Custom Search

Apr 28, 2008

สมัคร สุนทรเวช กับชีวิตเบื้องลึกของสตรีหมายเลข ๑


ที่มา: http://blog.eduzones.com/nuihappy/2509
อ่านเพิ่มเติม :

http://www.sakulthai.com/DSakulcolumndetail.asp?stauthorid=39&stcolcatid=1&stcolumnid=942&stissueid=2453


เปิดตำนานรักฉบับชั้นประหยัด ผ่อนก่อนบินไปแต่งที่ญี่ปุ่น

เจ้าตัวเผยวิธีการเลี้ยงลูกแบบประชาธิปไตยให้สิทธิได้แสดงความคิดเห็นทุกฝ่าย
ปล่อยฟรีสไตล์วิจารณ์ข่าวหลังมื้อเย็น
หลังได้รับพระราชทานพระบรมราชโองการ แต่งตั้ง นายสมัคร สุนทรเวช เป็น
นายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย

สื่อหลายสำนักต่างตีพิมพ์ถึงประวัติชีวิตกันให้เกร่อแล้ว
แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักดีถึง หลังบ้าน ผู้มั่นคง และอาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแท้จริงของ
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนที่ 25
ไม่ใช่อยู่ที่ต่างประเทศ อย่างที่โดนครหา
ทำให้หลายคนอยากจะทำความรู้จักว่า คนข้างกาย
หรือ
สตรีหมายเลข ๑ ของนายกรัฐมนตรีผู้นี้เป็นใคร?
คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช
ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากมีอุปนิสัยค่อนข้างเก็บตัว
และเป็นข่าวน้อยมากในแวดวงสังคมแบบฉบับผู้อยู่หลังบ้านที่ดี
ในขณะที่สามีเป็นข่าวบนหนังสือพิมพ์์์์โดยตลอด

สมัคร
เคยพูดถึงภรรยาไว้ในหนังสือ
การเมืองเรื่องตัณหา
ซึ่งเป็นหนังสืออัตชีวประวัตสมัคร สุนทรเวช
โดย myst-man นำมาโพสต์ไว้ในเว็บไซต์ พันธ์ทิพย์

ว่าไปพบรักกับภรรยาที่มหาวิทยาธรรมศาสตร์และการเมือง

โดยขณะนั้นตนเองเรียนอยู่คณะนิติศาสตร์ส่วนคุณหญิงสุรัตน์เรียนอยู่ทีคณะบัญชี

...ตอนที่ผมโตเป็นหนุ่มขึ้นมาแล้ว ผมก็รู้จักชอบ รู้จักรักผู้หญิงเหมือน
กับชายหนุ่มทั้งหลาย และสำหรับชายที่บังเอิญมาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย
คนที่ไปรักไปชอบนั้นก็เห็นจะไม่พ้นคนที่เรียนหนังสืออยู่สำนักเดียวกัน
เพราะยังงั้นหลังจากที่ได้มีโอกาสรู้จักมักคุ้น
มีเพื่อนมีฝูงทั้งใกล้ทั้งไกลมากมายอยู่พักหนึ่งแล้ว
คนที่ใกล้ชิดสนิทสนมจนถึงขั้นจะตกลงปรงใจกันก็เป็นชาวท่าพระจันทร์ด้วยกันนั่นแหละ
ผมเรียนกฎหมาย คุณเธอเรียนบัญชี...

...ถึงตอนนี้ผมอยากจะขออนุญาตเล่าลงไปให้ถึงรายละเอียดสักนิดเพื่อให้
ไอ้บรรดาคอลัมนิสต์ เลวชาติ ทั้งหลายมันได้รู้กันว่าคนอย่างผมนั้น
เริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาจากความไม่มีอะไร
โดยไม่ต้องทุจริตคดโกงอย่างที่พวกมันหลับหูหลับตาคิดกันอย่างไร...

หลังจากที่รักใคร่ชอบพอกันแล้ว สมัคร ก็ตัดสินใจขอหมั้น คุณหญิงสุรัตน์

ก่อนที่จะไปเรียนต่อที่สหรัฐฯ โดยสัญญากันเป็นหมั่นเหมาะว่า
หากเรียนจบกลับมาแล้วค่อยแต่งงานกัน

...ผมตกลงกันว่า เรียนหนังสือเสร็จแล้ว ผมจะทำงานเก็บเงิน
เพื่อให้คู่หมั้นผมบินไปแต่งงานกันที่โน่น
แต่แล้วด้วยความที่ไม่ต้องการให้เกิดการสิ้นเปลือง
จากเดิมที่วางไว้ว่าจะไปทำพิธีแต่งงานที่สหรัฐฯ

ก็ได้เปลี่ยนแผนมาแต่งที่ญี่ปุ่นแทน เพราะประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า
โดยทั้งคู่จัดพิธีแต่งงานที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
มีท่านอุปทูตเป็นประธาน เมื่อปี 2511 .
..
ท่านผู้อ่านคงจะนึกสงสัยว่าทำไมผมสองคนถึงได้ดิ้นรนอยากจะ
ออกมาแต่งงานเมืองนอกคำตอบที่บอกได้โดยไม่ต้องอาย ก็คือเราไม่มีเงิน
เพราะเราเคยนั่งคิดกันแล้วว่าในฐานะที่เคยเป็นชาวมหาวิทยาลัยที่ออกจะเป็นคน
มีเพื่อนฝูงมากทั้งคู่ ถ้าแต่งงานแล้วมีเลี้ยงดูกันอย่างพอสมควรในเมืองไทย
ค่าใช้จ่ายเห็นจะไม่หนี 4-5 หมื่นบาท เงินขนาดนั้นผมจะไปหากันมาจากที่ไหน
แต่ถ้าเลือกไปแต่งงานที่สถานทูตในญี่ปุ่น
ตอนที่ผมเดินทางกลับจากเรียนหนังสือคู่หมั้นผมเพียงแต่เสียค่าเครื่องบิน

ไปกลับกรุงเทพฯ-โตเกียวราคา 7,300 บาท
โดยวิธีซื้อแบบบินก่อนผ่อนที่หลัง
เพียงเดือนละ 300 กว่าบาทเท่านั้นเอง...

สำหรับบุตร-ธิดานั้น
นายกฯ สมัคร
มีธิดาฝาแฝด วันเวลาผ่านไปธิดาีทั้งสองก็เติบโต
และร่ำเรียนจบจากต่างประเทศ ได้แก่ นางกาญจนากร (สุนทรเวช) ไชยสาส์น
จบมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ABAC / MBA. มหาวิทยาลัยฮาร์ทฟอร์ด USA. CONN.
ปัจจุบันทำงานอยู่ฝ่ายการเงินของ ป.ต.ท. (สผ.) และ น.ส.กานดาภา สุนทรเวช
จบคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย / MBA.มหาวิทยาลัยฮาร์ทฟอร์ด USA.

CONN. ปัจจุบันทำงานกระทรวงการต่างประเทศ

ครั้งหนึ่ง
นายสมัคร เคยให้สัมภาษณ์ผ่านนิตยสารสกุลไทย

เมื่อครั้งรับรางวัล ครอบครัวส่งเสริมประชาธิปไตย ประจำปี 2544

ถึงการอบรมเลี้ยงดูลูกๆ ว่า ดูแลเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด

ในช่วงอายุ 1-6 ปีแรก ให้ความเอาใจใส่เรื่องการเรียนของลูก

ในช่วงชั้นประถมและมัธยมต้น ให้ลูกเป็นตัวของตัวเองในช่วงมัธยมปลาย

รวมทั้งการตัดสินใจเข้าเรียนต่อในชั้นอุดมศึกษา

ร่วมหาสถานที่เรียนให้ลูกในการเรียนต่อต่างประเทศ

ตลอดระยะเวลาที่ลูกโตแล้ว ก็ให้สิทธิเสรีภาพในการไปไหนมาไหน

แต่ต้องบอกเวลาไปและประมาณเวลากลับ

ยามที่ปัญหาเกิดขึ้นในครอบครัว

วิธีการแก้ไขปัญหา
คือการตั้งวงสนทนาถึงปัญหาที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งแสดงแนวคิด

ในการแก้ไขปัญหา และแสดงท่าทีให้ลูกเห็นว่า

พ่อแม่พร้อมที่จะร่วมมือในการแก้ปัญหาเสมอ

ลูกทั้งสองคนมีความคิดเป็นของตัวเอง

ในขณะเดียวกันลูกทั้งสองก็ฟังความคิดเห็นของพ่อแม่

การได้กินข้าวพร้อมกัน ดูทีวีช่วงข่าวพร้อมกัน

มีการแสดงความคิดเห็นต่อการรายงานข่าวก็ร่วมกันแสดงความเห็นของตนเอง

เมื่อเห็นว่ามีสิ่งที่ควรแสดงความเห็นในเชิงวิพากษ์วิจารณ์

ยังทำอยู่แม้จนปัจจุบันที่กินข้าวร่วมกันทั้ง 6 คน ในครอบครัว

นายสมัคร
กล่าว



นายสมัคร สุนทรเวช เกิดเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2478 ที่บ้านหน้าวังบางขุนพรหม
ถ.สามเสน กรุงเทพฯ เป็นบุตรของเสวกเอก พระยาบำรุงราชบริพาร (เสมียน สุนทรเวช)
กับ คุณหญิงบำรุงราชบริพาร (อำพัน จิตรกร) และเป็นหลานลุงของ มหาเสวกตรี
พระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช)
นายแพทย์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6

และเป็นหลานตาของ มหาเสวกตรี พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร)
จิตรกรประจำราชสำนัก

โดยนายสมัคร เป็นบุตรคนที่ 4
ในจำนวนพี่น้องร่วมบิดา-มารดาทั้ง 6 คน ประกอบด้วย
1.พ.อ. (พิเศษ) พญ.มยุรี พลางกูร
2.นางเยาวมาลย์ ราชวังเมือง
3.พล.อ.อ.สมมต สุนทรเวช อดีตที่ปรึกษา ทอ.

4.นายสมัคร สุนทรเวช
5.นายมโนมัย สุนทรเวช และ
6.นายสุมิตร สุนทรเวช
การศึกษา เริ่มเข้าเรียนที่โรงเรียนสตรีบางขุนพรหมในระดับก่อนประถม
เมื่อขึ้นชั้นเรียนระดับประถมก็ย้ายไปโรงเรียนเทเวศร์ศึกษา
เรียนมัธยมที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล เริ่มเป็นหนุ่มย้ายเข้าโรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชย์
ในระดับอาชีวะเข้าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จนได้ปริญญานิติศาสตร์บัณฑิต
แล้วยังเรียนเพิ่มในด้านมัคคุเทศก์ ที่อักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
และเดินทางไปเรียนที่ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ได้รับ
Dip.in Accounting and Business Administration จาก
Bryanmt&Stration Institute
ชีวิตสมรส นายสมัคร สมรสกับ คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช (สกุลเดิม ‘นาคน้อย’)
เป็นอดีตที่ปรึกษาด้านการเงินของบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์
มีบุตรสาวฝาแฝด คือ กานดาภา-กาญจนากร

การทำงาน (ก่อนเข้าสู่เส้นทางการเมือง)
ในปี 2496 เริ่มทำงานแรก ที่บริษัท National Cash Registered
ตำแหน่งเจ้าหน้าที่สอนเครื่องลงบัญชีไฟฟ้า,
ปี 2497 เป็นเสมียนแผนกรถยนต์และผู้ช่วยหัวหน้าแผนกเครื่องอะไหล่
บริษัท Barrow Brown,
ปี 2502 เป็นผู้ช่วยหัวหน้าแผนกเครื่องอะไหล่ บริษัทลอกซเล่ย์,
ปี 2504 เป็นมัคคุเทศก์อิสระให้กับบริษัทเวิลด์ทราเวลเซอร์วิส
ปี 2507 เป็นผู้จัดการแผนกเครื่องอะไหล่ บริษัทเอื้อวิทยาพาณิชย์,
ปี 2510 ทำงานในตำแหน่ง DIETARY AID
ใน FOX REVER REHABLLITION HOSPITAL ชิคาโก สหรัฐอเมริกา,
ปี 2512 เป็นผู้จัดการแผนกเครื่องอะไหล่ บริษัทเอื้อวิทยาพาณิชย์,
ปี 2513 เป็นผู้บริหารฝ่ายขายบริษัท JOHN DEERE THAILAND,
ปี 2514 เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล
ประจำประเทศไทย
สู่เส้นทางการเมือง...
ในปี 2516 นายสมัครได้ลาออกจากงานประจำ
เริ่มทำงานการเมืองอย่างเดียว และในปี 2522 นายสมัครได้ก่อตั้ง
“พรรคประชากรไทย”และดำรงตำแหน่ง “หัวหน้าพรรค”
ซึ่งอันที่จริงก่อนหน้านี้ในปี 2511 นายสมัคร
เคยเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น
สมาชิกสภาเทศบาลกรุงเทพมหานคร
ในปี 2514 ...จนในปี 2518 ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ครั้งแรกผลงานทางการเมืองก็มีไม่น้อย...
สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (2511-2519)กรรมการผู้ร่วมก่อตั้ง
กลุ่มหนุ่มพรรคประชาธิปัตย์สมาชิกสภาเทศบาลนครกรุงเทพฯ
(ได้รับเลือกตั้ง เมื่อ 15 สิงหาคม 2514)
สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ (ได้รับแต่งตั้งเมื่อ 10 ธ.ค. 2516 )
สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ได้รับแต่งตั้งเมื่อ 23 ธ.ค. 2516)
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร
(ได้รับแต่งตั้งเมื่อ ม.ค. 2518, เม.ย. 2519 เม.ย. 2522, 2526 ก.ค. 2529
ก.ค. 2531 มี.ค. 2535 – ก.ย. 2535 ก.ค. 2538 - พ.ย. 2539)
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (2518)
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (2519)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (2519 - 2520)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (2526 - 2529)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (2533 - 2534)
กรรมาธิการตรวจรายงานการประชุม (2516)
ประธานคณะกรรมาธิการการคลัง และสถาบันการเงิน (2523 - 2526)
ประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง (2529 - 2531)
ประธานคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ (2531 - 2533)
ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม (2535 - 2538)
กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี2518,2519,2520,2521,2522,2523,2524,2525,2526,2527, และ 2528
พ.ศ. 2531 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค. 2531)
ประธานคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ (พ.ศ. 2531 - 2533)
พ.ศ. 2533 : รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (พ.ศ. 2533 - 2534)
พ.ศ. 2535 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (มี.ค. 2535) (ก.ย. 2535)
ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม (พ.ศ. 2535 - 2538)
พ.ศ. 2538 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค. 2538)
พ.ศ. 2539 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (พ.ย. 2539)
พ.ศ. 2543 : ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พ.ศ. 2543 - 2547)
พ.ศ. 2550 : รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชน
(24 ส.ค. พ.ศ. 2550 - 30 ก.ย. พ.ศ. 2551)
พ.ศ. 2551 : นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย (29 ม.ค. พ.ศ. 2551 - 9 ก.ย. 2551)







อาลัย"สมัคร"จากคนข่าวอารมณ์ดี กฤษณะ ไชยรัตน์

ตั้งแต่แรกเริ่มใน วงการข่าว เมื่อสมัยยังเป็น
นักข่าวหนังสือพิมพ์ ในปี 2535 จนถึงปัจจุบัน
มาเป็นคนคุยข่าวทางโทรทัศน์ กว่า 10 ปีปลายๆ
ที่ผมได้มีโอกาสพบ และสัมภาษณ์ คุณสมัคร
หลายต่อหลายครั้ง
ในฐานะแหล่งข่าวคนสำคัญ
ในแวดวงการเมือง
ถ้าจะถามถึงความทรงจำที่ประทับใจ
ที่มีต่อแหล่งข่าวชื่อ...สมัคร สุนทรเวช

ผมก็ต้องบอกว่า คุณสมัคร เป็นนักการเมืองรุ่นเก๋า
ระดับซูเปอร์สตาร์ ที่มีไมตรีจิตอันดี
ให้คนทำข่าวอย่างผมมาโดยตลอด

เพราะทุกครั้งที่ติดต่อขอนัดสัมภาษณ์
หรือจะสัมภาษ
ณ์แบบด่วนๆ ทางโทรศัพท์
เกี่ยวกับมุมมองที่มีต่อสถานการณ์ในบ้านเมือง
คุณสมัคร ก็ไม่เคยปฏิเสธ

จะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในทุกๆ ครั้ง
จนผมต้องยกให้คุณสมัคร

เป็นมหามิตรในกลุ่มแหล่งข่าว
คนสำคัญของผมมานานนับสิบปี

เวลามีประเด็นข่าวที่ร้อนแรงน่าสนใจ
ในสถานการณ์การเมือง
ในยุครัฐบาลต่างๆ
ที่ผ่านมา
ผมก็จะต้องนึกถึงแหล่งข่าว
ชื่อ สมัคร เป็นคนแรกๆ
ที่จะต้องโทรศัพท์ไปสัมภาษณ์
สอบถามความคิดเห็นอยู่เสมอๆ
และแทบทุกครั้ง คุณสมัคร
ก็จะรับสายเอง คุยเอง
แบบดุเด็ดเผ็ดมัน
ตามสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์

ที่ผมประทับใจเป็นการส่วนตั๊ว...ส่วนตัวก็คือ
...ไม่ว่าคุณสมัคร
จะอยู่ในฐานะตำแหน่งใด
จะเป็นแค่ ส.ส.
หรือเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง
ตลอดจนเป็นรองนายกฯ
เป็นผู้ว่าฯ กทม. ฯลฯ
พอโทรศัพท์ไปทีไร
คุณสมัคร ก็มักจะรับสาย
พูดคุยเองด้วยทุกครั้งไป
ทำให้การทำงานข่าวของผม
รวดเร็ว และราบรื่นด้วยดีเสมอมา
จะมีที่ขาดหายไปบ้าง
ก็ช่วงตั้งแต่คุณสมัคร
กลับเข้ามาสู่เวทีการเมืองระดับชาติ
ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน
และก้าวขึ้นสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 25 ของประเทศไทย
ในราวเดือนมกราคม-กันยายน ปี 2551
ตอนนั้น ผมก็ไม่ได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณสมัครอีกเลย
หลังสุดที่ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับคุณสมัคร
ก็เมื่อตอนปิดหีบเลือกตั้งใหญ่
ในช่วงค่ำๆ ของวันที่ 23 ธันวาคม 2551
วันนั้น
ผมโทรศัพท์ไปหาคุณสมัครที่บ้าน
ท่านก็ยังรับสายผมเป็นปกติ
ผมยังถามท่านว่า
...เหนื่อยมั้ยครับท่าน
คุณสมัคร ตอบกลับมาว่า
...ก็เหนื่อยอยู่บ้าง
และก็ยังเครียดๆ กับปัญหาบ้านเมือง
ณ เวลานั้น
นับจากนั้น ผมก็ไม่มีโอกาสได้พบ
หรือพูดคุยกับคุณสมัครอีกเลย

จนกระทั่ง คุณสมัคร พ้นจากตำแหน่งนายกฯ
เพราะคดีชิมไปบ่นไป
ในเดือนกันยายน 2551
หลังจากนั้น
ก็มีข่าวว่าคุณสมัครป่วยเข้าโรงพยาบาล
ท่ามกลางข่าวลือต่างๆ นานา
ผมก็เลยตัดสินใจเดินทางไปเยี่ยม
คุณสมัครที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในฐานะที่ท่านเป็นแหล่งข่าว
ที่ดีที่สุดคนหนึ่งของผมเสมอมา

ทีแรกตั้งใจจะแค่ไปเซ็นเยี่ยมท่านเท่านั้น
ผมก็ยังชวน อ.สุขุม นวลสกุล
ไปเซ็นเยี่ยมคุณสมัครด้วยกัน

ตอนนั้นราวๆ ต้นเดือนตุลาคม 2551
ผมไปถึงโรงพยาบาล ประมาณ 1 ทุ่ม
พอเซ็นเยี่ยมเสร็จ อ.สุขุม ก็ขอตัวกลับไปก่อน
ส่วนผมก็บังเอิญต้องไปเยี่ยมพระภิกษุรูปหนึ่ง
ที่มาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล นั้นพอดี
สักพัก คุณสมัคร ก็ให้คนใกล้ชิดโทรศัพท์มาตามผม
ให้เข้าไปหาท่านในห้อง

ผมก็เลยมีโอกาสพบคุณสมัครอีกครั้ง
ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย ที่ได้พบคุณสมัครก็ว่าได้
พอเข้าไปในห้อง ก็ได้เจอคุณหญิงสุรัตน์
คู่ชีวิตของคุณสมัคร

ที่มาอยู่เฝ้าอาการป่วยของคุณสมัครทุกวัน
ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
แทบไม่เคยห่างกันเลยก็ว่าได้
วันนั้น ผมเห็นคุณสมัครยังดูสดชื่นแจ่มใสดี

กึ่งนั่ง กึ่งนอนอยู่บนเตียงคนป่วยในห้องพิเศษนั้น
และยังเปิดวิทยุฟังข่าว
ติดตามสถานการณ์บ้านเมือง

ผมยังแซวคุณสมัครว่า...
ช่วงนี้ ฟังข่าวมากๆ
ระวังเครียดนะครับท่าน คุณสมัคร
ก็ยังหัวเราะชอบใจ
ผมยังจำได้
และซาบซึ้งในไมตรีจิตที่คุณสมัครมีให้มาตลอด

ในห้องคนป่วยที่โรงพยาบาล
ค่ำวันนั้น คุณสมัครยังเอามือมาจับที่เข่า

และจับมือผมเบาๆ ก่อนจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ
อาการป่วยในช่วงนั้นโดยละเอียด
สลับกับการพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์
การบ้านการเมืองในบางช่วงบางตอน

ก่อนลากลับวันนั้นคุณสมัครยังฝากบอกคนที่เป็นห่วงว่า...
ไม่ต้องเป็นห่วง
เพราะคุณสมัคร ยังเชื่อว่า
อีกไม่นาน อาการป่วย
ก็คงจะทุเลาเบาบาง
และหายได้ในที่สุด
เมื่อหลายปีก่อน
ผมเคยไปที่บ้านคุณสมัคร
ในหมู่บ้านโอฬาร แถวๆ คลองกุ่ม
ยังเคยคุยเล่นกับคุณสมัคร เรื่องโหงวเฮ้งบนใบหน้า
คุณสมัคร มีใบหูค่อนข้างยาว ตามตำราโหราศาสตร์ทายว่า
จะมีอายุยืนยาวนาน คุณสมัคร ยิ้มชอบใจ

และบอกว่า หมอดูเคยดูดวงให้
ว่าจะมีอายุยืนถึง 93 ปี
จึงจะสิ้นอายุขัย
แต่ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง
ที่สุด
คุณสมัคร ก็จากโลกนี้ไปในวัย 74 ปี

เหลือไว้เพียงแต่...ความทรงจำที่ดีๆ
ที่ผมจะไม่มีวันลืม
ด้วยอาลัยยิ่ง
แด่นักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่...สมัคร สุนทรเวช