Custom Search

Nov 20, 2008

อินเด็กซ์ฯ สร้างแบรนด์ผ่านอีเวนต์

เกรียงไกรและเกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ฝาแฝดผู้ก่อตั้ง Index

ผู้จัดการรายวัน(22 สิงหาคม 2551)

ปัจจุบันการสื่อสารทางการตลาดนับว่ามีความจำเป็น
และเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจ
ซึ่งเครื่องมือทางการสื่อสารทางการตลาดก็มีอยู่มากมายหลายชนิด
หนึ่งในนั้นคือการจัดกิจกรรมทางการตลาด หรือ Event Marketing
ซึ่งนับวันก็มีรูปแบบ, วิธีการที่แปลก และน่าสนใจมากขึ้นทุกที
และหากจะเอ่ยชื่อถึงบริษัทชั้นนำติดอันดับ 1 ใน 3 ของไทย
ที่ดำเนินธุรกิจดังกล่าวแล้ว เชื่อว่าใครๆ หลายคนจะต้องนึกถึง
บริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ จำกัด (มหาชน)
โดยเฉพาะชื่อเสียงของสองพี่น้องฝาแฝดนักบริหาร
เกรียงไกร และ เกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน
ที่นั่งแท่นบริหารในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม
(Co-Chief Executive Officer)
การเริ่มต้นธุรกิจของอินเด็กซ์ฯ
เกิดจากมุมมองทางการตลาดในช่วงปี 2533
ที่พบว่าขณะนั้นยังไม่มีการดำเนินธุรกิจอีเวนต์
ที่มีการจัดกิจกรรมเพื่อตอบโจทย์ทางการตลาด


ส่วนใหญ่จะเป็นแค่กิจกรรมการฉายภาพยนตร์เพื่อขายสินค้าเท่านั้น
ผู้บริหารทั้งสองจึงก่อตั้งบริษัท อินเด็กซ์ โปรโมชั่น กรุ๊ป
เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2533 เพื่อดำเนินธุรกิจอีเวนต์ขึ้น
โดยเน้นการทำงานในเชิงลึก ซึ่งผลงานในยุคแรกๆ
ที่จัดทำก็กลายเป็นงานสร้างชื่อเสียงให้กับอินเด็กซ์ฯ
เป็นที่รู้จักทั้งในและนอกวงการ
โดยเฉพาะในจัดอีเวนต์ให้กับผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ
ในชุดสาวเชค ที่ใช้นางแบบสาว แสงระวี อัศวลักษณ์ เป็นพรีเซ็นเตอร์
และหลังจากนั้นก็มีผลงานจัดอีเวนต์ให้กับหลายองค์กร
ซึ่งการจัดอีเวนต์ในยุคแรกๆ นั้น
มุ่งตอบโจทย์เพื่อการขายสินค้าเป็นหลัก
อินเด็กซ์ฯ เริ่มสร้างปรากฎการณ์ที่เริ่มมีการใช้คำ ทอล์คออฟเดอะทาวน์
เมื่อมีการจัดอีเวนต์ให้กับสบู่ลักส์
ด้วยการจัดเวทีแคทวอล์คที่ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับให้นางแบบเดิน
ซึ่งมีภาพข่าวขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์รายวันยักษ์ใหญ่อยู่หลายวัน
และช่วงปี พ.ศ. 2537 อินเด็กซ์ฯ
ก็มีการเปิดบริษัทในเครือเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งบริษัทคือ
บริษัท มีเดีย วิชั่น (1994) จำกัด
เพื่อดำเนินธุรกิจทางด้านระบบ เสียง และภาพ ต่างๆ , แสง
และงานเกี่ยวกับ Special Effects ต่างๆ
พอถึงปี พ.ศ. 2545 มีการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทใหม่
เป็นบริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ จำกัด
เพื่อสะท้อนความเป็นตัวตนของบริษัทให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
พร้อมๆ กับเป็นบริษัทในเครือขึ้นอีกหลายบริษัท
ได้แก่ Index Studio สำหรับรองรับลูกค้าทางด้านการจัดหาอุปกรณ์ทั่วไป
และยังเปิดบริษัทในเครือ บริษัท อีเว้นท์ โซลูชั่นส์ จำกัด
ดำเนินธุรกิจทางด้านจัดหาอุปกรณ์ เครื่องเล่น และการแสดงพิเศษ
พอถึงปีพ.ศ. 2547 ทางอินเด็กซ์ฯ ก็ได้ผนึกรวมกับยักษ์ใหญ่อย่าง
บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน)
ซึ่งเป็นการดึงเอาศักยภาพของทั้งสองบริษัท
มาใช้สร้างประโยชน์สูงสุด
ให้กับลูกค้าของบริษัท พร้อมจดทะเบียนในนาม
บริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ จำกัด (มหาชน)
และยังมีการเปิดบริษัทในเครือเพิ่มคือ
บริษัท เทรเบียง จำกัดดำเนินธุรกิจจัดงานอีเว้นท์
กิจกรรมต่างๆ สำหรับบุคคลทั่วไป
หัวใจที่ทำให้อินเด็กซ์ฯ มีการเติบโตมาจนถึงปัจจุบัน
คือ การที่ไม่หยุดนิ่งและมีการปรับตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ตามสภาพสังคมและเศรษฐกิจ
ในยุคแรกนั้นการทำงานของอินเด็กซ์ฯ
มุ่งตอบโจทย์ทางการตลาดมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้
พอเข้าสู่ยุคที่ธุรกิจอีเวนต์ที่ต้องเรียนรู้
การสร้างแบรนด์สินค้าไปพร้อมๆ กันด้วย
ทางอินเด็กซ์ฯ ก็มีการเสริมทีมบุคลากร
ที่มีความรู้ความเข้าในหลักการตลาด
เข้ามาช่วยทำงาน และเมื่อเข้าสู่ยุคของอีเวนต์ในปัจจุบัน
ที่จะต้องทำให้ธุรกิจอีเวนต์ได้มากกว่าอีเวนต์
และยังสามารถวัดผลได้

ทางอินเด็กซ์ฯก็ไม่นิ่งเฉยมีการปรับตัว
และสร้างเครื่องมือออกมารองรับ
ไม่ว่าการเพิ่มงานในส่วนของประชาสัมพันธ์,
ไดเร็กมาเก็ตติ้ง หรือ ซีอาร์เอ็ม
ในปี พ.ศ. 2548 จึงมีการเปิดบริษัท จี คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
ดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณา
และประชาสัมพันธ์ครบวงจรและ
เปิดบริษัท แอสเพน อินเด็กซ์ อีเว้นท์ จำกัด
ที่มีสำนักงานอยู่ในดูไบ ดำเนินธุรกิจทางด้าน
Creative & Management อย่างครบวงจร
เป็นสาขาแรกของที่อยู่ต่างประเทศ และในปีนี้ได้เปิด
บริษัท อินสปาย อิมเมจ จำกัด
ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ การพิมพ์
และให้บริการออกแบบผลิต จำหน่าย
ป้ายและสื่อส่งเสริมการขาย

รวมไปถึงสื่อพิเศษรูปแบบใหม่ Ambience Media
และยังเปิดบริษัทในเครือ บริษัท ทรี - อาร์ดี จำกัด
ดำเนินธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์
จำหน่ายและให้บริการจำหน่ายสินค้าทางโทรศัพท์
รวมไปถึงบริการรับเป็นที่ปรึกษา
และให้คำแนะนำเกี่ยวกับธุรกิจ
กลยุทธ์แห่งความสำเร็จของอินเด็กซ์ฯ คือ
การใช้ความอ่อนไหวทางการตลาด (Sensibility)
และการปรับตัวให้เป็นไปตามความต้องการของตลาด
ในยุคที่ลูกค้ามีความต้องการงานที่หวือหวา
สร้างกระแสทอล์คออฟเดอะทาวน์ อินเด็กซ์ฯ

ก็ทำได้ยุคที่ลูกค้าต้องการใช้อีเวนต์เพื่อการสร้างแบรนด์ให้สินค้า
ก็สามารถทำได้ และเมื่อถึงยุคปัจจุบันที่อีเวนต์เป็นสิ่งที่มากกว่า
อีเวนต์ อินเด็กซ์ฯ ก็เตรียมพร้อม
และหาเครื่องมือรวมถึงเทคโนโลยีมารองรับไว้ด้วย
เพื่อให้บริการธุรกิจอีเวนต์ที่มากกว่าอีเวนต์
ในแผนระยะ 3-5 ปีข้างหน้า อินเด็กซ์ฯ
มองว่าเป็นจุดที่ต้องมุ่งสู่ตลาดต่างประเทศ
ด้วยพื้นฐานของแนวคิดและความรู้ของที่
สั่งสมมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า
เป็นกระบวนการคิดและวิธีการทำงานที่ถูกต้อง
เช่นเดียวกับแนวคิดของเอเยนซี่โฆษณาของต่างประเทศ
ที่มีการขยายออกสู่ประเทศไทยด้วยเช่นกัน
ซึ่งความสำเร็จของอินเด็กซ์ฯ ณ วันนี้
ที่วัดและเห็นได้ชัดเจนเป็นรูปธรรม
คือรางวัลในระดับโลกที่สามารถ
คว้ามาครอบครองได้ถึง 2 รางวัล ได้แก่
PTT 25th ANNIVERSARY MACtac Worldwide Awards 2004 Oceanian
/Asian / Mid.East /African Prize : Interior Category
,รางวัล Gala Awards 2005

และยังไม่นับรวมรางวัลจากสถาบันภายใน
ประเทศอีกหลายสิบรางวัล
ซึ่งภาระกิจสำคัญประการหนึ่งของอินเด็กซ์ฯ
คือการล่ารางวัลระดับโลกมาครองครองปีละ 2-3 รางวัล
ในสาขาของอีเวนต์ เพื่อพิสูจน์
ในมาตรฐานการทำงานของอินเด็กซ์ฯ
ถึงวันนี้ แม้ว่าอินเด็กซ์ฯ จะประสบความสำเร็จ
ทั้งในและต่างประเทศ
แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะหยุดการพัฒนา
เพราะปรัชญาการทำงานของอินเด็กซ์ฯ
ภายใต้การบริหารงานของสองพี่น้องกาญจนะโภคิน
คือ สิ่งที่ทำไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด เชื่อว่ายังมีสิ่งที่ดีที่สุดกว่า
และต้องพัฒนาหานวัตกรรมใหม่ๆ
เข้ามาใช้เสริมความแข็งแกร่งให้กับอินเด็กซ์ฯ อยู่ตลอดเวลา





>> อินเด็กซ์แตกไลน์เปิดบริษัท"ยังดี"ลุยธุรกิจเพอร์ซัลนอล แบรนด์ดิ้ง