Custom Search

Apr 3, 2008

อภินิหารพระดิน ตอนที่ 2 : PRAPAS.COM

ประภาส ชลศรานนท์
5 ก.ย. 2547
http://www.prapas.com/

ถ้านับเอาคร่าวๆ ก็เกือบเดือนแล้ว ที่เจ้าแก้วต้องหลบๆ ซ่อนๆ
ไม่ให้ชาวบ้านเห็น ยิ่งมันพูดมากเท่าไรว่าตัวมันเองคือคนที่ดับไฟที่เพิงพระ
มันก็ยิ่งถูกเดียดฉันท์จากชาวบ้านมากขึ้น สี่ห้าวันมานี้ไม่ว่าเจ้าแก้วจะโผล่หน้าไปที่ไหน
ก็มักจะมีคำด่าทอจากผู้เฒ่าผู้แก่ของหมู่บ้านตะโกนใส่มันอยู่ตลอด

บ้างก็ว่ามันเป็นคนถ่วงความเจริญของส่วนรวม ที่เบาๆ หน่อยก็ว่ามันเป็นคนโกหกพกลมอย่าไปฟังอะไรมัน ส่วนที่หนักหน่อยก็เปรียบเปรยมันให้เป็นเดียรถีบ้าง
เป็นมารของศาสนาบ้าง และถ้ามีกลุ่มเด็กๆ อยู่แถวนั้นเจ้าแก้วก็จะถูกก้อนหินก้อนดินขว้างใส่ ราวกับว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ารังเกียจตัวหนึ่ง
หนำซ้ำขาซ้ายที่มันถูกเจ้าไม้ลูกน้องผู้ใหญ่เอาสันจอบตีเข้าจนเป็นแผลเหวอะหวะ
เมื่ออาทิตย์ก่อนตอนที่ผู้ใหญ่เรียกประชุมชาวบ้านที่ลานวัด
ทำให้เวลาเดินเจ้าแก้วต้องเดินลากขาข้างหนึ่งด้วยความปวด
น้ำเหลืองจากแผลที่ไหลเป็นทางลงมาทำให้เจ้าแก้วยิ่งดูน่าทุเรศทุรังมากขึ้น

ถึงตอนนี้ไม่ว่ามันจะมันโหยเหล้าแค่ไหน มันก็คงขอใครเขากินไม่ได้แล้ว ตาที่ดูขวางๆ ของมันก็จะยิ่งดูน่ากลัว ไอ้ที่เคยไปรับจ้างเขาดายหญ้าหาอัฐเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่มีใครเขายอมจ้าง
นี่ถ้าไม่ได้ข้าวที่เด็กวัดกินเหลือในแต่ละเพล เจ้าแก้วมันก็คงจะอดตาย มันเป็นเวลาเกือบเดือนที่ทรมานที่สุดแล้วสำหรับเจ้าแก้ว

แต่สำหรับองค์พระดิน ใครจะเชื่อว่ามันจะเป็นหนึ่งเดือนที่อัศจรรย์ที่สุด
เสียงล่ำลือในอภินิหารของหลวงพ่อดินนอกจากจะรู้กันทั่วทั้งบางแล้ว
บางใกล้ๆ ที่อยู่ติดกันอีกสี่ห้าบางก็เริ่มได้ยิน และก็หลั่งไหลกันมาสักการะองค์หลวงพ่อ เพิงชั่วคราวถูกสร้างขึ้นใหม่เพื่อให้คนที่มาไหว้หลวงพ่อได้มีร่มเงา รอบๆ เพิงนั้นร้านขายของตั้งเรียงรายเต็มไปหมด

ทั้งร้านของกิน และร้านขายดอกไม้ธูปเทียนทั้งที่ทางวัดจัดมาขาย และชาวบ้านเอามาขายเอง รถสองแถวสองสามคันเริ่มจัดคิววิ่งรับส่งผู้คนไปยังปากทางหมู่บ้าน ความเป็นอยู่ของผู้คนในหมู่บ้านดีขึ้นทันตาเห็น ตู้บริจาคที่ทางวัดนำมาตั้งไว้ เต็มเร็วกว่าที่คิด
มีคนได้ยินผู้ใหญ่บ้านคุยกับครูใหญ่ว่า ถ้าคนยังเข้ามาสักการะหลวงพ่อมากมายอย่างนี้ทุกวัน ไม่เพียงแต่เงินสร้างศาลาหรอกที่จะได้ครบ เผลอๆ อาจจะได้อาคารเรียนที่ครูใหญ่อยากได้อีกหลังหนึ่งด้วยซ้ำ เจ้าไม้กับเจ้าม้วนลูกน้องคนสนิทของผู้ใหญ่ได้รับมอบหมายให้ผลัดเวรกันเฝ้าเพิงพระ คอยกันไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปปิดทองที่องค์พระ ด้วยเกรงว่าองค์พระที่สร้างมาจากดินจะได้รับความเสียหาย แต่ถึงจะกันขนาดนั้นชาวบ้านที่มาไหว้ก็ยังไม่ละศรัทธา

เพราะแม้แต่ฐานพระที่ทำด้วยปูนก็เหลืองอร่ามไปด้วยทองคำเปลวที่ชาวบ้านแหวกเจ้าไม้เจ้าม้วนเข้าไปปิดทอง และยามใดทีเจ้าไม้หรือเจ้าม้วนเผลอ ก็จะมีแผ่นทองปิดเลยจากฐานขึ้นไปปิดที่พระบาทขององค์พระ อันที่จริงดูไปแล้วคงจะเป็นงานที่น่าระอาไม่น้อยสำหรับคนที่เคยเป็นนักเลงอย่างเจ้าไม้และเจ้าม้วน เพราะต้องคอยปากเปียกปากแฉะพร่ำบ่นยกมือยกไม้กันไม่ให้ชาวบ้านล้ำเส้นเข้าไปปิดทอง

แต่สองสามวันมานี้เจ้าสมุนสองคนของผู้ใหญ่ดูจะแช่มชื่นขึ้นมาหน่อยเพราะมีคนจ้างนางรำมารำแก้บนให้ดูบ้างแล้ว มันเป็นเดือนที่อัศจรรย์ที่สุดแล้วสำหรับพระดินขี้เหร่ที่ไม่เคยมีใครมอง ถ้าเจ้าแก้วมันผ่านมาเห็นบ้างมันก็คงรู้สึกอย่างนั้น แต่มันไม่ได้ย่างกรายผ่านไปแถวเพิงพระเป็นอาทิตย์แล้ว เจ้าแก้ว ใช้ใต้ถุนกุฏิของหลวงตาเพิ่มเป็นที่ซ่อนตัวมาตลอดตั้งแต่เกิดเรื่อง อาศัยว่าหลวงตาเพิ่มเป็นพระแก่ๆ ที่ไม่มีใครมาขึ้นมาหาสักเท่าไร

และยิ่งเป็นกุฏิที่อยู่ติดกับป่าช้าอย่างนี้ผู้คนจะไม่ค่อยพลุกพล่านนัก มันนอนแอบอยู่ข้างหีบอ้อยเก่าๆ ที่ชาวบ้านเอามาทิ้งไว้ใต้กุฏิ เอาจีวรเก่าๆ ที่หลวงตาไม่ใช้แล้วมาต่างหมอน บ่ายนี้มันก็ยังคงนอนอยู่อย่างนั้น หลังจากที่ได้ข้าวก้นบาตรของหลวงตาไปเรียบร้อย

แต่วันนี้ผิดจากทุกวันที่มันไม่ได้หลับ วันนี้มันนอนลืมตาจ้องพื้นกุฏิชั้นบนอยู่ เสียงคุยกันที่ดังลงมาทำให้มันหลับไม่ลง เสียงแรกนั้นมันจำได้แม่นว่าเป็นเสียงของหลวงตา แต่อีกเสียงหนึ่งมันรู้สึกคุ้นเหลือเกิน อาจเป็นเพราะเหล้าที่ไม่ได้ตกถึงท้องมาเป็นอาทิตย์แล้ว ทำให้เจ้าแก้วเริ่มคิดได้บ้าง

หลายคืนที่มันนอนไม่หลับอยู่ตรงนี้ มันหวนคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
เสียงหลวงตาคุยกับใครสักคนบนกุฏิตอนนี้ก็เรื่องเดียวกันนี้นั่นแหละ
"เสียงพ่อนี่หว่า" เจ้าแก้วลุกขึ้นนั่งทันที ขาที่เป็นแผลเผลอไปกระแทกเอากับหีบอ้อยเข้า มันเอามือจับแผลที่เอาใบชะพลูปิดไว้เบาๆ
"อูย..."
"พ่อกลับมาตั้งแต่เมื่อไร" เจ้าแก้วยิ้มออก

พ่อของเจ้าแก้วชื่อ ก้าน แต่เดิมพ่อก้านก็อยู่ที่บางนี้ ตั้งแต่แม่เจ้าแก้วตายพ่อก้านของเจ้าแก้วก็ขึ้นๆ ล่องๆ ไปรับจ้างเป็นช่างไม้แถวอยุธยา ตัวเจ้าแก้วเองก็มัวแต่หยิบหย่งทำงานเล็กๆ น้อยหาเงินกินเหล้าหัวราน้ำไปวันๆ มันไม่ได้เจอหน้าพ่อมาสองสามปีแล้ว

"หรือว่าพ่อรู้เรื่อง คงมีใครส่งข่าวให้พ่อ" เจ้าแก้วพูดกับตัวเอง มันกระโจนออกมาจากหลีบที่นอนแล้วก็วิ่งลากขามาที่หน้ากุฏิ น้ำบ่อใหญ่ที่จะชุบชูจิตใจของเจ้าแก้วอยู่ตรงหนัานี้แล้ว มันมีคนที่มันจะเล่าความจริงที่แสนอัดอั้นให้ฟังแล้ว

"พ่อ"แม้จะเสียงแหบพร่า แต่เจ้าแก้วก็ตะโกนลั่นสุดเสียง
เสียงคนบนกุฏิที่คุยกันเงียบไป

"พ่อ ฉันอยู่ข้างล่างนี่" เจ้าแก้วตะโกนไม่หยุด ประตูกุฏิเปิดออก พ่อก้านโผล่หน้าออกมามอง และทันทีที่เห็นเจ้าแก้ว สีหน้าของพ่อก้านก็เปลี่ยนไป พ่อก้านผลุนผลันออกมาที่บันได

“ไอ้เดรฉาน" เจ้าแก้วยืนนิ่งเหมือนถูกสะกด
“มึงไม่ใช่ลูกกู มึงรู้หรือเปล่ามึงทำอะไรลงไป" พ่อก้านก้าวลงบันได้ลงมา พลางคว้าไม้ไผ่ที่พิงอยู่ข้างๆบันไดติดมือมาด้วย

"พ่อ..ฟังฉันก่อน" พ่อก้านหวดไม้ไผ่ใส่เจ้าแก้วทันที เจ้าแก้วเอามือป้องไว้
"มึงไม่ต้องพูด กูฟังคนอื่นมาเยอะแล้ว มึงมันลูกไม่รักดี กูบอกให้มึงบวชมึงก็ไม่บวช กูรู้แล้วทำไม มึงมันเป็นผีห่า หลวงพ่อท่านศักดิ์สิทธิ์แค่ไหนมึงยังไปลบหลู่”

พ่อก้านด่าไปตีไปจนไม้ไผ่เริ่มแตกเป็นเสี้ยนๆ เจ้าแก้วก็ได้แต่เอามือปัดป้อง
"ไอ้มารศาสนา มึงไม่ใช่ลูกกู” ไม้ไผ่ที่แตกเริ่มบาดมือบาดแขนเจ้าแก้วจนเลือดโชกและก่อนที่เจ้าแก้วจะเจ็บมากไปกว่านี้ หลวงตาที่เพิ่งลงมาถึงก็คว้ามือพ่อก้านไว้ทัน

"พอเถอะโยม” หลวงตาพยายามยื้อมือพ่อก้านไว้ แต่พ่อก้านนั้นผีโทสะเข้าสิงทั้งตัวเสียแล้ว "เอาไว้ได้อย่างไรหลวงตา"
"นึกเสียว่าอาตมาขอบิณฑบาต" พ่อก้านชะงักมือทันที

"มึงเห็นไหมไอ้เดรัจฉาน หลวงตาเขายังเมตตามึง มึงเสียอีกจ้องจะทำลายศาสนา"
น้ำตาเจ้าแก้วนั้นอาบไปทั้งหน้าแล้ว ไอ้เจ็บปวดที่ถูกตีน่ะก็เจ็บอยู่ แต่หัวใจที่ถูกตีนี่สิ ไม่มีเสียงอะไรหลุดออกมาจากปากเจ้าแก้วสักคำ มันเม้มปากแน่นแล้วก็วิ่งออกไปจากที่นั่นทันที

"ไปเลยไอ้จัญไร แล้วมึงอย่ากลับมาที่หมู่บ้านนี่อีก กูไม่เอามึงไว้มึงแน่" เสียงพ่อก้านยังตะโกนตามมา เจ้าแก้ววิ่งลากขามาหยุดหอบอยู่ที่ข้างเมรุหลังเก่า แล้วในที่สุดทำนบที่กั้นเขื่อนมาแสนนานก็พังลง เจ้าแก้วเริ่มร้องไห้อย่างกับเด็กๆ

"หนวกหูโว้ย ร้องทำห่าอะไร คนจะนอน" ตาโผงสัปเหร่อที่นอนอยู่แถวนั้นส่งเสียงด่าขึ้นทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา
เจ้าแก้วจ้องเขม็งที่ขวดเหล้าขาวที่วางอยู่ข้างตัวตาโผง ไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไร จู่ๆ มันก็ลุกขึ้นไปคว้าขวดเหล้าขึ้นเทใส่ปากอย่างคนตายอดตายอยาก แล้วก็เดินออกมา

"เฮ้ย...ไอ้เด็กเวรมึงจะเอาเหล้ากูไปไหน" ตาโผงโงหัวขึ้นตะโกน เจ้าแก้วมันกำลังมุ่งตรงไปยังที่เพิงพระดิน ไม่มีใครรู้ว่ามันจะไปทำอะไร
น้ำตาของมันยังคงไหลมาผสมกับเลือดที่ไหลซิบๆจากการถูกตี มันผสมกันจนดูไม่ออกว่าเป็นเลือดหรือน้ำตา มันผสมกันจนดูไม่ออกว่ามันโกรธหรือมันเสียใจ