https://www.facebook.com/kaokonlakao/
The Idol : ตูน บอดี้สแลม- http://teetwo.blogspot.com/2019/02/bodyslam-l-llongplay.html
- http://teetwo.blogspot.com/2018/10/bodyslam-big-ass-silly-fools-gmusic.html
- http://teetwo.blogspot.com/2019/02/blog-post_56.html
- http://teetwo.blogspot.com/2009/01/blog-post_28.html
- http://teetwo.blogspot.com/2019/06/blog-post_9.html
- http://teetwo.blogspot.com/2017/04/blog-post_28.html
- http://teetwo.blogspot.com/2019/07/blog-post_29.html
- https://teetwo.blogspot.com/2019/07/bodyslamofficial-mv.html
ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย- นักร้องนำ
จุดเปลี่ยนในชีวิต : การเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ตอน ม.1
(มาจากสุพรรณครับ)
ถ้าไม่ได้มาเรียนที่นี่ ผมก็คงไม่ได้เป็นอย่างนี้
เพราะสังคมต่างกัน
คนที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิต:
เพื่อนๆ ที่ชวนผมเล่นดนตรี
ถ้าเพื่อนไม่ชวนผมก็คงไม่ได้เล่น
คงเรียนหนังสือและมีอาชีพทั่วไป
คนที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในชีวิต :
แฟนเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
เขาสอนให้ผมรู้อะไรหลายๆ อย่างในสังคม
ชีวิตช่วงนั้นมีเขาคอยดูอยู่ด้วยตลอด
ถ้าไม่มีเขาผมคงโดนใครหลอกไปแล้ว
รวมสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจ หนังสือ :
Chicken Soup for The Soul
(แฟนเก่าผมคนนี้แหละแนะนำให้อ่าน)
เป็นรวมเรื่องสั้นๆ บางเรื่องทำให้ร้องไห้ได้เลย
อ่านแล้วรู้สึกชุ่มฉ่ำชุ่มชื่นใจ
หนัง : เรื่อง Good Will Hunting
และอีกประโยคเด็ดจาก My Best Friend Wedding
"...ถ้ามีเรื่องยากลำบากเข้ามาในชีวิต
เดี๋ยวมันก็จะกลายเป็นเพียงเรื่องหนึ่งที่ผ่านเข้ามา
แล้วคุณก็จะผ่านมันไปได้อยู่ดี"
เพลง : งมงาย เป็นเพลงที่พาไปสู่เพลงอื่นๆในอัลบั้ม
ต้องขอบคุณเพลงนี้ที่ทำให้เรามีกำลังใจ
คอนเสิร์ต :แคมปัสทัวร์ชุดแรกที่โรงเรียนศรีอยุธยา
เป็นครั้งแรกที่เว้นให้คนฟังร้องท่อนฮุค เขาร้องได้
เรารู้สึกตื้นตันจุกอก
"มันทำให้เรารู้ว่าเราเล่นคอนเสิร์ตไปทำไม"
ศิลปิน : วง "โมเดิร์นด๊อก" เป็นแบบอย่างให้เห็นว่า
คนไม่จำเป็นต้องเดินตามกรอบเสมอไป
ทำให้ผมคิดอะไรได้หลายอย่าง
รวมทั้งเรื่องการดำเนินชีวิต
ส่วนวง "แบล็คเฮด"
ตอนเริ่มเล่นดนตรีเราแกะเพลงของเขามาเล่นเยอะมาก
ตอนประกวดฮอตเวฟก็ใช้เพลงของแบล็คเฮด กีฬา :
กีฬาเดียวในดวงใจ คือ ฟุตบอล
มีความสุขมากกับการได้ติดตามดูบอล
ทุกวันนี้ผมรอวันเสาร์อาทิตย์เพื่อจะได้ไปเตะบอล
ถ้าไม่ประสบความสำเร็จในงานเพลง
ชีวิตจะขับเคลื่อนไปทางไหน :
คงขับเคลื่อนไปบนท้องฟ้า
ผมชอบเครื่องบิน ชอบอาชีพบริการ
ชอบเดินทาง ถ้าไม่เป็นนักร้องทุกวันนี้
ผมคงไปเป็นสจ๊วต
ถ้าเลือกได้อยากให้ชีวิตขับเคลื่อนไปทางไหน :ไป ข้างหน้าเรื่อยๆช้าๆแต่ว่ามั่นคง
ทุกวันนี้ผมพอใจมาก เพราะมันเป็นขั้นบันไดค่อยๆ ก้าวขึ้นไป
ต่อไปอาจไปสู่อะไรที่มากกว่าการเป็นนักร้อง
แต่ยังอยู่ในสายงานนี้ ใครในโลกถ้าขาดหายไป
ชีวิตคุณต้องเปลี่ยน : พ่อ กับแม่ครับ...และสิ่งที่ดีใจที่สุดในชีวิต
คือการที่พ่อแม่เชื่อและปล่อยให้
เราทำอะไรกับชีวิตของตัวเองก็ได้แล้ว
เพราะเขาเชื่อว่าเราไปรอด
ชีวิตคุณจะหยุดขับเคลื่อนเมื่อ :
ถึงเวลาที่ไม่ต้องการไขว่คว้าสิ่งใดแล้ว...
มีความสุขกับสิ่งที่มีแต่ทุกวันนี้ผมยังมีกิเลส ...
ยังอยากมีครอบครัวและ
อยากมีชีวิตที่สงบในปลายทาง.....
ผมว่าความรักก็คงจะเหมือนกับสีน้ำเงินครับ
บางทีก็เป็นสีน้ำเงินเข้ม แล้วแต่บางวันครับ
ผมคิดว่าสีน้ำเงินเป็นสีที่มองแล้วไม่เบื่อ
มันไม่ใช่สีฉูดฉาด ต้องใช้เวลาในการมองนานๆ
ถึงจะเข้าใจ มองว่าสดใสก็ได้ มองว่าเศร้าก็ได้
เพราะความรักมีทั้งสองด้านอยู่แล้วครับ
สมาชิก
- อาทิวราห์ คงมาลัย (ตูน) - ร้องนำ
- ธนดล ช้างเสวก (ปิ๊ด) - เบส
- สุชัฒติ จั่นอี๊ด (ชัช) - กลอง
- ธนชัย ตันตระกูล (ยอด) - กีตาร์
ออกอัลบั้มเดี่ยว ในอัลบั้มชื่อ PRESENT PERFECT
สังกัดค่ายสนามหลวง ในเครือแกรมมี่ มีเพลงฮิต เช่น
คนไม่มีปีก ซ้ำไปซ้ำมา และกำลังจะมีผลงานอัลบั้มชุดใหม่เร็ว ๆ นี้
ประวัติ วงละอ่อน เกิดจากการรวมตัวของเด็กนักเรียน 6 คน
จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
(ละอ่อน เป็นภาษาถิ่นของภาคเหนือ แปลว่าเด็กๆ,
คนที่อายุน้อยกว่า และเป็นชื่อประเพณีวันรับน้อง
ของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
ซึ่งเป็นประเพณีรับน้องระดับชั้นม.1 ที่จัดโดยรุ่นพี่ปี1และม.6 ในปีนั้นๆ)
พ.ศ. 2539 รายการวิทยุ Hot Wave
ได้จัดงานประกวดวงดนตรีระดับมัธยมศึกษาชื่อ
Hot Wave Music Awards ขึ้นเป็นครั้งแรก
วงละอ่อนจึงได้เข้าร่วมการแข่งขันและได้รับรางวัลชนะเลิศ
จากจำนวนวงดนตรีจำนวนมากที่เข้าร่วมแข่งขัน
ทำให้วงละอ่อน ได้รับการเซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด มิวสิกบั๊กส์
และออกอัลบั้มแรกในชื่อ ละอ่อน โดยมีเพลงดังคือเพลง ได้หรือเปล่า
และ นิดนึงพอ เป็นการรวมตัวกันของนักดนตรี (ส่วนหนึ่ง) ของวงละอ่อน
ซึ่งเคยชนะเลิศการประกวด Hot Wave Music Award ครั้งที่ 1
และมีผลงานมาแล้วถึง 2 อัลบั้ม
หลังจากนั้นสมาชิกในวงก็ได้แยกย้ายกันไปเรียนต่อ
ตามความถนัดของแต่ละคน ทำให้วิถีการดำเนินชีวิตแตกต่าง
และห่างกันไปโดยไม่ตั้งใจจนกระทั่ง"ตูน" นักร้องนำของวง
ได้หวนกลับมาสนใจเล่นดนตรีอีกครั้ง
และเริ่มแต่งเพลงอีกครั้ง
จากนั้นไม่นานก็ได้ "เภา" มาช่วยงานเพลง และ"ปิ๊ด"
ก็กลับมาช่วยทำงานเพลงในรูปแบบใหม่
และเปลี่ยนชื่อวงเป็น Bodyslam
ซึ่งแนวดนตรีได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ที่มาของชื่อบอดี้สแลม จากคำอธิบายของพวกเขาเอง
ที่มาของชื่อนี้มาจาก "ท่าๆ หนึ่งของมวยปล้ำ
แต่ถ้าแปลความหมายตรงตัว BODY
แปลว่าร่างกาย SLAM คือการทุ่ม เมื่อพอมารวมกันเป็น
BODYSLAM ก็หมายถึง การทุ่มสุดตัว
คือการทำงานเพลงกันเต็มที่ แบบทุ่มสุดตัว
=== อัลบั้ม Bodyslam ===
วางแผง 9 กรกฎาคม 2545 พ.ศ. 2545
พวกเขาส่วนหนึ่งได้กลับมารวมตัวกันในชื่อ Bodyslam
ภายใต้การดูแลของทีมนักทำเพลงที่ชื่อว่า Mango Team
ซึ่งเป็นทีมเดียวกันกับที่ดูแลผลงานเพลงของวง บิ๊กแอสโดยมาเป็นดนตรีร็อกหนักแน่น
โดยเหลือสมาชิกเพียง 3 คนจาก 6 คนเท่านั้น
ผลงานเพลงชุดแรกชื่อ Bodyslam
ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี หลังจากที่เพลง
"งมงาย" "อากาศ" "สักวันฉันจะดีพอ" และ "ย้ำ"
ที่ได้รับความสำเร็จอย่างดี
=== อัลบั้ม Drive ===
วางแผง 9 กันยายน 2546 พ.ศ. 2546
ภายในระยะเวลา 1 ปีให้หลังบอดี้สแลม
ได้ออกอัลบั้มแรก ( ตูน ปิ๊ด เภา )
ก็ได้ออกอัลบั้ม Drive (ไดร์ฟ) กับเพลง "ความซื่อสัตย์"
เพลงโปรโมทแรกจากอัลบั้ม "Drive"
และมีเพลงอื่น ๆที่ได้รับความนิยมอย่างเช่น
"ปลายทาง" ,"หวั่นไหว" ซึ่งเป็นเพลงมีการใช้คำเปรียบเปรย
"อยากเห็นคนไทยบินได้" และเพลงอื่น ๆ
ในอัลบั้มอย่างเช่น "ชีวิตที่ฉันเหลืออยู่" "Bodyslam"
"จันทร์ยังเต็มดวง" และ "หลังฝน"
=== อัลบั้ม Believe ===
วางแผง 22 เมษายน 2548 พ.ศ. 2548
หลังจากออกอัลบั้ม Drive
พวกเขาก็ออกจากค่ายมิวสิกบั๊กส์และเซ็นต์สัญญากับ
จีนีส์ เรคอร์ด ซึ่งอยู่ในสังกัด GMM Grammy
สังกัด เดียวกับศิลปินรุ่นพี่วงบิ๊กแอส (BIG ASS)
มีการเปลี่ยนแปลงภายในวงเกิดขึ้น
เมื่อ เภา-รัฐพล พรรณเชษฐ์
มือกีตาร์ของวงก็ได้ขอแยกตัวออกไปทำอัลบั้มเดี่ยว
(ในชื่อ Present Perfect) สังกัด ค่ายสนามหลวง
โดยมีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาคือ
ยอด- ธนชัย ตันตระกูล มือกีตาร์ที่เคยเป็นนักดนตรีแบ็คอัพ
ให้กับหลายศิลปิน อาทิ ปาล์มมี่ ฯลฯ
ในตำแหน่งมือกีตาร์ กับ
ชัช-สุชัฒติ จั่นอี๊ด มือกลองที่เคยแบ็คอัพ
ให้กับ BODYSLAM มาตั้งแต่อัลบั้มแรก
และหลายศิลปิน อาทิ ปาล์มมี่ ฯลฯ เป็นต้น
พวกเขาก็ออกอัลบั้ม Believe กับค่ายเพลงแห่งใหม่
โดยเปิดตัวด้วยซิงเกิ้ลแรกขอบฟ้า
ได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี
และมีอีกหลายเพลงที่ได้รับความนิยม
เช่น "ความรักทำให้คนตาบอด" "พูดในใจ"
เพลงที่ชวนกระโดด อย่าง "คนที่ถูกรัก"
และเพลงได้มีแขกรับเชิญพิเศษ "แอ๊ด คาราบาว"
ในเพลง "ความเชื่อ" ยังมีเพลงอืน ๆ
อาทิ"ห้ามใจ" "รักก็เป็นอย่างนี้"
=== อัลบั้ม Save My Life ===
วางแผง 18 กันยายน 2550 พ.ศ. 2550
เพลงเปิดตัวเพลงแรก ยาพิษ ได้ออกสู่ผู้ฟัง
ได้รับการตอบรับไม่น้อย เนื่องจากเนื้อหา
และความหนักหน่วงทางดนตรีที่เพิ่มขึ้นมาก
(มีดนตรีแนว Punk ให้เห็นอย่างเด่นชัด)
เมื่อได้ฟังเพลงทั้งหมดของอัลบัมนี้แล้ว
อาจจะรู้สึกได้ว่า ดนตรีได้มีการเปลี่ยนแนวไป
ในการฟังครั้งแรก ก็จะพบว่าเพลงดีมีอยู่ อย่างเช่น
ยิ่งรู้ยิ่งไม่เข้าใจ อกหัก นาฬิกาตาย
นี่เป็นการเปลี่ยนแนวครั้งยิ่งใหญ่ ของ
BODYSLAM
คอนเสิร์ต บอดี้สแลม
มีคิวการแสดงคอนเสิร์ตตามงานต่างจังหวัดมากมาย
และมีคอนเสิร์ตใหญ่ อยู่ 3 ครั้ง คือ
* 14 พฤษภาคม 2548 คอนเสิร์ตวันคุ้มครองโลก ( Earth day )
ในชื่อ "Bodyslam Believe Concert"
ที่Thunder Dome เมืองทองธานี
โดยมีแขกรับเชิญ 2 คน คือ บอย - อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี
( บอย PEACEMAKER ) และ เภา - รัฐพล พรรณเชษฐ์
อดีตมือกีตาร์ BODYSLAM
ปัจจุบันออกอัลบั้มเดี่ยวชื่อ PAO PRESENT PERFECT
* 9 ตุลาคม 2548 คอนเสิร์ต BIG BODY ที่ อิมแพค อารีน่า
เมืองทองธานีจัดร่วมกับวงร็อกรุ่นพี่ บิ๊กแอส
* 22 เมษายน 2549 คอนเสิร์ต M-150 สุดชีวิตคนไทย
ที่ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี ร่วมกับ
บิ๊กแอส โปเตโต้ เสก โลโซ ลานนา คัมมินส์ ทาทายัง
* 20-21 ตุลาคม 2550 BODYSLAM
มีคอนเสิร์ตครั้งใหญ่อีกครั้ง
โดยใช้ชื่อคอนเสิร์ตว่า
BODYSLAM SAVE MY LIFE CONCERT
ที่อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก โดยวันที่ 20 ต.ค.
มีแขกรับเชิญ 3 คน คือ โก้ Mr.Saxman ,
ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ และ ปนัดดา เรืองวุฒิ
ส่วนวันที่ 21 ต.ค. ก็มี 3 คนเช่นกัน
คือ โก้ Mr.Saxman , แอ๊ด คาราบาว
และ ปนัดดา เรืองวุฒิ
รางวัล
ในปี พ.ศ. 2549 บอดี้สแลมได้เข้าชิงหนึ่ง
ใน 5 งานเอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดส
สาขาศิลปินยอดนิยมประเทศไทย
ในปีเดียวกันนี้ ตูน บอดี้สแลม
ก็ได้เข้ารับรางวัล ลูกกตัญญูดีเด่น
เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 2549
ร่วมกับศิลปินอื่นวงอื่น ๆ
เช่น แบงค์ CLASH