'IMAGE MAKER ประเทศไทยกับ 'โมเดิร์น ไนน์'ทีวี"
สรกล อดุลยานนท์
มติชน
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2545
สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยทำเป็นเรื่องเป็นราว คือ ภาพพจน์ของประเทศนึกดูสิว่าสมัยเด็กๆ
รายได้หลักอันดับ 1 ของประเทศคือ ข้าว
แต่วันนี้คือ การท่องเที่ยว และที่มากกว่านั้นคือการลงทุนจากต่างประเทศ
ถ้าภาพพจน์ประเทศของเราดี ผมเป็นนักลงทุนผมก็อยากมาประเทศนี้ มาทีละหลายพันล้าน
หรือถ้าเป็นนักท่องเที่ยว ผมก็อยากเที่ยวในประเทศที่มีภาพพจน์ดีนี่คือ
ความฝันของผมที่อยากทำในฐานะที่เป็น Image maker"
เป็นคำสัมภาษณ์ของ "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ" เมื่อเดือนตุลาคม 2542
ในหนังสือพิมพ์มติชนจำได้ว่าวันที่ไป
สัมภาษณ์ "มิ่งขวัญ" ค่อนข้างลังเลที่จะตอบคำถามเรื่อง "ความฝัน"
ที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำคำถามนี้และวันนั้นเขาเองก็คงไม่คิดว่าจะได้ทำในสิ่งที่ฝันอีก 3 ปี
ต่อมา"มิ่งขวัญ" ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดนักการตลาดและประชาสัมพันธ์นอกเหนือจากทำงาน
ให้กับ "โตโยต้า" มาตลอด 25 ปี เขายังมีชื่อเสียงในฐานะ Image maker
ของดาราหลายคนเขาคือผู้ปลุกปั้น จอนนี่ แอนโฟเน่ วิลลี่-คัทลียา แม็คอินทอช
วรุฒ วรธรรม ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง และ ดอม เหตระกูล
จนโด่งดังในแวดวงมายาแต่บทบาท Image maker ประเทศที่เขาฝันเพิ่งจะมี
โอกาสลงมือทำเมื่อพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง"สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ"
เลขาธิการพรรคไทยรักไทยในฐานะที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นคนแนะนำ
"มิ่งขวัญ" กับ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์"ไม่นานนักชื่อของ "มิ่งขวัญ" ก็ได้รับการกล่าวขวัญว่า
เป็นหนึ่งในบุคคลที่อยู่เบื้องหลังแคมเปญ "เที่ยวทั่วไทยไปได้ทุกเดือน"
ที่สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากจากนั้นเมื่อมีการเปิดรับผู้สมัครชิง
ตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.)
ชื่อของ "มิ่งขวัญ" ก็เป็นที่กล่าวขวัญว่าเป็น "ตัวเต็ง" ตั้งแต่วันแรกจนประกาศ
ผลประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ "ผู้ใหญ่" อยากให้ใครเป็นเพียงฝ่ายเดียว
แต่ยังอยู่ที่ว่าคนที่ "ผู้ใหญ่"อยากให้เป็น ทำไมถึงยอมทิ้งความมั่นคงจากบริษัทยักษ์ใหญ่
ในแวดวงรถยนต์มาสุ่มเสี่ยงกับความไม่แน่นอนทางการเมือง
และต้องปรับตัวกับองค์กรใหม่ที่เคย
ได้รับการขนานนามว่า"แดนสนธยา"เจอกับ "มิ่งขวัญ" ครั้งนี้
เขายังเหมือนเดิม เป็นกันเองแต่ระมัดระวังตัว
ในคำถามตรงและแรงแน่นอน ประโยคแรกก็คือการรำลึกถึง
บทสัมภาษณ์เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา"มิ่งขวัญ" บอกว่าตอนที่ออกจากโตโยต้าก็ได้รับการทักท้วง
จากผู้ใหญ่ แต่เขาสรุปแล้วว่าเขาตัวคนเดียว สร้างเนื้อสร้างตัวจากอายุ 21 ถึง 50 ปี
น่าจะพอได้แล้วถึงเวลาแล้วที่จะนำประสบการณ์จาก "โตโยต้า"
มาทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติถามว่ามีองค์ประกอบอะไรที่ทำให้มั่นใจในการมารับ
ตำแหน่งผู้อำนวยการ อ.ส.ม.ท.เขาตอบว่ามี 3 องค์ประกอบ
1. อ.ส.ม.ท. มีสื่ออยู่ในมือทั้งสำนักข่าวไทย สถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์
2. "ทักษิณ ชินวัตร" เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีวิสัยทัศน์ชัดเจน
เป็นพรีเซ็นเตอร์ของประเทศที่ดียิ่ง
3. ความต้องการของประเทศที่ต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เรื่อง "ภาพพจน์ประเทศ"
จึงเป็นเรื่องสำคัญตั้งแต่วันแรก เขาประกาศกับพนักงานทุกคนว่า อ.ส.ม.ท.
ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว
คนต้องมี "จุดมุ่งหมาย" องค์กรก็เช่นกัน"มิ่งขวัญ" บอกว่าเขาเข้ามาโดยไม่นำคนของเขา
เข้ามาเลยแม้สักคนเดียว"คนขับรถ นักกฎหมาย เลขาฯ ผมใช้คนเก่าทั้งหมด"
ชีวิต 3 เดือนหลังจากรับตำแหน่งของ "มิ่งขวัญ" เปลี่ยนไปจากเดิมมาก"
ตอนอยู่โตโยต้า ตอนเย็นผมยังได้ว่ายน้ำบ้าง แต่ 3 เดือนนี้ ผมกลับบ้าน 5 ทุ่มทุกวัน
ทำงาน 7 วันไม่มีวันหยุด และทำงานตลอดเวลาเลย"ได้ยินกระแสจากคนใน อ.ส.ม.ท.
หลายคนค่อนข้างชื่นชม "มิ่งขวัญ""ผมไม่ได้ปากหวาน
แต่รางวัลที่ได้จากการตัดสินใจเป็นผู้อำนวยการ อ.ส.ม.ท.
คือพนักงานทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันจริงๆ ไม่เช่นนั้นเพียงแค่ 3 เดือนผมทำ
โมเดิร์น ไนน์ ไม่ได้หรอก"เขาบอกว่าแค่ 3 เดือนเขาประชุมใหญ่ถึง 37 ครั้ง
ซึ่งพนักงานให้ความร่วมมือและกระตือรือร้นนดียิ่ง"มิ่งขวัญ"
เล่าว่าวันหนึ่งตอนที่เข้าห้องน้ำ เขาพบพนักงานเสิร์ฟในห้องประชุมชื่อ
"โต้ง" ถามว่าเป็นไงเหนื่อยไหม
"เหนื่อยครับ ไม่เคยมีครั้งไหนที่ประชุมมากขนาดนี้"
พอเขาเอ่ยปากขอโทษ "โต้ง" กลับบอกว่าไม่เป็นไร
เพราะที่ผมได้ยินจากห้องประชุมมันดูดีมากเลย ไม่เคยมีผู้อำนวยการคนไหน
ที่พนักงานมาร่วมประชุมมากขนาดนี้"โมเดิร์น ไนน์" เป็นเพียง "ก้าวแรก" ของ
"มิ่งขวัญ"ก้าวต่อไปของเขาคือการปรับเปลี่ยนผังรายการใหม่
ซึ่งจะประกาศในวันที่ 22 มกราคม 2546และเริ่มดีเดย์ 1 กุมภาพันธ์ 2546
เป้าหมายของ "มิ่งขวัญ" ก็คือ คนที่ดูช่อง 9 อ.ส.ม.ท หรือฟังวิทยุของ อ.ส.ม.ท.
จะต้องฉลาดขึ้น"ไม่ต้องเขียนหนังสือได้ ขอเพียงฟังภาษาไทยรู้เรื่องเมื่อดู
โทรทัศน์หรือฟังวิทยุ เขาต้องฉลาดขึ้น"แต่สิ่ง "มิ่งขวัญ"
บอกว่าต้องคำนึงมากในการปรับเปลี่ยนผังรายการคือ
ทำอย่างไรให้คู่ค้ากระทบน้อยที่สุด ต้องสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับคู่ค้า"
บางคนเคยมี 3 รายการ ปีหน้าเหลือ 1 รายการ แต่ 1 รายการนี้ทำรายได้ให้กับเขา
มากกว่า 3 รายการเดิม"เขาบอกว่าถ้าไม่คิดถึงประโยชน์ประเทศชาติ
ทำแต่บันเทิงอย่างเดียว อ.ส.ม.ท. จะทำกำไรมหาศาลถามว่า
ถ้าไม่ติดว่าต้องเป็นรายการสาระ สามารถทำแบบช่อง 3 หรือช่อง 7
จะเป็นอย่างไร"ถ้าทำแบบช่อง 3 หรือช่อง 7 ได้ ผมจะทำให้ช่อง 9 เป็นอันดับ 1 ให้ดู"
เขาประกาศและสำหรับคำวิพากษ์วิจารณ์ "โมเดิร์น ไนน์" นั้น
"มิ่งขวัญ" ขอความเห็นใจว่าเพิ่งเริ่มต้นทำได้แค่นี้ถือว่าเร็วมาก"ถ้า 3 เดือนเร็วไป
จะต้องใช้เวลานานเท่าไรที่คิดว่าทำได้สมบูรณ์แบบแล้ว""1 ปี"
เป็นคำตอบอย่างมั่นใจของ "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ"17 กรกฎาคม 2546
เราคงได้เห็นช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ที่สมบูรณ์แบบตามความคิดของ
ผู้อำนวยการองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทยคนนี้ "มิ่งขวัญ"
มองว่าการสื่อสารภาพพจน์ของประเทศไทยไปสู่
ต่างประเทศในวันนี้ยังต้องพึ่งพาจมูกคนอื่นหายใจ คือ
ต้องพึ่งพาสำนักข่าวต่างประเทศภาระหน้าที่ตอนนี้จึงอยู่ในขั้นตอนการส่งออกข้อมูล
คิดกิจกรรม คิด Big event เพื่อเป็นข่าวสิ่งที่เขา "ฝัน" ก็คือ
การสร้างช่องทางการสื่อสารที่เป็นของตัวเองที่แข็งแรงและต่างชาติให้การยอมรับ
เหมือน NHK ของญี่ปุ่น หรือ CCTV ของจีน"สิ่งที่ต้องคิดคือเราจะส่งข่าวสารอะไรออกไป
ใช้เทคโนโลยีแบบไหน เขารับได้หรือเปล่า เรื่องเงินนั้นขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ
แต่ที่สำคัญคือจะทำอย่างไรให้เป็นสถานีโทรทัศน์ที่เขาดูกัน"และนั่นคือ "ความฝัน"
อันยิ่งใหญ่ของ "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ" นับจากนี้ไป
รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ประธานคณะกรรมการ ด้านเศรษฐกิจ พรรคพลังประชาชน
จบการศึกษาปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เริ่มเข้าทำงานกับบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
ในตำแหน่งพนักงานฝ่ายขาย และต่อมาได้เลื่อนขั้นขึ้นไปทำงานในแผนกการตลาด
แผนกประชาสัมพันธ์ โฆษณา สื่อสารองค์กร ไปถึงระดับไดเร็คเตอร์
ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ และกรรมการและเลขานุการมูลนิธิ โตโยต้า ประเทศไทย
นายมิ่งขวัญเป็นพนักงานคนเดียวในบรรดาพนักงานโตโยต้า 7 หมื่นคน
ในเครือโตโยต้าทั้งหมดที่สามารถข้ามขั้นจากผู้จัดการฝ่ายไปเป็น associate director
แทนที่จะไล่เรียงตามลำดับอาวุโส และชั้นงานอันเป็นจารีตการบริหารแบบญี่ปุ่น
ต่อมาในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายมิ่งขวัญได้มีโอกาสช่วยงาน
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยว
เป็นผู้ริเริ่มการประชาสัมพันธ์ งานเย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ เทศกาลตรุษจีนที่เยาวราช
เทศกาลดนตรีที่พัทยาจากนั้นนายมิ่งขวัญได้รับเลือกให้เข้าดำรงตำแหน่ง
ผู้อำนวยการองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย หรือบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)
นายมิ่งขวัญเป็นผู้ปฏิรูปสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 จากยุคเดิม ให้กลายเป็นโมเดิร์นไนน์ทีวี
และด้วยความสำเร็จในการบริหารอสมท.
ทำให้เขาได้รับเลือกจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายเดือนให้เป็น
1 ใน 50 Beyond Success Role Model
ในระหว่างการบริหารอสมท. นายมิ่งขวัญเคยถอดรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์”
ของนาย สนธิ ลิ้มทองกุล ที่โจมตีรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ออกจากผังรายการ
และเมื่อเกิดรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 ในวันที่ 19 กันยายน 2549 อสมท.
ได้ปล่อยสัญญาณภาพให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จากต่างประเทศ ตอบโต้คณะปฏิวัติ
เป็นผลให้นายมิ่งขวัญ ตัดสินลาออกจากอสมท.
จากนั้น นายมิ่งขวัญ ได้รับการทาบทามให้มาเป็นหัวหน้าคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของ
พรรคพลังประชาชน และในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย
พ.ศ. 2550 นายมิ่งขวัญได้ลงสมัครส.ส.แบบสัดส่วน เขต 6 สังกัดพรรคพลังประชาชน
และได้รับเลือกในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 นายมิ่งขวัญเข้ารับตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในคณะรัฐมนตรีคณะที่ 57 ของไทย