Custom Search

Feb 12, 2007

โจ มณฑานี ตันติสุข :ชีวิตใหม่ผ่าน"ทุกข์"จนพบ"สุข"ทางการเงิน

กรุงเทพธุรกิจ BIZ WEEK

"โจ..มณฑานี ตันติสุข" กับชีวิตใหม่ ผ่าน "ทุกข์" จนพบ "สุข"
ทางการเงินจากคนที่เคยล้มเหลวในชีวิตการเงินอย่าง "รุนแรง"
จนถึงขั้นขึ้นศาลเพราะถูกฟ้องร้อง
และเกือบล้มละลายจากหนี้สินล้นพ้นตัวแต่วันนี้ชีวิตใหม่ของ...
"โจ" มณฑานี ตันติสุข ดีเจรายการวิทยุ
พิธีกรรายการ
นักวิจารณ์ภาพยนตร์
นักเขียนเรื่องสั้นแนวไซไฟ
ล่าสุดเป็นผู้เขียนหนังสือ
"เงิน..เรื่องใหญ่ที่โรงเรียนไม่เคยสอน"
..กำลังแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงสู่อนาคตอันสดใส
และมั่งคั่งยั่งยืนทางการเงินเธอเล่าว่า
จุดเริ่มต้นของปัญหาทางการเงินของตัวเองปะทุขึ้น
หลังจากเจอวิกฤติเศรษฐกิจค่าเงินบาทลอยตัวผล
จากการตั้งบริษัทจัดคอนเสิร์ตครบวงจรซึ่งได้
นำนักร้องเกาหลีเข้ามาแสดงคอนเสิร์ตเป็นครั้งแรก
แต่กลับกลายเป็นว่าเกิดหนี้สินรุงรังตามมา
จนไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงานและไม่มีเงินผ่อนบ้าน
บัตรเครดิต จิปาถะ...
"ตอนนั้นมีภาระหนักต้องส่งค่าผ่อนบ้าน 4 หมื่นบาทต่อเดือน
แถมเป็นหนี้บัตรเครดิตอีกเกือบแสน"

แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของโจเปลี่ยนแปลง
และหันมาสนใจ "แก้ปัญหา"การเงินอย่างเป็นจริงเป็นจัง
ครั้งแรกเมื่อเกิดไฟไหม้บ้านจนหมดตัว
และอีกครั้งเมื่ออยู่ในเหตุการณ์ซึนามิ เฉียดตาย !!
"ตอนนั้นไฟไหม้หมดตัว แต่ค้นพบว่าเหลือเพียงรองเท้า 200 คู่ที่ซื้อมา
นอกนั้นสิ่งอื่นๆ ไหม้หมด ก็คิดว่าจะซื้อมาทำบ้าอะไรไม่รู้
เอาไปขายก็ไม่ได้เอาไปช่วยตัวเองตอนไฟไหม้ก็ไม่ได้
นั่นทำให้หันมาเริ่มปรับปรุงชีวิตและการเงินตัวเอง
แต่ไม่สำเร็จจากนั้นสองปีต่อมาก็เกิดซึนามิ
รู้สึกว่าชีวิตไร้ค่ามาก ใช้ชีวิตไปวันๆ"
โจ บอกว่าส่วนหนึ่งของปัญหาของเธอเกิดจาก
การขาดการอบรมความรู้เรื่องการเงินโดยเฉพาะที่บ้านพ่อแม่ และครูที่โรงเรียน
ไม่ได้สอนการเงินให้แก่เด็ก
"พื้นฐานครอบครัวไม่ได้สอนให้รู้จักการวางแผนการเงินเลย
แม้จะเป็นเด็กที่หาเงินตั้งแต่เด็กรู้จักออมเงินและนำเงินมาช่วยพ่อแม่ยามวิกฤติ
แต่โตมาก็บริหารเงินไม่เป็นทั้งพ่อและแม่มีนิสัยใช้เงินเกินตัว
และซื้อความสบายก่อนนึกถึงอนาคตพ่อมีเงินเดือนหมื่นบาท
แต่ใช้สามหมื่นบาท ส่วนแม่เป็นข้าราชการใช้เงินเก่งมีหนี้บัตรเครดิต
มีมือถือสองเครื่องเข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนดเพียงเพราะต้องการเอาบำเหน็จ
ได้เงินมา 5 แสนแต่ใช้หนี้ไป 4 แสน"

เมื่อรอดจากเหตุการณ์ซึนามิมาได้โจก็เริ่มเรียนรู้การเงิน
ด้วยตัวเองอย่างจริงจังผ่านเวบไซต์การเงินของต่างประเทศจนถ่องแท้
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาด้วยการเริ่มจากทำบันทึกการเงิน
ก็ทำให้โจค้นพบปัญหาการเงินของตัวเองและแนวทางแก้ไข
ซึ่งเหมือนกับ "ไฟส่องทาง" ให้แก่ตัวเธอ
เพื่อเป้าหมายล้างหนี้บ้านที่มีอยู่ 3.7 ล้านบาท
และหนี้บัตรเครดิตอีก 1.2แสนบาท
หลังจากเกิดปัญหาวิกฤติยุคไอเอ็มเอฟ
เธอก็ "หยุด" ผ่อนบ้านจนกระทั่งถูกธนาคาร
เป็นโจทก์ฟ้องร้องต้องขึ้นศาลพิพากษาคดีบ้านแนวทางการ "ปฏิวัติ"
นิสัยการเงินใหม่ของโจที่เธอต้องการเสนอแนะ
สำหรับผู้ที่ยังไม่หลุดพ้นจาก "หลุมดำ" การเงิน 6 ข้อกล่าวคือ
หนึ่ง..แยกแยะให้ได้ระหว่าง "อยากได้" กับ"จำเป็น"
สอง..รู้สถานการณ์การเงินของคุณอย่างดี ทั้งตัวเลขในบัญชี ใบแจ้งหนี้ยอดชำระ เป็นต้น
สาม..ต้องเริ่มทำบันทึกการเงินตั้งแต่วันนี้ เพื่อป้องกัน"เงินฉันหายไปไหน ?"
สี่..ให้รางวัลตัวเองด้วยการออม
ห้า..ฝึกนิสัย "มีเงินสดค่อยซื้อ"
หก..ทิ้งมนุษย์พิษที่บั่นทอนสุขภาพเงินของเราแต่ให้สะสมมนุษย์ยอดเยี่ยมเก็บไว้ส่วนการบริหารการเงิน
ส่วนตัวของ โจ-มณฑานี นั้นเธอใช้วิธีออมเงินแยกย่อยออกเป็น
"5 ขุมพลัง"
พลังแรก..บัญชีเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
หรือ บัญชีเงินฉุกเฉิน 6เดือนเพื่อใช้ในยามตกงานโจบอกว่า
เพราะงานที่ทำส่วนใหญ่เป็นงานฟรีแลนซ์
ทำให้มีรายได้ไม่แน่นอนดังนั้นทุกครั้งที่ได้เงินมาจะหักไว้ 10%
เป็นเงินออมส่วนนี้ไว้ก่อนทันทีเพื่อจ่ายให้ตัวเองก่อน(Pay yourself first)
เงินก้อนนี้เธอหักเก็บไว้ใน"ธนาคารกรุงเทพ"
โดยขณะนี้สำรองไว้ได้แล้ว 6 เดือนของรายได้
(ปัจจุบันโจมีรายได้จากหลายทางราวๆ 6 หมื่นบาทต่อเดือน)
"ตอนนี้ตัวเองมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนราว 4.4 หมื่นบาท
ก็จะนำหักรายได้ไว้10% เก็บไว้ในบัญชีนี้ก่อนเลยซึ่งตรงนี้
ก็ยังได้กินดอกเบี้ยช่วงที่เรายังไม่จำเป็นต้องเอาออกมาใช้
แรกๆก็เริ่มออมจาก 3 เดือนก่อน
พอออมครบ 3 เดือนก็ขยายเพิ่มขึ้นเป็น 6 เดือน 12 เดือน"
พลังสอง..เงินฉุกเฉินสำหรับค่าใช้จ่ายไม่คาดคิด
หลังจากที่เริ่มออม 10%แล้ว ก็เริ่มออมเพิ่มเป็น 15%
โดยนำส่วนที่เพิ่มขึ้น 5%นี้ใส่ไว้ในบัญชีเงินค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน
สำหรับค่าซ่อมแซมบ้านค่าหมอค่ายาเวลาป่วยกระทันหัน
ค่าภาษีย้อนหลังหากสรรพากรเรียกเก็บ
เป็นต้นซึ่งปัจจุบันเธอมีเงินเก็บส่วนนี้ไว้แล้ว 3 หมื่นบาท
ฝากไว้กับ"ธนาคารกรุงศรีอยุธยา"
พลังสาม..เงินประกันชีวิต และสุขภาพ
โจ บอกว่าบัญชีนี้เธอใช้วิธีกันเงินออมเพิ่มไว้อีก 5%
จากบัญชีที่สองที่เก็บไว้แล้ว15%
หากเมื่อใดที่เจ็บป่วยต้องนอนโรงพยาบาลจะได้ไม่เดือดร้อนเงินก้อน
และต้องมีเงินไว้ให้แม่
โดยปี ๆ หนึ่งจะกันเงินไว้จ่ายเป็นค่าประกันชีวิต 3หมื่นบาท
ซึ่งจะฝากไว้กับ "ธนาคารทหารไทย"
พลังสี่..เงินลงทุนเพื่องอกเงย และสร้างฝัน
"บัญชีนี้เป็นการออมเงินเพิ่มขึ้นจากสามบัญชี
คือเพิ่มจาก 20% เป็น 30%โดยเอาเงิน 10% ที่เพิ่มขึ้นนี้
ไปฝากไว้ในบัญชีเพื่อการลงทุนกับธนาคารไทยพาณิชย์"
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาออมเงินได้แล้ว 4 แสนบาท ก็นำเงิน 3แสนไปลงทุน
ทำธุรกิจของตัวเองโดยตั้งบริษัทของตัวเองชื่อ
บริษัทสำนักพิมพ์มณฑานี เพื่อสร้างรายได้ให้แก่เราตลอดเหมือนกับ
ห่านที่ไข่เป็นทองคำให้ไม่สิ้นสุด"
ปัจจุบันสำนักพิมพ์มณฑานีจะจัดพิมพ์
หนังสือแนวเปลี่ยนแปลงชีวิตและให้กำลังใจคน
ได้จัดพิมพ์และจำหน่ายหนังสือของเธอเพียงเล่มเดียวชื่อ "ความรัก"
มีรายได้เข้ามาต่อเนื่องและมีกำไรแล้ว
6 หลักสามารถเลี้ยงตัวเองได้แล้วหลังจากจัดตั้งได้เพียง 1 ปีเท่านั้น
นอกจากนั้นยังวางแผนจัดพิมพ์ "พอคเก็ตบุ๊ค" เล่มใหม่อีก 5 เล่ม
ซึ่งเป็นแนวเปลี่ยนชีวิต ทัศนคติคน ได้แก่ ขั้นเอาชนะ,
อยากได้กับจำเป็น,ชีวิตคู่กับการเงิน, การเงินกับเด็ก
และ การเงินกับผู้หญิงไม่เพียงเท่านั้น
โจ..ยังแบ่งเงินส่วนที่ได้จากกำไรพิมพ์และจำหน่ายหนังสือ
ไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอายุ 24 เดือน
ที่ออกโดย "ธนาคารอาคารสงเคราะห์"ได้รับผลตอบแทนปีละ 6% อีกด้วย
พลังห้า..บัญชีค่าใช้จ่ายรายเดือนจะเป็นบัญชีเงินฝาก
เพื่อหักเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว
และเพื่อทำสเตทเมนท์รายได้ของตัวเองด้วย
ซึ่งจะเปิดในชื่อบัญชีของบริษัทเพื่อลดค่าใช้จ่าย และภาษี
นอกจากนั้น หากมีเงินเหลือจากรายเดือนหรือลดค่าใช้จ่ายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ
ก็จะนำเก็บไว้สำหรับการ "ท่องเที่ยว" ซึ่งกำลังจะเปิดอีกบัญชีหนึ่งอีกด้วย
ถ้าแยกแยะเป็นสัดส่วนเงินออม และการลงทุนของมณฑานีนั้น
เธอจะเก็บออมในทุกบัญชีรวมกันคิดเป็นสัดส่วน 30% ของรายได้
แต่ในอนาคตต้องการจะเพิ่มเป็น 50%
โดยส่วนที่เพิ่มอีก 20%จะนำไปลงทุนเพิ่มเพื่อสร้างอนาคต
แต่เป้าหมายเกษียณอายุของโจ วางแผนว่าจะเกษียณเมื่ออายุ 55 ปี(ปัจจุบันอายุ 40 ปี)
และมีชีวิตอยู่ถึง 80 ปีด้วยแผนการเงินที่วางไว้อย่างดีดังกล่าว
อีก 15 ปีเธอจะมีเงินถึง 8ล้านบาทเมื่อเกษียณ
ในระยะเวลาอีก 25ปีเธอก็จะมีเงินไว้ใช้เมื่อแก่ชราและท่องเที่ยวแบบสบายๆ
ผลจากการวางแผนการเงินและเปลี่ยนนิสัยการเงินใหม่ด้วยการเก็บออม
ทำให้ปัจจุบันโจ เหลือหนี้ผ่อนบ้านอีกราว 3 ล้านบาท
วางแผนไว้ว่าภายใน 5ปีจะใช้หนี้ให้หมดจากผลตอบแทนเงินลงทุนที่ได้มา
และรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนหนี้บัตรเครดิตคงค้างอีกเพียง 2 หมื่นบาทเท่านั้น..!!
เป้าหมายของโจ..ไม่ได้อยู่เพียงแค่ต้องการเป็น "อิสระทางการเงิน"
เท่านั้นเธอยังมีจุดมุ่งหมายไกลกว่านั้นคือ
การเป็น "นักให้กำลังใจอาชีพ"ในการเปลี่ยนแปลงชีวิตแก่คนทั่วไป
และใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ทั้งด้านการเงินความรัก และอื่นๆ