นายอัลเบร์โต เคนโย ฟุจิโมริ เป็นประธานาธิบดีสาธารณรัฐเปรูระหว่าง พ.ศ.2533-2543 แกขึ้นมาครองอำนาจในห้วงช่วงที่ประเทศกำลัง ย่ำแย่ และเศรษฐกิจตกต่ำ เมื่อขึ้นมาสู่อำนาจแล้ว ฟุจิโมริก็บริหารประเทศ ได้อย่างประสบพบความสำเร็จดียิ่ง ขนาดเศรษฐกิจขยายตัวขึ้นไปถึงร้อยละ 12 เมื่อ พ.ศ.2537 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเจริญเติบโตสูงที่สุดในโลก
ฟุจิโมริชนะเลือกตั้งเป็นผู้นำสมัยแรกเมื่อ 10 มิถุนายน 2533 สมัยสองเมื่อ 9 เมษายน 2538 และสมัยที่สามก็เมื่อ 28 พฤษภาคม 2543
แต่ก่อนถึงวันเลือกตั้งในครั้งที่สามนี่แหละ นายอะเลฮันโดร โตเลโด คู่แข่งของแก ถอนตัวออกจากการแข่งขัน อ้างว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ บริสุทธิ์ ฟุจิโมริจึงไม่มีคู่แข่ง แต่ก็ได้คะแนนเสียงเพียงร้อยละ 51 ของ ผู้ออกเสียงเลือกตั้ง ในสมัยที่ 3 นี่แหละครับ ภาวะของประเทศตกต่ำลงอย่างมาก มีการประท้วงวุ่นวายเหมือนสมัย พ.ศ.2533
เช่นเดียวกับตอนที่ฟุจิโมริขึ้นมาครองอำนาจใหม่ๆ แถมยังมีเหตุการณ์เอลนีโญ ทำให้เกิดน้ำท่วมเปรูอย่างรุนแรง ชนะเลือกตั้งครั้งที่สามแล้ว ก็ต้องเดินทางไปสาบานตนรับตำแหน่ง เมื่อ 28 กรกฎาคม 2543 แต่คราวนี้ผู้คนไม่ยอมรับ จึงเกิดจลาจลมีคนตายไป 6 คน อาคารสาธารณะถูกเผา ในยุคนี้นี่แหละครับ ที่ความชั่วร้ายทั้งหลายของฟุจิโมริเริ่มโผล่ เช่น เอกสารเกี่ยวกับสัญชาติที่ฝ่ายค้านคุ้ยไม่เลิก มีเทปวีดิโอเปิดเผยว่าพวกของฟุจิโมริเอาเงินไปซื้อ ส.ส. ฝ่ายค้าน ให้มาเป็นสมาชิกพรรคของฝ่ายรัฐบาล ฯลฯ
เหตุร้ายทั้งหลายทั้งปวงที่โผล่ผุดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ทำเอานายฟุริโมริจนมุม แกจึงประกาศว่า จะจัดให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ในเดือนเมษายน 2544 โดยที่แกจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ก็ไม่สามารถทำให้ผู้คนเกิดความเชื่อถือได้ในขณะที่กำลังซวนเซโงนเงนโอนเอนอยู่นี่เอง คนใกล้ตัวที่แกเคยสนับสนุนอยู่ก็ตีตัวออกห่างไปอยู่ข้างประชาชนที่ละคนสองคน แม้แต่นายฟรันซิสโก ดูเดลา รองประธานาธิบดีของแกเอง ยังประท้วงด้วยการลาออก
เมื่อสถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น ฟูจิโมริก็นำคณะไปเยือนญี่ปุ่น และแกก็แฟกซ์ใบลาออกจากประธานาธิบดีมาที่รัฐสภา แต่พวก ส.ส. ไม่ยอมรับ กลับลงมติไล่แกออกจากตำแหน่งข้อหามีความประพฤติไม่เหมาะสม ในการปกครองประเทศ
จากนั้นพวกในรัฐบาลใหม่ก็เรียงหน้าฟ้องฟุจิโมริเป็นระลอกหลายคดี กะเอาให้นายฟุจิโมริตายขายไม่ออกและกลับมาเป็นประธานาธิบดีไม่ได้อีก ที่ต้องเอาให้ตายก็เพราะว่า ประชาชนคนรากหญ้ายังรักนายฟุจิโมริอยู่ ยังนึกถึงวันชื่นคืนสุขและวันเดือนปีที่ฟุจิโมริเคยมี ความสามารถพาประเทศไปสู่ความรุ่งโรจน์
ข้อหาที่ฟุจิโมริโดนมีเยอะ เช่น ฉ้อราษฎร์บังหลวง ยักยอกเงินกองทุนรัฐไปหลายล้านดอลลาร์ ฆาตกรรมซึ่งเกี่ยวดองหนองยุ่ง กับการฆ่าประชาชนคนเป็นจำนวนมาก ฯลฯ
ทุกทีที่ศาลเปรูพิจารณาคดี ฝ่ายจำเลยคือฟุจิโมริไม่เคยไปปรากฏตัวในศาล ผู้พิพากษาศาลฎีกาจึงออกหมายจับระหว่างประเทศ แต่ญี่ปุ่นปฏิเสธ ไม่ยอมส่งตัวฟุจิโมริไปให้เปรู อ้างว่าฟุจิโมริมีสัญชาติญี่ปุ่นตามพ่อ และญี่ปุ่นกับเปรูก็ไม่มีสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แถมมหาวิทยาลัยหลายแห่งในญี่ปุ่น ยังให้เกียรติเชิญนายฟุจิโมริเป็นผู้บรรยายพิเศษซะอีก เช่นที่มหาวิทยาลัยทะกุโชะกุในกรุงโตเกียว
พ.ศ.2548 ฟุจิโมริชะล่าใจดันเดินทางไปชิลี และก็ไปถูกจับที่นั่น เพราะเปรูกับชิลีมีสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน รัฐบาลเปรูจึงยื่นคำขอให้มีการส่งตัวผู้ร้ายจากชิลีไปยังเปรู
มีการเลื่อนพิจารณาคดีออกไปหลายครั้ง โดยอ้างว่าฟุจิโมริป่วย
ครั้งต่อไป ผมเชื่อว่ามีแน่ และก็น่าจะเป็น 20 มีนาคม 2552
มีคนบอกว่าฟุจิโมริจะต้องเข้าไปอยู่ในคุกนาน 30 ปี
หากไม่ตาย ฟุจิโมริจะออกจากคุกเมื่ออายุ 100 ปีพอดี
ฟุจิโมริเกิด พ.ศ.2481 ขณะนี้อายุ 70 ปีพอดี
นี่คือวิธีกันไม่ให้คนสำคัญที่ประชาชนคนรักมาทำงานการเมือง.
|