พระพุทธรูปปางตรัสรู้ถือว่าเป็นปางหนึ่ง
ที่มีความสำคัญมากเพราะเป็น
จุดเริ่มของพระพุทธศาสนาจากการตรัสรู้
ของพระมหาสัตว์ประชาชนชาวโลกทั้งหลาย
จึงได้รับพระธรรมคำสั่งสอนอันเป็น
แนวทางดำเนินชีวิตที่ดีงามในกาลต่อมา
ถามว่าพระมหาสัตว์ได้ตรัสรู้อะไร
หรือแม้กระทั่งคำว่า ตรัสรู้
หมายถึงอะไร ตอบว่า
คำว่าตรัสรู้เป็นคำไทยผสมกับ (คิดว่า)
คำเขมร แปลว่า รู้แจ้ง (ตรัส = แจ้ง, รู้คือรู้)
บาลีของคำนี้คือ
สมฺมมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ = รู้ยิ่งแล้วซึ่งความรู้พร้อมโดยชอบ
ความรู้พร้อมโดยชอบ คือรู้อริยสัจ
(ความจริงอันประเสริฐ) 4 ประการ
คือ ทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์ได้
ความ รู้พร้อมโดยชอบ คือ
รู้อริยสัจ (ความจริงอันประเสริฐ) 4 ประการ
คือ ทุกข์ เหตุเกิดทุกข์
ความดับทุกข์ได้และแนวทางปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ณ
คืนนั้น (คืนวันเพ็ญเดือนหก)หลังจากทรงอธิษฐานจิตว่า
จะไม่ยอมลุกจากที่นั่งจนกว่าจะบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ
ทรงเข้าสมาธิผ่านฌานทั้งสี่แล้วทำฌานให้เป็น
บาทฐานแห่งวิปัสสนาล่วงปฐมยาม
ก็ทรงบรรลุญาณอันเรียกว่าปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
อันหมายถึง ทรงรู้ชาติหนหลังของพระองค์ได้ว่าทรงเกิด
เป็นอะไรในชาติไหนบ้างพอถึง
มัชฌิมยาม ก็บรรลุ จุตูปปาตญาณ(หรือทิพพจักขุญาณ)
หยั่งรู้ว่าการเกิด การตายของสัตว์ทั้งหลาย
ด้วยอำนาจแห่งกรรมที่แต่ละคนทำมา
พอถึงปัจฉิมยามก็ทรงบรรลุ อาสวักขยญาณคือ
ความรู้แจ้งถึงความสิ้นไปแห่งกิเลสจาก
จิตสันดานของพระองค์ทรงเป็น
สัมมาสัมพุทธะผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เองคือ
ตรัสรู้อริยสัจสี่นั้นแล
ชาวพุทธได้สร้างพระพุทธรูปปางตรัสรู้ขึ้นมา
เพื่อเป็นอนุสรณ์เหตุการณ์ยิ่งใหญ่
ครั้งนี้พระพุทธรูปท่านั่งสมาธิพระบาทขวา
ทับพระบาทซ้ายพระหัตถ์ขวาทับพระ
หัตถ์ซ้ายพระพุทธรูปปางนี้ต่างจากปางมารวิชัยนิดหนึ่ง
ตรงที่ปางมารวิชัยพระหัตถ์ขวายื่นลงยังพื้น
ตำนานว่าอ้างพระนางธรณีเป็นพยาน
ดังเล่ามาแล้วในตอนก่อน
ถ้าคิดแบบ สามัญชน
การผจญพญามารก็คือการหวนรำลึกถึงความสุขเก่าๆ
เมื่อครั้งก่อนเสด็จออกผนวช ทรงรำพึงว่า
พระองค์ได้ตรากตรำแสวงหาทางพ้นทุกข์
โดยการทดลองสารพัดวิธีจนล่วง
เข้าหกขวบปีแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่า
จะถึงฝั่งจะเลิกแสวงหาดีไหม
หรือว่าจะสู้ต่อไปการลังเลว่าจะเลิก
หรือไม่เลิกเท่ากับกำลังผจญกับพญามาร
และ เสนามารซึ่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ
ทรงอธิบายว่าคือ การผจญกับกิเลสนั้นแล
แต่ท้ายสุด พระองค์ตัดสินพระทัยแน่วแน่ว่า
ไหนๆก็ไหนๆต้องไปให้ถึงที่สุดเท่ากับอ้าง
พระแม่ธรณี แล้วต่อสู้ต่อไปโดยการดำเนิน
ตามทางสายกลางที่ค้นพบใหม่จนประสบความสำเร็จ
ในที่สุดได้เป็น พระสัมมาสัมพุทธ
(ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานโดยชอบด้วยพระองค์เอง)
หรือ พระพิชิตมาร (พระผู้ทรงชนะมาร)
เซอร์ เอ็ดวิน อาร์โนลด์พรรณนาฉากตรัสรู้ไว้
ไพเราะมากบังเอิญผมหา The Light of Asia
ไม่เจอจึงขออนุญาตนำเอาบทกวีที่
คุณกรองแก้ว บูรณะกิจประพันธ์
ไว้ในหนังสือเล่มหนาชื่อ พุทธบูชา มาลงดังนี้
พระองค์ ทรงพยายามสู้ความคิดบำเพ็ญกิจพิมล
ให้พ้นเข็ญลังเลถูกขจัดตัดประเด็นทรงรู้
เห็นกิเลสก่อเหตุนี้แต่ภาพหลอนทั้งหลายไม่คลายคลาด
ยังผุดผาดเจิดจรัสรัศมี รำลึกถึงพิมพามหาเทวี
เคยร่วมศรีสวาสดิ์เคียงร่วมเวียงวังทรงคิดถึงราหุล
ว้าวุ่นใหญ่ด้วยสลัดทิ้งไว้ในเบื้องหลัง
ล้วนเป็นภาพหวนกลับมายับยั้งและฉุดรั้งมุ่งหมายทำลายกัน
จึงบังคับพระทัยให้กลับที่คืนไปสู่วิถีที่เฉิดฉันแสวง
จุดอุบัติสัจธรรมเพื่อพบวันตรัสรู้พ้นหมู่กรรม
ในที่สุดพระองค์ทรงประจักษ์
ได้พบหลักสำคัญอันก่องก่ำ
เป็นยอดแห่งสัจจะนาม
พระธรรมซึ่งจักนำสัตว์ทั้งหลายคลายทุกข์ตรม
ตรัสรู้เห็นจริงในสิ่งสรรพอัน เกี่ยวกับทุกข์เศร้าเข้าทับถม
คือเกิดแก่เจ็บตายคลายระทมภายใต้ร่มธรรมะแห่ง
พระองค์ทรงเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ชน
เฝ้าบูชิตสิ้นพิศวงนำมวลชนพ้นทุกข์สุข
จำนงพระนามบ่ง โคตมะ
พุทธะเพ็ญเดือนหกปีระกาสิบห้าค่ำโลก
ได้ธรรมอุบัติยอดสัจจะหกปีที่บุกบั่นทำ
ชำระทรงชนะหมู่มารผลาญโศกปวง
ครับ ทรงหักห้ามพระทัยอันหวนหาอาลัย
ที่ทำให้พะว้าพะวังได้แล้วก็มุ่งแน่วสู่ทาง
วิปัสสนาบรรลุญาณขั้นต่างๆ ตามลำดับ
จนถึงอาสวักขยญาณอันสามารถ
ขจัดตัดกิเลสที่หมักดองในจิตสันดานมานาน
แสนนานลุถึงวิชชาวิมุติหลุดพ้นโดยประการทั้งปวง
ณ รุ่งอรุณแห่งคืนวันพระจันทร์เสวยฤกษ์วิสาขะแล้วแล
หน้า 6
|