Custom Search

Feb 5, 2009

Minsky Moment กับวิกฤตเศรษฐกิจ

วรากรณ์ สามโกเศศ
มติชน
วันที่ 05 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

นักธุรกิจ นักการเงิน นักการเมือง และประชาชนทั่วไป
ในโลกตะวันตกกำลังเล่น "เกมส์" ค้นหานักเศรษฐศาสตร์
หรือนักการเงินสักคนในโลกที่ได้วิเคราะห์ว่าการแตกของฟองสบู่
ในภาคอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาจะส่งผลกระทบไปทั้งโลก
อย่างกว้างขวางดังเช่นที่ได้เกิดขึ้น แต่ก็ยังหาไม่พบ
ที่พอใกล้เคียงกับการพยากรณ์ดังกล่าวก็ได้แก่ Hyman Minsky
อาจารย์เศรษฐศาสตร์แห่ง Washington University ที่ St.Louis
แต่ก็ไม่ใช่คนที่พยากรณ์อย่างแน่ชัด
เพราะแกตายก่อนเกิดเหตุการณ์ปวดร้าวนี้ถึง 12 ปี
ผู้พยากรณ์ว่าฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์อเมริกันจะแตกและมีผลเสียนั้น
มีอยู่หลายคน เช่น Paul Krugman Charles Kindleberger ฯลฯ
แต่ไม่มีใครมองเห็นว่าจะไปไกลได้ถึงขนาดนี้

เขาว่ากันว่านักเศรษฐศาสตร์เก่งในเรื่องอธิบาย
สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วได้เป็นคุ้งเป็นแคว
แต่สำหรับการพยากรณ์อนาคตนั้นยังไม่เก่งถึงระดับ
ขณะนี้ชื่อของ Hyman Minsky ดังไปทั่วโลก
เพราะรูปแบบหรือโมเดลที่เขาวิเคราะห์ไว้นั้น
พอจะอธิบายสภาวการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

เมื่อครั้งที่เขาเสนอบทวิเคราะห์นั้น
นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นว่าเขาเป็นตัวตลก ผิดยุค
และเห็นว่ายากที่จะเป็นไปดังที่เขาพยากรณ์ไว้
Minskyไม่ใช่คนต่อต้านสถาบันการเงิน
ในทางตรงกันข้ามเขาเคยเป็นกรรมการธนาคาร
และเข้าใจกลไกการทำงานของธนาคารมากกว่า
นักเศรษฐศาสตร์ในห้องแอร์
โมเดลของเขาหรือที่เรียกว่า Minsky"s Model
นั้นเกี่ยวพันกับเรื่องวงจรของเงินกู้โดยในพื้นฐานประกอบด้วย 5 ขั้นตอน
หมุนเวียนเป็นวงจรขั้นแรกเรียกว่า Displacement
เกิดขึ้นเมื่อนักลงทุนเกิดตื่นเต้นครั้งใหญ่กับบางสิ่งใหม่
เช่น ประดิษฐกรรม เช่น อินเตอร์เน็ต หรือสงคราม
หรือการเปลี่ยนแปลงของนโยบายรัฐบาลจากเดิมอย่างแจ้งชัด ฯลฯ
ขั้นตอนที่สองคือ Boom นักลงทุนกู้ยืมมาลงทุนกันครั้งใหญ่
เพื่อหวังผลตอบแทนสูง คราวนี้ถึง
ขั้นตอนที่สามคือ Euphoria นักลงทุนเกิดความรู้สึกสุดปลื้ม
นายธนาคารให้กู้ยืมไปทั่ว แม้แต่คนที่ไม่สมควรได้กู้
สร้างเครื่องมือทางการเงินใหม่ขึ้นมาเพื่อเพิ่มสินเชื่อ
(เช่น ตราสารหนี้แบบใหม่ที่มีการให้กู้ยืมซ้ำบน
หลักทรัพย์เดิม securitization หรือการใช้รายได้
ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมาเป็นหลักทรัพย์กู้ยืมได้)
เกิดการเก็งกำไรครั้งใหญ่ขึ้น คราวนี้ก็ถึง
ขั้นตอนที่สี่คือ Profit taking หรือการหากำไรจากการซื้อขาย
ผู้คนสนุกสนานจากการได้เงินจากการเปลี่ยนแปลง
ขั้นตอนที่ห้าคือ Panic หรือแตกตื่น
ซึ่งมักเกิดขึ้นโดยมีบางสิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้าอย่างเฉียบพลัน
เช่น ตราสารหนี้มีค่าลดลง กองทุนเงินกู้ ไม่มีเงินจ่ายฯ
เมื่อ Panic เกิดขึ้นก็ปั่นป่วนไปทั่ว เพราะเกิดความไม่แน่นอน
ผู้มีหนี้ก็ต้องหาเงินมาใช้ หุ้นราคาตก ตราสารหนี้มีค่าใกล้สูญ
ธุรกิจที่ซื้อตราสารหนี้หรือตราสารการเงิน
ซึ่งแขวนไว้กับธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งก็ล้ม
อำนาจซื้อของประชาชนหายไป คนว่างงาน ฯลฯ
ขั้นตอนสุดท้ายของ Minsky"s Model
ก็คือช่วงเวลาของนักลงทุนที่กู้เงินไว้มากเกินไปถูกบังคับให้ขายหุ้น
ขายตราสารหนี้ดีๆ ขายธุรกิจ ขายอสังหาริมทรัพย์
เพื่อเอาใช้หนี้ ซึ่งยิ่งทำให้ตลาดการเงินยิ่งปั่นป่วนยิ่งขึ้นและตกต่ำลง
เพราะทุกคนกระทำอย่างเดียวกัน
ทุกคนเผชิญปัญหาการขาดสภาพคล่องและเรียกร้องให้ภาครัฐช่วยเหลือ
สภาวการณ์ ณ จุดนี้เรียกกันในปัจจุบันว่า Minsky Moment
Minsky Moment เป็นวลีฮิต
ในตลาดการเงินโลกในปัจจุบัน
เพราะกำลังเป็นสภาวการณ์ที่เกิดขึ้นไปทั่ว
นั่นก็คือการขาดเงินสดในเกือบทุกภาคการผลิต
อันเนื่องมาจากวิกฤตที่เกิดขึ้นโดยเรียงตาม
5 ขั้นตอนดังกล่าวแล้วชื่อเสียงของ Minsky
เป็นที่รู้จักกว้างขวางโดยเจ้าตัวไม่รู้ตัวเพราะตายไปแล้ว
จากอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ที่ Brown, Berkeley
และ Washington University
(คนละแห่งกับมหาวิทยาลัยชื่อเดียวกัน แต่อยู่ที่ Seattle)
จนถึง The Levy Economics Institute of Berd College
ใน 6 ปี สุดท้ายของชีวิตเขาซึ่งสิ้นไปเมื่ออายุ 77 ปี
บัดนี้เขาได้กลายเป็นคนดังของโลก
เพราะโมเดลของเขาและคำเตือนอันยาวนานของเขาว่า
ภายในระบบการเงินนั้นมีกลไกที่จะทำให้เกิดการเก็งกำไรขึ้นเสมอ
และถ้ามีการเก็งกำไรยาวนานพอก็จะทำให้เกิดวิกฤตขึ้นได้
Minsky ในร่างของอาจารย์ ผมยุ่ง เสื้อผ้ายับๆ มองโลกในแง่ร้าย
ไม่เคยไว้ใจระบบการเงิน พูดย้ำแต่เรื่องความเปราะบาง
ของระบบการเงินและทางโน้มของมันสู่ความพินาศ
ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นถูกต้อ
Minsky ไม่เชื่อว่าตลาดนั้นมีประสิทธิภาพ
(Efficient Market) โดยผู้เกี่ยวพันรู้ข้อมูลอย่างแจ่มชัด
กลไกตลาดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
หากรัฐไม่เข้าไปแทรกแซงเขาเชื่อว่าเวลาที่ทุกสิ่งดี
นักลงทุนชอบเสี่ยง ยิ่งมันดีอยู่นานเท่าใดก็ยิ่งชอบเสี่ยงเพียงนั้น
จนกว่าจะถึงจุดเสี่ยงมากเกินไป ซึ่งในขั้นสุดท้ายก็คือ
เงินสดที่ได้มาจากทรัพย์สินไม่เพียงพอต่อการจ่ายชำระหนี้ทรัพย์สิน
เหล่านั้นที่ได้มาด้วยการกู้
และการสูญเสียทรัพย์สินที่ได้มาจากการเสี่ยงเหล่านี้
ก็จะทำให้มูลค่าทรัพย์สินยิ่งตกลงไปอีก
เมื่อผู้ลงทุนถูกบีบให้ขายทรัพย์สินอื่นด้วยเพื่อชำระหนี้
ตลาดของทรัพย์สินเหล่านี้ก็จะยิ่งมีราคาดิ่งลงไปเรื่อยๆ
เกิดการขาดสภาพคล่องขึ้น แย่งหาเงินสดกันวุ่น
และนี่ก็คือ Minsky Moment ดังกล่าว
เมื่อเริ่มมีการลดดีกรีการใช้กฎเกณฑ์
ควบคุมระบบการเงินเมื่อ 25 ปีก่อน
เพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการทำงาน
Minsky บอกว่า นายธนาคาร นักค้าหลักทรัพย์ นักการเงิน
กำลังเป็นนักวางเพลิง เพราะวันหนึ่งจะเผาผลาญระบบเศรษฐกิจ
เพราะจะเกิดการส่งเสริมให้ธุรกิจ
และบุคคลกล้าเสี่ยงมากขึ้นจนเกินพอดี
เขาเชื่อว่าการเสี่ยงเก็งกำไรจะทำให้เกิดการขึ้นและลงของวงจร
หนทางเดียวที่จะหยุดวัฏจักรขึ้นลงก็คือ
ภาครัฐต้องเข้ามากำกับควบคุมนักการเงินเหล่านี้
Minsky เชื่อในการทำงานของกลไกตลาด
แต่ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของภาครัฐ
มิฉะนั้น "ผู้เล่น" ทั้งหลายจะช่วยกันสร้างวิกฤตขึ้นโดยไม่รู้ตัว
และสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาก็คือความเสี่ยง
ซึ่งเป็นญาติอันใกล้ชิดของความโลภหลังวิกฤตครั้งนี้
หรือแม้แต่ก่อนวิกฤตจบสิ้นลง
เชื่อได้ว่ากฎกติกาของการควบคุมระบบการเงินของทั่วโลก
จะมีการทบทวนกันครั้งใหญ่โดยอาศัยบทเรียนที่ผ่านมา
บทวิเคราะห์ของ Minsky ชายผู้ดังเมื่อดับไปแล้ว
จะต้องได้รับการพิจารณาอย่างจริงจังMoment
ที่แท้จริงของ Minsky ซึ่งได้แก่การได้
ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อมหาชนได้มาถึงแล้ว
หน้า 6