Custom Search

Apr 11, 2009

เริ่มต้นด้วย"การสังเกต"

คอลัมน์ แทงก์ความคิด
นฤตย์ เสกธีระ
มติชน
max@matichon.co.th วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2552

ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เ
ทศกาลปีใหม่ไทย วันสงกรานต์...ครับ
เทศกาลสงกรานต์มีตำนานเล่าขานว่า
กาลครั้งหนึ่งมีเศรษฐีคนหนึ่ง รวยแต่ไม่มีลูก

เศรษฐีคนนี้อาศัยอยู่ข้างบ้านยาจก ยาจกคนนี้ ปากเสีย
ชอบพูดจาดูถูกเศรษฐีเรื่องไม่มีลูกอยู่บ่อยๆ

กระทั่งท่านเศรษฐีรู้สึกมีปมด้อย จึงทำพิธีบวงสรวงขอลูกจากพระผู้เป็นเจ้า

จนในที่สุด พระอินทร์ส่ง "ธรรมบาลกุมารเทวบุตร"
จุติลงมาเกิดเป็นลูกท่านเศรษฐี
ธรรมบาลกุมารพอเกิดเป็นมนุษย์ ก็เป็นเด็กฉลาด
เรียนวิชาอาคมครบถ้วน
แม้แต่ภาษานกก็สามารถฟังรู้เรื่อง !
ชื่อเสียงของธรรมบาลกุมารดังกระฉ่อน
จนท้าวกบิลพรหมต้องการลองของ

ท้าวกบิลพรหมเสด็จลงมาเยือนโลกมนุษย์
แล้วตั้งคำถาม 3 ข้อถามธรรมบาลกุมาร
พร้อมทั้งวางเดิมพัน ถ้าธรรมบาลกุมารสามารถตอบคำถามทั้ง 3 ข้อได้ภายใน 7 วัน ท้าวกบิลพรหมจะตัดเศียรบูชาธรรมบาล แต่ถ้าไม่สามารถตอบคำถามได้
ธรรมบาลต้องบั่นศีรษะตัวเองออกมา
ธรรมบาลกุมารรับคำท้า
แต่คิดอย่างไร คิดอย่างไร ก็หาคำตอบไม่ได้
กระทั่งวันสุดท้าย บังเอิญที่ธรรมบาลกุมารได้ยิน "นก" พูดจากัน
และเฉลยคำตอบทั้ง 3 ข้อ
จนธรรมบาลกุมารสามารถนำคำเฉลยไปตอบคำถามท้าวกบิลพรหมได้

เมื่อธรรมบาลกุมารสามารถตอบคำถามได้
ท่านท้าวฯก็ต้องทำตามสัญญา
แต่มาติดปัญห
าตรงที่ เศียรของท่านท้าวฯ
เมื่อหลุดจากร่างแล้วห้ามให้ไปตกอยู่ในที่ใด

หากตกถึงพื้นดิน โลกก็จะลุกเป็นไฟ หากตกลงในน้ำ น้ำก็จะแห้งเหือดหมดโลก หากโยนขึ้นในอากาศ ฝนก็จะไม่ตกต้องตามฤดูกาล
ที่สุด ท้าวกบิลพรหมได้เรียกลูกสาวของตัวเองมาหารือ
แล้วบอกว่าหลังจากตัดเศียรออกแล้ว
ให้ลูกสาวเอาพานมาคอยรองรับ

จากนั้นให้นำไปแห่รอบเขาพระสุเมรุก่อนจะเอาไปเก็บไว้ในถ้ำ
และให้ทำเช่นเดียวกันนี้ทุกๆ เดือนเมษายนของทุกปี
เทศกาลสงกรานต์จึงมีกันในเดือนเมษายน
ขณะเดียวกันลูกสาวของท่านท้าวฯมีด้วยกัน 7 คน
เราจึงมีนางสงกรานต์รวม 7 คนกันไงครับ
ฟังตำนานเรื่องเทศกาลสงกรานต์แล้วรู้สึกสนุกดีไหม ทีแรกนึกว่าธรรมบาลกุมารจะโชคร้าย
แต่บังเอิญที่มี "นก" เป็นตัวช่วย
ทำให้รอดชีวิตมาได้
ฟังแล้วน่าอิจฉาธรรมบาลกุมาร
ที่มีวิชาฟังภาษานก
ส่วนพวกเรามนุษย์นอกตำนาน
ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า
ไม่มีทางฟังภาษานกได้รู้เรื่อง

แต่แม้จะฟังภาษานกไม่ได้
มนุษย์ก็มีความสามารถทางอื่น ที่ทำให้รับรู้ "ข้อมูลข่าวสาร"
จากสิ่งที่มนุษย์ฟังไม่รู้เรื่อง

พวกเราเรียกความสามารถดังกล่าวว่า "การสังเกต" ครับ
มนุษย์โลกคนใดรู้จักสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัวจนค้นพบ "ข้อมูลข่าวสาร" จากธรรมชาติ

มนุษย์ผู้นั้นก็มีโอกาสรุ่งเรืองละครับ อย่าง
"ไอแซก นิวตัน" สังเกตเห็น ผลแอปเปิ้ลหล่นลงมาจากต้น แล้วสงสัยว่า สิ่งที่ทำให้ผลแอปเปิ้ลหล่นลงมา
น่าจะเป็นสิ่งเดียวกันกับสิ่งที่ทำให้พระจันทร์อยู่ใกล้โลก
จนในที่สุดเขาก็ค้นพบ แรงโน้มถ่วงของโลก
หรืออ
ย่าง "ชาลส์ ดาร์วิน" แพทย์ผู้เดินทางไปถึงเกาะกาลาปากอส สังเกตสัตว์และพืชบนเกาะแห่งนั้น
จนกระทั่งสรุปเป็นทฤษฎี
เรียกว่า ทฤษฎีวิวัฒนาการ
อธิบายความเป็นมาของมนุษย์ สัตว์
และพืชบนโลกใบนี้ได้อย่างน่าทึ่ง

นอกจากนักวิทยาศาสตร์ทั้ง 2 ท่านนี้แล้ว
ยังมีปรากฏการณ์อื่นๆ ในโลกอีกมากที่เกิดขึ้นจากการสังเกต

ไม่ว่าจะเป็นการกำเนิดเครื่องจักรไอน้ำ
การรู้จักกระแสไฟฟ้า และอื่นๆ อีกมากมาย

ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากการสังเกตทั้งนั้น
จนอาจเรียกได้ว่า การสังเกตเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนา
ดังนั้น ใครที่อยากเริ่มต้นในการพัฒนา ไม่ว่าจะพัฒนาองค์กร พัฒนาผู้อื่น
หรือพัฒนาตัวเอง
ลองหันมาใช้วิธีการสังเกตเป็นจุดเริ่มต้นก็ไม่เลวนะครับ
เพราะสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวเรา สามารถให้ "ข้อมูลข่าวสาร" สำคัญๆ
เพื่อการพัฒนาแก่เราได้
อย่างน้อยที่สุด
การเฝ้าสังเกตบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน
เปรียบเทียบกับบุคคลที่ทำงานล้มเหลว

ก็ทำให้เราพบเหตุปัจจัยแห่งความสำเร็จและล้มเหลว
อย่างน้อยที่สุด การเฝ้าสังเกตบุคคลที่มีความสุขในชีวิต
เปรียบเทียบกับบุคคลที่มีความทุกข์

ย่อมทำให้เรามองเห็นเหตุปัจจัยแห่งความสุขและความทุกข์นั้น
คนเราเมื่อมีรู้เหตุปัจจัยแห่งความสำเร็จ
รู้เหตุปัจจัยแห่งความสุข เราก็เริ่มมี "วิธีทำ" สำหรับชีวิต
คนที่พบ "วิธีทำ" เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย
ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิต

ดังนั้น ใครที่อยากใช้เทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ไทย
เป็นจุดเริ่มต้นเพื่อพัฒนาชีวิต

ลองเริ่มต้นด้วย "การสังเกต" ดูสิครับ...อาจจะช่วยท่านได้
สวัสดี

หน้า 17