วรากรณ์ สามโกเศศ
มติชน
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
"ผมฝันอยากกินมาม่าไม่ใส่ข้าว" ออกมาจากปากของเด็กนักเรียนคนหนึ่งแถบอำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ก็เพราะหลายมื้อของครอบครัวซึ่งประกอบด้วยพ่อแม่และลูกรวมสี่คน บริโภคบะหมี่สำเร็จรูปหนึ่งซองพร้อมเครื่องประกอบและเอาข้าวสุกใส่ลงไปผสมด้วยอีกหม้อใหญ่ คำพูดนี้เตือนให้รู้ว่ายังมีครอบครัวที่ยากจนอีกมากมายอยู่ในแผ่นดินนี้
ตัวอำเภอสะเมิงไกลจากเมืองเชียงใหม่ประมาณ 100 กิโลเมตรเศษๆ แต่ก็ต้องใช้เวลาเดินทางกว่า 2 ชั่วโมงในฤดูปกติ ถ้าขึ้นไปถึงตำบลบ่อแก้วในฤดูฝนอาจใช้เวลาอีกหนึ่งเท่าตัวเนื่องจากหนทางคดเคี้ยวขึ้นเขาหลายลูก ในบริเวณนี้มีประชาชนอาศัยอยู่นับแสนคน จำนวนไม่น้อยเป็นชาวกะเหรี่ยง
กลุ่มที่มีความยากจนขาดแคลนเป็นพิเศษก็คือครอบครัวของชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ซึ่งก็เป็นคนไทยทั้งนั้น พ่อแม่จำนวนมากและลูกหลานเกิดในแผ่นดินไทย ไม่ได้มีความเป็นไทยน้อยไปกว่าคนเมืองเลย เพียงแต่พวกเขาเดินทางมาอาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้ช้ากว่าบรรพบุรุษของพวกเราเท่านั้น
โรงเรียนใหญ่ระดับมัธยมประจำอำเภอหลายแห่ง (หรือแม้แต่โรงเรียนระดับประถมศึกษาบางแห่ง) ในประเทศไทยโดยเฉพาะในภาคเหนือ นักเรียนส่วนหนึ่งอาศัยหอพักของโรงเรียนและหอพักเอกชนใกล้โรงเรียนเพื่อมาเรียนหนังสือเนื่องจากบ้านอยู่บนดอยบนเขาไกลออกไปมาก พวกเขาต้องพลัดพรากจากพ่อแม่ญาติพี่น้องมาเรียนหนังสือในลักษณะนี้ บางคนอยู่เป็นเดือนๆ กว่าจะได้กลับบ้านครั้งหนึ่งเพราะไม่มีค่ารถและต้องเดินทางไกลมาก
พ่อแม่เด็กหลายคนให้ลูกขนข้าวปลาอาหารมาแบ่งกินกับเพื่อนที่หอพัก อาหารมีพอควรแต่ที่ขาดก็คือเงินสด เงินสิบบาทยี่สิบบาทมีค่าสำหรับพ่อแม่และเด็กนักเรียนเหล่านี้มาก ค่ำลงเด็กก็ดูโทรทัศน์สนุกสนานกับเพื่อน แต่ก็ไม่วายคิดถึงบ้าน โรงเรียนที่มีหอพักเหล่านี้มีคุณภาพแตกต่างกันออกไป บ้างก็เป็นบ้านใกล้ผุพัง บ้างก็เป็นอาคารถาวร แต่ทุกโรงเรียนจะมีครูอาจารย์พักอยู่ด้วย
นักเรียนกรุงเทพฯ ที่ใช้เงินมาโรงเรียนวันละเหยียบร้อยบาท เดินทางมาโรงเรียนอย่างสะดวกสบาย อาหารการกินพร้อม ถ้าเห็นความลำบากของเพื่อนนักเรียนและครูอาจารย์เหล่านี้แล้วอาจตั้งใจเรียนหนังสือมากขึ้นกว่าเดิม คนเหล่านี้ยอมทนลำบาก บางคนเดินทางวันละ 4-5 กิโลเมตร ดั้นด้นมาเรียนหนังสือก็เพราะต้องการมีความรู้ได้เรียนสูงๆ เพื่อฝันว่าจะมีฐานะครอบครัวและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ผู้เขียนได้มีโอกาสทำงานให้มูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจนซีซีเอฟ ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หลายปี ภายใต้การนำของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช และร่วมกับเพื่อนๆ กรรมการอีกหลายคนเพื่อช่วยเหลือเด็กที่เลือกเกิดไม่ได้ โดยมูลนิธิได้รับเงินบริจาคสนับสนุนจากพี่น้องคนไทยและจากชาวอเมริกันเป็นอย่างดียิ่ง
มูลนิธิมีอายุเกือบครบ 30 ปี ได้ทำโครงการทุกลักษณะไม่ว่าจะเป็นการให้เงินช่วยเหลือแก่ผู้ปกครองและเด็กโดยตรง (ได้ทำในระยะแรกๆ) ช่วยเหลือผู้ใหญ่ในการประกอบอาชีพ โครงการรักการอ่าน จัดหาหนังสือให้โรงเรียนที่ขาดแคลน จัดหารถยนต์ให้บริการรับส่งนักเรียนในบางพื้นที่ที่ยากลำบาก จัดหาสัตว์เศรษฐกิจให้แก่ครอบครัว จัดการสอนเพิ่มพิเศษแก่นักเรียน จัดหาเสื้อผ้าเครื่องกันหนาว จักรยาน เครื่องกรองน้ำดื่มให้โรงเรียน จัดหาอุปกรณ์กีฬา สนับสนุนสื่อการเรียนการสอน สนับสนุนอาหารกลางวัน จัดหาเครื่องแบบนักเรียน อุปกรณ์การเรียน ฯลฯ
สิ่งที่มูลนิธิเน้นมากที่สุดคือสร้างคุณภาพชีวิตและโอกาสในการศึกษาของเด็กยากจน ปัจจุบันกิจกรรมของมูลนิธิ ครอบคลุมเด็กกว่า 40,000 คน ใน 30 จังหวัดทั่วประเทศไทย
ในชนบทที่ห่างไกลของไทย ถ้าท่านไปเยี่ยมโรงเรียนชั้นประถม ท่านจะพบเด็กนักเรียนใส่ชุดนักเรียนปักอักษรย่อหลายโรงเรียนดังๆ ของประเทศ ที่ใส่เครื่องแบบเช่นนี้ไม่ใช่เพราะมีพี่ชายหรือพี่สาวเรียนอยู่โรงเรียนเหล่านี้ หากเป็นเสื้อบริจาคมาจากกรุงเทพฯ และหลายโรงเรียนของเด็กเล็กก็ไม่ใส่เครื่องแบบนักเรียนเพราะไม่มีเงินซื้อ รองเท้าส่วนใหญ่ก็เป็นรองเท้าแตะ
การที่รัฐบาลให้เงินสดแก่พ่อแม่เด็กเพื่อซื้อเครื่องแบบนักเรียน 2 ชุดต่อปีต่อคน (ชั้นประถมคนละ 360 บาท มัธยมศึกษาตอนต้น 450 บาท และตอนปลาย 500 บาทต่อปี) และยอมให้เปลี่ยนเป็นอุปกรณ์การเรียนอื่นได้หากมีชุดนักเรียนอยู่แล้ว จึงนับว่าเป็นผลดีต่อนักเรียนขาดแคลนเพราะยังสามารถใช้เครื่องแบบที่ได้รับบริจาคมาจากโรงเรียนอื่นและเอาเงินค่าเครื่องแบบที่ได้รับใหม่นี้ไปซื้ออุปกรณ์การเรียนอื่นที่ยังขาดอยู่อีกมาก
การ "เรียนฟรี" เช่นนี้น่าจะทำให้จำนวนปีที่อยู่ในโรงเรียนของเด็กไทยซึ่งปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 8.5-9 ปี เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีแต่สิ่งที่กระทำไปนี้อยู่ในด้าน "ดีมานด์" การปรับปรุงด้าน "สัพพลาย" คือคุณภาพการศึกษาจะต้องกระทำไปพร้อมกันด้วย มิฉะนั้นจำนวนปีอยู่ในโรงเรียนที่เพิ่มขึ้นจะไม่เป็นประโยชน์แต่อย่างใด
สิ่งที่มูลนิธิซีซีเอฟได้ทำไปนี้หลายองค์กรก็ได้ทำอยู่เช่นเดียวกับภาครัฐ แต่ปัญหามันก็มีมากมายให้แก้ไขไม่รู้จบ เรียกได้ว่าทุกองค์กรอยู่ฐานะ "ช่วยกันคนละไม้คนละมือ"
สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการศึกษาและการช่วยเหลือเด็กขาดแคลนและอยู่ภายใต้สภาวะ "ช่วยกันคนละไม้คนละมือ" ดังกล่าว มีแสงสว่างหนึ่งที่เจิดจ้าฉายลงมาเป็นกำลังใจให้แก่พวกเราอย่างน่าชื่นใจตลอดมา
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงอุทิศพระวรกาย พระปัญญา พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ในการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้วยพระทัยที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาแก่เยาวชน จนเป็นแรงบันดาลใจผลักดันให้พวกเราช่วยกันทำงานเพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่เยาวชนที่ขาดแคลน
ไม่ว่าคนผิวสีใดหรือเสื้อสีใดก็ตาม หากได้รู้ว่าพระองค์ท่านได้ทรงมีพระเมตตาแก่เยาวชนของเราในทุกแห่งหนบนแผ่นดินไทยมากมายเพียงใดแล้ว ผมมั่นใจว่าทุกสีจะหลอมรวมเหลือเพียงสีเดียวเท่านั้นคือ.......สีม่วง
หน้า 6
เหนือสิ่งอื่นใด
- เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๙) เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559
- พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๙) ณ วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙
- The 60th Anniversary Celebrations of his Majesty King Bhumibol Adulyadej's Accession to the Throne
- 63 ปี "พระเจ้าอยู่หัว ร.๙" ผู้นำที่ไม่เหมือนใครในโลก นำพาประเทศ "อยู่ดีมีสุข"
- Supreme Artist
- เศรษฐกิจพอเพียง : Sufficiency Economy พ.ศ. ๒๕๖๓
- ทศพิธราชธรรม ๑
- ทศพิธราชธรรม ๒
- ๑๐๐ ปี สวรรคตกาลสมเด็จพระปิยมหาราช
- ร.๙ ทรงห่วงเหตุการณ์ประเทศเพื่อนบ้าน
- พระบรมราโชวาท ร.๙
- "พูดแล้วต้องทํา" พระบรมราโชวาท "ในหลวง ร.๙" ทรงเตือน-ครม.
- ร. ๙ ทรงพระราชทานแก่พลเอกสุจินดา คราประยูร และพลตรีจำลอง ศรีเมือง
- ร.๙ ทรงรับสั่งรมต.ถวายสัตย์ฯ
- ร.๙ ทรงมีพระบรมราโชวาทแก่ตุลาการทหาร
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ทรงป้องกันน้ำท่วม ปีพุทธศักราช ๒๕๓๘
- “ในหลวง ร.๙” ทรงฝากองคมนตรีปลูกฝังคนไทยเอื้อเฟื้อ นึกถึงส่วนรวม
- “ในหลวง ร.๙” เสด็จฯ ทอดพระเนตรดนตรีที่ศิริราช
- "ในหลวง ร.๙" เสด็จเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์-สะพานภูมิพล 1,2
- ในหลวง ร. ๙ เสด็จฯทอดพระเนตรคอนเสิร์ตแจ๊ส
- ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒
- น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ"ในหลวง ร.๙"กับ"ภูมิสารสนเทศ"
- ในหลวง ร.๙ ทรงพระราชทาน ส.ค.ส.2554 แก่พสกนิกรชาวไทย
- 'ในหลวง ร.๙' ทรงมีพระราชดำรัสให้คนไทย ทำหน้าที่ ไม่ประมาท มีสติ : ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓
- วันฉัตรมงคล (ร.๙)
- ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
- พระราชดำรัสสุดท้าย ในหลวง รัชกาลที่ 9
- ๑๒ สิงหา วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
- "สมเด็จย่า"
- เจ้านายเล็กๆ ยุวกษัตริย์
- อาลัยพระพี่นางฯ
- ในหลวงรัชกาลที่ ๙ โปรดให้นายโคฟี อันนัน เฝ้าถวายรางวัลฯ (๒๕ พ.ค.๔๙)
- "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร" มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์
- พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล
- ศิลปาชีพ : ประจักษ์พยานของความรัก ผูกพัน และห่วงใย
- เพลงสรรเสริญพระบารมี
- ชีวิตที่หมุนไปไม่หยุดยั้ง...พระอารมณ์ขันของพระเทพฯ
- ถ้าเดินเรื่อยไปย่อมถึงปลายทาง นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนฯ
- สมเด็จพระเทพฯ กับการส่งเสริมไอที เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
- สมเด็จพระเทพฯ สนพระทัยเมล็ดพันธุ์ช่วยหล่อเลี้ยงประชากร
- เครือข่ายกาญจนาภิเษก
- สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- ทรงพระเจริญ
- ของขวัญจากก้อนดิน
- ต้นไม้ของพ่อ
- รูปที่มีทุกบ้าน
- นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ
- ติโต
- ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙
- พระราชนิพนธ์ พระมหาชนก ที่ทุกคนพึงอ่าน
- โครงการแก้มลิง
- ทำไมเรารัก "พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร"
Custom Search