นิติภูมิ นวรัตน์
เปิดฟ้าส่องโลก
nitipoom.com
พุธ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๒
สิงคโปร์แอร์ไลน์ส ที่คณะเราเหล่าท่านทั้งหลายเคยชื่นชมว่าบริการดี
มีทีมบริหารงานที่เก่งเป็นเลิศ กลับกลายเป็นสายการบิน
ที่ประสบความล้มเหลวอย่างมากในระยะหลังๆมานี้
ระหว่างเมษายน – มิถุนายน ๒๕๕๒ ซึ่งถือเป็นไตรมาสแรก
ของห้วงการเงินรอบปัจจุบัน สิงคโปร์แอร์ไลน์สขาดทุนปักโกรก
มากถึง ๓๐๗.๑ ดอลล่าร์สิงคโปร์ หรือ ๒๑๓.๒๖ ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ
คาดว่าปีนี้ทั้งปี พ.ศ.๒๕๕๒ สิงคโปร์แอร์ไลน์สจะขาดทุนไปทุกเดือน
แม้ว่าผู้คนทั้งสายการบิน ตั้งแต่ประธานยันเสมียน
จะลดค่าใช้จ่ายลงเกือบ ๑๖% แล้วก็ตาม
แต่ก็ช่วยสถานการณ์อะไรไม่ได้
ขณะเดียวกัน สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส
ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ที่มีรัฐบาลเป็นเจ้าของ
กลับออกมาแถลงว่า สายการบินของตนมีกำไรสุทธิในไตรมาสเดียวกันนี้
ซึ่งสิ้นสุดในเดือนมิถุนายนเหมือนกัน
กลับมีกำไรสุทธิ ๘๗๖ ล้านริงกิต
หรือ ๒๕๐ ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ
มาเลเซียแอร์ไลน์สแถลงว่า อัตราบรรทุกผู้โดยสารของตน
จะกระเตื้องขึ้นอีก เนื่องจากสายการบินได้ออก
มาตรการกระตุ้นยอดซื้อตั๋วอย่างเข้มข้น
ทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและต่างประเทศ
สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สยังซื้อเครื่องบินโบอิ้ง ๗๓๗-๔๐๐ ลำใหม่
เพราะต้องเสริมทัพเพิ่มเที่ยวบินไปประเทศเพื่อนบ้าน
ปัจจุบันทุกวันนี้ โลกเปลี่ยนแปลงไปไวมาก
วิธีการเก่าๆ ที่มนุษย์เราเคยทำ เคยใช้ปฏิบัติเมื่อสิบ ยี่สิบปีที่แล้ว
และประสบความสำเร็จ อาจจะใช้ไม่ได้ในโลกยุคปัจจุบัน
ผู้อ่านท่านดูกรณีของบริษัทเทมาเส็กโฮลดิ้งส์
ซึ่งเป็นกองทุนภาครัฐของรัฐบาลสิงคโปร์เถิด แต่ก่อนง่อนชะไร
เทมาเส็กก็คือมือไม้ที่จะออกไปตักตวงความมั่งคั่ง
จากภายนอกกลับเข้ามาให้สาธารณรัฐสิงคโปร์
เทมาเส็กคือหนึ่งในวาณิชธนกิจระหว่างประเทศที่ถือว่าอยู่แถวหน้าที่สุด
บริหารพอร์ตโฟลิโอสูงถึง ๑.๘๕ ล้านดอลล่าร์สิงคโปร์
ใครๆ ที่ไหนต่างก็ยอมรับว่าเทมาเส็กเป็นกองทุนขนาดยักษ์
ที่มีประสบการณ์สูงที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
เทมาเส็กลงทุนทุกอย่าง ตั้งแต่สายการบิน พลังงาน
ทรัพยากรธรรมชาติ เทคโนโลยีสารสนเทศ ฯลฯ
ระยะหลังๆ ยังลงทุนในด้านการเกษตร
เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภค อีกด้วย
แต่ก่อนง่อนชะไร ใครๆ ก็ชื่อชมเทมาเส็กว่าเก่ง
ว่ายอดเยี่ยมกระเทียมดอง แต่ใครจะนึกเล่าครับ ว่า ๑ ปีที่ผ่านมา
เทมาเส็กกลับเจ๊งบ๊ง พอร์ตลงทุนของเทมาเส็ก
มีมูลค่าลดลงไปกว่า ๔ หมื่นดอลล่าร์สิงคโปร์
เป็นเงินไทยก็มากกว่า ๙.๔ แสนล้านบาท
ใครจะนึกครับว่า ประเทศที่คณะเราเหล่าท่านเคยดู
หมิ่นถิ่นแคลนว่าเป็นชาติยากจน มีแต่ปัญหาอีรุงตุงนัง
เอาตัวเองไม่รอด แม้แต่ข้าวก็ยังผลิตได้ไม่พอกิน
อย่างสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
แม้ว่าจะมีปัญหาด้านการก่อการร้ายรบกวนความสุขสงบของประเทศอยู่บ้าง
กลับเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับว่า
ประสบความสำเร็จในด้านการบริหาร
และกำลังจะเป็นประเทศอำนาจใหม่ทางด้านเศรษฐกิจ
เดิมใครๆ ก็ดูถูกว่า อินโดนีเซียเป็นประเทศที่ผลิตสินค้าส่งออกไม่เป็น
ต่อไปในอนาคตจะยากจนชั่วลูกชั่วหลาน
แต่วันนี้ ผู้คนทั้งหลายไม่พูดอย่างนั้นแล้วครับ
กลับชื่นชมสมฤดีว่า เศรษฐกิจอินโดนีเซียเป็น
หนึ่งในบรรดาเศรษฐกิจที่ใหญ่อันดับต้นของทวีปเอเชีย
เพราะทั้งประเทศพึ่งการบริโภคภายในประเทศมากกว่า
พึ่งพาตลาดต่างประเทศ
เพราะอินโดนีเซียมีตลาดภายใน
ที่มีผู้บริโภคมากถึง ๒๒๖ ล้านคน
วันนี้ประโยคเด็ดของประธานาธิบดียุโธโยโน
จึงได้รับการชื่นชม “ยุทธศาสตร์ด้านการส่งออกไม่ใช่ตัวเลือกของเรา”
ในขณะที่ประเทศไทยและสิงคโปร์
ต้องพึ่งพาการส่งออกอย่างมาก แต่เมื่อโลกเจ็บ
ประเทศอย่างไทยและสิงคโปร์จึงต้องเจ็บตามไปด้วย
วันนี้ เมืองไทยจะต้องมีคณะบุคคลที่ตาม
ความเคลื่อนไหวของโลกอย่างละเอียด วันต่อวัน
เพื่อนำข้อมูลแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก
มาใช้บริหารชาติบ้านเมืองให้อยู่รอด
โลกหมุนไวกว่าเดิมมากมายหลายร้อยเท่า
ทว่าท่านักการเมืองของประเทศชาติบ้านเมืองไทยบางคน บางคณะ
บางพรรคยังโบร่ำโบราณ
ฝึกฝนเรื่องเล่นการเมืองจนทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
คนรุ่นใหม่ อายุยังไม่มาก
แต่ทั้งชีวิตอยู่กับวิธีการเก่าๆ
เดิมๆ พวกนี้
คณะนี้ก็พาชาติบ้านเมืองลงเหวได้นะครับ