่งต้องใช้เงินขึ้นมา สมองเราจะปั่นป่วนมาก เพราะฉะนั้นเมื่อมีเงิน 1 ล้าน ผมก็เข้าไปเจรจากับเจ้าหนี้แต่ละราย และนำเงินตรงนี้ไปเป็นทุนทำอย่างอื่นด้วย”

นอกจากนี้ หนุ่มยังค้นพบว่า คนที่เป็นหนี้อย่าจำกัดศักยภาพตัวเอง “บ้านเช่าดูเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะลงทุนได้กับคนที่การเงินพังหมดแล้ว แต่พอผมเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ เพราะเมื่อคนเราคิดจะสู้จริงๆ มันจะเห็นช่องทาง สิ่งที่ทำให้การเงินไม่เขยิบไปข้างหน้า เพราะเราชอบคิดว่าต้องรอให้มีเงินก่อนค่อยคิดว่าจะทำอะไรดี แต่ที่ถูกคือไม่ใช่ เราต้องคิดก่อนว่าจะทำอะไร พอเราเจอช่อง เราเห็นทาง สมองเราจะทำงานได้เองว่าเราจะหาเงินจากที่ไหน

ผมเองก็ศึกษาเรื่องการลงทุนก่อน ลงไปดูบ้านเช่าทั้งๆ ที่ไม่มีเงิน แต่เมื่อไม่สามารถกู้ธนาคารได้ก็หันไปกู้สหกรณ์ ใช้เงินค่าเช่ามาผ่อนบ้านและเหลือกำไรไว้ใช้ จากที่เคยพุ่งเป้าหาเงินให้ได้มากที่สุด ผมรู้แล้วว่าเงินคือความคิด เงินคือไอเดีย และจากนั้นทุกอย่างจะปลดล็อกได้เร็วขึ้นเพราะการต่อไอเดียไปเรื่อยๆ”

จากวันที่เดินเข้าไปคุยกับเจ้าหนี้หรือเจรจา จากการตัดสินใจขายบ้านหรือตัดค่าใช้จ่าย จากความขยันหรือการหารายได้พิเศษ และจากไอเดียหรือการลงทุนเพื่อให้ได้กำไรต่อเนื่อง ทำให้หนี้ทั้งหมดถูกปลดเป็นปลิดทิ้งภายในระยะเวลา 5 ปีแถมมีธุรกิจและทรัพย์สินติดมาด้วย

“วันที่เป็นหนี้ ไม่ต้องกลัว” เขามักพูดประโยคนี้ “ตอนที่เป็นหนี้สิ่งที่แย่ที่สุดไม่ใช่การไม่มีเงิน แต่มันคือความสูญเสียความภูมิใจในชีวิต เรื่องนี้เจ็บปวดมาก เมื่อเรามองเหลือบไปที่เพื่อนในรุ่นเดียวกันเขามีรถมีบ้าน แต่เราต้องเสียบ้าน และเมื่อความภูมิใจถูกบั่นทอนไปนานๆ ทำให้มันไปกระทบต่อความมั่นใจ ตอนนั้นผมจึงสู้ให้ตายกันไปข้าง เพราะผมไม่อยากเป็นหนี้ไปจนวันตาย แม้ว่าจะใช้เวลาแก้หนี้สิบปีหรือยี่สิบปี อย่างน้อยผมก็ยังเหลือเวลาในชีวิตให้มีความสุขได้ เมื่อคิดได้แบบนี้แล้วพลังมันมา ทำให้ผมสามารถทำหลายๆ อย่างพร้อมกันได้ ที่สำคัญคือ ผมไม่อยากจนจนวันตายเพราะมันเป็นสิ่งที่น่ากลัว”

เมื่อแก้หนี้ของตัวเองและครอบครัวได้แล้ว เขาเริ่มให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่ผู้อื่นที่มีปัญหาด้านการเงินผ่านสื่อออนไลน์ ขณะเดียวกันเขาก็ได้รับความรู้ด้านอื่นจากเพื่อนพ้องกลับมา และทำให้เข้าใจว่า โลกนี้เป็นโลกของโอกาสและเป็นโลกของความร่วมมือ

“คนที่คิดหรือทำอะไรด้วยตัวเองคนเดียวอาจจะประสบความสำเร็จช้ากว่าคนที่รู้จักใช้ทรัพยากรรอบตัวให้มีประโยชน์” เขาอยู่ในชมรมพ่อรวยสอนลูก เพจเฟซบุ๊กของคนที่ชื่นชอบหนังสือชื่อเดียวกับชมรม และมีแนวคิดอยากสร้างเนื้อสร้างตัวเหมือนๆ กัน โดยระยะเวลา 7 ปีทำให้เขาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคนจำนวนไม่น้อยก่อนที่แต่ละคนจะแยกย้ายไปทำภารกิจ เหลือเพียงเขาที่ตัดสินใจสืบสานต่อและเปลี่ยนชื่อเพจเป็น Money Coach

“ผมเคยพูดกับภรรยาในวันที่เป็นหนี้หนักๆ ว่า ถ้าเราผ่านมันไปได้ เราอยากจะช่วยให้คนอื่นผ่านพ้นไปได้เหมือนกัน โดยการทำให้พวกเขารู้ว่าต้องทำอย่างไร

สำหรับผมคำว่า โค้ช ไม่ใช่ผู้ทรงความรู้แต่อย่างไร เพราะคำว่าโค้ชที่ผมเลือกมาใช้มีที่มาจากโค้ชฟุตบอลที่ไม่ได้ลงไปเตะในสนาม แต่เป็นคนวางแผนให้ทีม ซึ่งการเงินก็คล้ายกันเพราะผมตัดสินใจแทนคุณไม่ได้ แต่ผมสามารถให้คำแนะนำได้ว่าทางเลือกไหนดี หรือทางเลือกไหนไม่ดีอย่างไร ผมจะบอกวิธีคิดแต่ไม่บอกคำตอบ และสุดท้ายคุณต้องเลือกเอง เพราะมันคือชีวิตคุณ และเงินจะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต”

จากเพจเฟซบุ๊ก เขาต่อยอดไปสู่ยูทูบ จนถึงคอร์สสัมมนา โดยเริ่มจากกลุ่มเล็กๆ เพื่อทดสอบกลายๆ ว่าสิ่งที่เขาพูดไปนั้นมันถูกต้องหรือไม่ ซึ่งโจทย์แรกที่เขาตั้งขึ้นมาคือ ถ้าอยากมีชีวิตทางการเงินที่มีความสุขต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง

วิธีคิดของเขาประกอบด้วย 6 ข้อ ได้แก่ หนึ่ง สภาพคล่องดี เพราะถ้าการเงินไม่ติดลบ สมองก็คิดทางออกได้ง่าย สอง ปลอดหนี้จน หมายถึงการหลีกเลี่ยงหนี้บริโภคต่างๆ สาม พร้อมชนความเสี่ยง คนคนนั้นต้องจัดการความเสี่ยงของตัวเองให้เป็น สี่ มีเสบียงสำรอง หรือมีเงินออมเพราะความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ห้า สอดคล้องเกณฑ์ภาษี คือต้องดูแลและรับผิดชอบเรื่องภาษี และหก บั้นปลายมีทุนเกษียณ ระหว่างทำงานจะรวยหรือเปล่าไม่สำคัญเท่าหลังจากไม่มีงานทำต้องรวยในระดับที่สามารถดูแลตัวเองได้

หลังจากนั้นเขาได้ก่อตั้งมูลนิธิคนไทยฉลาดการเงิน ทำหน้าที่สอนและให้ความรู้ทางการเงินแก่คนไทยทั้งประเทศ โดยผู้ที่เข้ามาเรียนจะเสียค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าอาหารและค่าเอกสาร ส่วนวิทยากรทุกคนไม่ได้รับค่าจ้าง ซึ่งปัจจุบันเปิดสอนมาแล้ว 24 รุ่น

ถามเขาต่อว่า กลัวที่จะกลับไปเป็นหนี้เหมือนเดิมอีกหรือไม่ เขาตอบแทบจะทันทีว่า ไม่ แถมยังชอบเป็นหนี้อีกต่างหาก “ถึงวันนี้ผมพบว่า มันมีคำสอนทางการเงินอย่างหนึ่งที่ผิด นั่นคือคำพูดที่ว่า การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ อย่าสอนลูกหลานแบบนั้นเพราะมันผิด ที่ถูกต้องพูดว่า การไม่มีหนี้จนเป็นลาภอันประเสริฐ เพราะมันยังมีหนี้อีกประเภทหนึ่งคือ หนี้ของการลงทุนที่สามารถใช้หนี้เพื่อสร้างโอกาสในวันที่เราไม่มีเงินลงทุน อย่าใช้คำว่าหนี้มาปิดความคิดและปิดโอกาส สำหรับโลกยุคใหม่ ถ้าไม่ลงทุนถือว่าแย่มากและจะไม่รอด เพราะดอกเบี้ยเงินฝากช่วยเราไม่ได้แล้ว และการลงทุนโดยใช้เงินคนอื่นเป็นจะทำให้มั่งคั่งได้เร็วขึ้น ซึ่งนี่เป็นความรู้ทางการเงินขั้นสูงสุดแล้ว”

ในตอนนี้ชีวิตของโค้ชหนุ่มมีความสุข ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า เงินซื้อความสุขได้ ทว่า ความสุขทั้งหมดไม่จำเป็นต้องใช้เงินซื้อ “คนส่วนใหญ่มักมองว่าการประสบความสำเร็จทางด้านการเงินคือ การมีเงินเยอะ จับจ่ายใช้สอยอะไรก็ได้ แต่พอผมใช้ชีวิตมาถึงวันนี้ ผมมีความรู้สึกว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่ความสุขสูงสุดของเราที่เป็นเรื่องตัวเงินจริงๆ คือ ในวันที่มีคนในครอบครัวเจ็บป่วยแล้วเรามีเงินที่จะให้การรักษาอย่างเต็มกำลัง นั่นคือที่สุดของคำว่า ความสุขทางการเงิน”

ระยะเวลากว่า 13 ปีหลังจากเข้ามาอยู่ในแวดวงการเงินอย่างจริงจัง ถึงวันนี้เขาไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนวงโคจร ทั้งยังตั้งสองปณิธานสุดท้ายของชีวิตไว้ว่า จะเผยแพร่ความรู้ทางการเงินให้คนไทย และจะเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี

“เราทุกคนสามารถเป็นผู้นำกองทัพทางการเงินที่ไม่ต้องรอใครมาช่วยให้การเงินเราเปลี่ยนแปลง แต่เราสามารถมีชีวิตดีขึ้นได้ด้วยตัวเอง โดยเริ่มต้นได้จากการปฏิวัติการเงิน ไม่ต้องรอให้เจ้านายขึ้นเงินเดือน ไม่รอให้เศรษฐกิจดีขึ้น หรือไม่รอให้รัฐบาลยื่นมือเข้ามา แต่เราต้องปฏิวัติความคิด ความรู้ และวิธีการของตัวเอง”

ในเดือน มิ.ย.นี้ โค้ชหนุ่มจะเปิดทอล์กโชว์อีกครั้งเป็นปีที่ 4 กับ เอสซีบี พรีเซนต์ มันนี่โค้ช ออน สเตจ 4.0 เรโวลูชั่น ตอน การเงินมีปัญหา ถึงเวลาต้องปฏิวัติ

“ถึงเวลานี้ผมมั่นใจว่า ไม่ใช่เงินหรอกที่แก้ปัญหาเรื่องเงิน แต่ความรู้ทางด้านการเงินต่างหากที่จะแก้ปัญหา ซึ่งสิ่งที่คนไทยเกือบทั้งประเทศขาดคือ ความรู้ทางด้านการเงิน มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกสอนในโรงเรียน เราไม่ถูกสอนเรื่องการบริหารเงินซึ่งเป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิต แต่เราถูกสอนมาเสมอว่าให้ตั้งใจเรียนจะได้มีงานดีๆ ทำ เราเรียนมานานเพื่อให้สามารถดูแลตัวเองได้ แต่กลับดูแลเงินที่หามาไม่ได้และดูแลมันไม่เป็น จึงทำให้ชีวิตมีปัญหา ซึ่งสุดท้ายนอกจากการปฏิวัติตัวเองแล้ว ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้ความรู้ทางด้านการเงินมันกระจายไปทั่วประเทศไทย เพราะเมื่อการเงินของคนในชาติดีขึ้น ประเทศชาติของเราก็จะดีขึ้น”

อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน ไม่แตกต่างจากการเงินที่ทุกคนต้องเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมั่นในความรู้ทางด้านการเงิน และเชื่อมั่นว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตที่มีความสุขได้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร

Dec 12, 2019

"มหัศจรรย์พรรณภาพ Photos Wonderland"



นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ในปีนี้ จัดขึ้นในหัวข้อ "มหัศจรรย์พรรณภาพ Photos Wonderland" มีภาพฝีพระหัตถ์พระราชทาน รวม 401 ภาพ เป็นภาพแขวนผนัง จำนวน 173 ภาพ



สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ประจำปี 2562 เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2562 ณ ชั้น 9 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

ภาพประกอบและข้อมูลจาก https://siamrath.co.th/n/120419