Custom Search

Apr 22, 2009

ถ้าเหลือง-แดงสามารถปรึกษากันในคุกได้ สัญลักษณ์ที่ทลายกำแพงทางจิตใจของคนไทยทั้งชาติ



ประเวศ วะสี

มติชน

วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552




1.มีผู้วางแผนให้เหลือง-แดงปะทะกัน
หลังเหตุการณ์มหาสงกรานต์เลือดที่สังคมไทย
เกือบหลุดเข้าสู่มิคสัญญีกลียุค
หลายคนเห็นว่ามีผู้จงใจวางแผนให้เหลือง-แดงปะทะกัน
ดีว่าเหลือง"รู้ทัน"ไม่ออก แดง"รู้ทัน" หยุด แต่ผู้วางแผนยังไม่หยุด
การสังหารสนธิก็ถูกใช้เพื่อจุดชนวนความขัดแย้งต่อไปอีก
ถ้าเหลือง"รู้ทัน แดง"รู้ทัน" และสังคมไทย
"รู้ทัน"ความพยายามก่อให้เกิดมิคสัญญีกลียุคก็ไม่สำเร็จ

ถ้าแผ่นดินมีความศักดิ์สิทธิ์ ขอพระสยามเทวาธิราชจงดลบันดาล
ให้เหลือง"รู้ทัน"แดง"รู้ทัน" และสังคมไทย"รู้ทัน"
การ"รู้ทัน" คือการมีสติปัญญายับยั้งชั่งใจในสภาวะที่ปากเหวของมิคสัญญี
เป็นโอกาสที่สังคมไทยจะอภิวัฒน์ไปสู่จุดลงตัวใหม่
สังคมไทยติดอยู่ในโครงสร้างของอำนาจที่ซับซ้อนแน่นหนาที่กักขังคนไทยไว้
ไม่ให้ออกไปได้ อย่างที่มีผู้กล่าวว่า "คนไทยเหมือนไก่อยู่ในเข่ง"
รอเขาเอาไปเชือดตายทุกตัว
แต่ระหว่างนั้นยังจิกตีกันร่ำไปใน "เข่ง" มันคับแคบ
ไก่มันเบียดเสียดเยียดยัดกระทบกระทั่งกันจึงจิกตีกันปางตายหรือตาย

เห็นหรือยังครับว่าเกือบตายกันทุกคน
นายกฯอภิสิทธิ์ก็เกือบตาย คุณสนธิก็เกือบตาย
คุณทักษิณก็เหมือนตายทั้งเป็น
ประธานองคมนตรีก็ลำบาก
สถาบันพระมหากษัตริย์ก็ถูกจาบจ้วงอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ยังไม่นับคนไทยที่ต้องตายไปแล้วจริงๆ
และคนไทยทั้งประเทศที่อยู่ร้อนนอนทุกข์
เราต้องเข้าใจ "เข่ง"
และรวมตัวกันออกจากเข่งบ้านเมืองจึงจะหายวิกฤต
"เข่ง" คือโครงสร้างอำนาจอันซับซ้อนและหนาแน่น
ซับซ้อนและหนาแน่นเกินกว่าที่ใครหรือสถาบันใดๆ
จะแหวกออกไปได้ จึงเห็นได้ว่าไม่มีรัฐบาลใดๆ เลย
ที่สามารถแก้ไขความยากจนของเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานได้
เพราะความยากจนของเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานเกิดจากการขาดความเป็นธรรม
ความไม่เป็นธรรมเกิดจากโครงสร้างอำนาจอันซับซ้อนแน่นหนาที่ไม่มีใครมีปัญญา
ที่จะสะเดาะออกไปได้ ตราบใดที่ขาดความเป็นธรรม
สังคมจะขัดแย้งและรุนแรงเรื่อยไป คนไทยจึงควรรวมตัว

  • บินออกจากเข่ง
  • หรือออกจากโครงสร้างอันไม่เป็นธรรม
ความโกรธ ความเกลียด ความแค้น ความอาฆาต
การใช้ความรุนแรง
ไม่ทำให้เราออกจากโครงสร้างของความรุนแรงได้
การไม่ทำอะไรหรือกลับไปอย่างเก่าก็แก้ความรุนแรงไม่ได้
ท่ามกลางความแตกแยกรุนแรงและการมีความแค้นฝังใจอย่างสุดๆ
การที่จะร่วมมือกันเพื่อบินออกจากเข่งได้
คงต้องการกระบวนการอะไรบางอย่างที่ทรงพลังมหัศจรรย์


2.พลังสมานอันมหัศจรรย์ ในความเป็นมนุษย์มีพลังมหัศจรรย์
ที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ เป็นพลังที่มหัศจรรย์อย่างเหลือเชื่อ
ถึงเวลาที่จะต้องเข้าใจพลังมหัศจรรย์แห่งความเป็นมนุษย์ที่ซ่อนอยู่ในส่วน ลึกของหัวใจ
อะไรที่ตื้นๆ จะแบ่งแยก อะไรที่ลึกๆ จะเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียว

ในประเทศแอฟริกาใต้มีความขัดแย้งอันร้าวลึกที่คนขาวไปกดขี่คนดำ
คนดำที่ต่อสู้ถูกฆ่าตายบ้าง ถูกจองจำบ้าง เนลสัน แมนเดลา
ผู้นำการต่อสู้ของคนผิวดำถูกไล่ล่าและถูกจำคุกอยู่ถึง 27 ปี
ความเกลียดชังฝังอยู่ในจิตใจของคนขาวและคนดำ
อย่างมองไม่เห็นทางออกด้วยสันติ
แต่เมื่อเขามาใช้กระบวนการที่เรียกว่า "Truth and Reconciliation"
หรือ "สัจจะและสมานฉันท์" โปรดสังเกตว่าไม่ใช่สมานฉันท์เฉยๆ
แต่มีสัจจะหรือการยอมรับความจริงนำหน้า คราวหนึ่งในที่ประชุมคนผิวดำ
ตำรวจคนขาวคนหนึ่งมารับสารภาพว่า เขาได้ฆ่าคนผิวดำไปอย่างไรบ้าง
แทนที่คนผิวดำจะกรูกันเข้ามาฉีกเนื้อตำรวจคนนั้น
แต่ร้องไห้กันระงมและมีการให้อภัยเมื่อมีการสารภาพความจริง
การขอโทษ (Apology) สามารถมีการให้อภัย (Forgiveness)
อันยิ่งใหญ่อย่างเหลือเชื่อตามมาได้
ในความเป็นมนุษย์มีความสามารถในการให้อภัยอย่างไม่น่าเชื่อ
ลองดูตัวอย่างข้างล่าง
ที่อริโซนา สหรัฐอเมริกา
มีวัยรุ่นคนหนึ่งไปขายพิซซ่าแล้วถูกวัยรุ่นอีกคนหนึ่งยิงตาย
พ่อของเด็กที่ถูกยิงตายเห็นว่าพ่อแม่ของเด็กที่ยิงลูกเขาตายคงจะตกอยู่ใน
สถานะที่ย่ำแย่ทางจิตใจ จึงไปช่วยเยียวยาเด็กคนนั้น
รวมทั้งพ่อแม่ของเขาด้วย เมื่อเขาเล่าเรื่องนี้ในที่ประชุมใหญ่ในแคลิฟอร์เนียฟัง
คนที่ประชุมทั้งหมดร้องไห้กันระงมด้วยความตื้นตันใจในความมหัศจรรย์แห่งจิต
ของบิดาผู้สูญเสียลูก
การให้อภัยทำให้การก่อเวรก่อกรรมยุติลงตรงข้ามกับการจองเวร


3.การรับสภาพ การขอโทษ การให้อภัย คือพลังสมานอันมหัศจรรย์
ขบวนการคนเสื้อเหลืองและขบวนการคนเสื้อแดง มีทั้งคนรักและคนชัง
เป็นความรักและความชังอย่างรุนแรงถึงขนาดไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้
ความรักและความชังอย่างรุนแรงนำไปสู่การนองเลือดและมิคสัญญีกลียุคได้
ควรจะต้องหาทางถอนพิษในจิตใจออกเสีย
ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นโดยเหตุใดก็ตาม
ถ้าทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดง
ระลึกรู้ว่าอาจมีคนวางแผนให้เหลือง-แดงปะทะกัน
เพื่อให้เกิดมิคสัญญีกลียุค และต้องการให้สังคมไทยฟื้นคืนดี
ไปสู่ความสมานฉันท์ ที่จะร่วมกันบินออกจากเข่งแห่งโครงสร้างอันไม่เป็นธรรม
อาจลองใช้กระบวนการ "รับสารภาพ-ขอโทษ-ให้อภัย"
ดูเช่นว่า
คนเสื้อเหลืองรับสารภาพว่าตนทำผิดกฏหมายอะไรบ้าง
ขอโทษ ยินดีรับโทษ
คนเสื้อแดงรับสารภาพว่าตนทำผิดกฏหมายอะไรบ้าง
ขอโทษ ยินดีรับโทษ
ถ้าโทษนั้นจะหมายถึงติดคุกก็ยินดี
คุกไม่ใช่อะไรที่น่ากลัวสำหรับมหาบุรุษหรือคนรักชาติ
มหาตมะคานธีก็ดี เนห์รูก็ดี เนลสัน แมนเดลาก็ดี
ล้วนเคยติดคุกมาแล้วทั้งสิ้น
การติดคุกของมหาบุรุษเหล่านี้กลับไปสร้างเสริมจิตวิญญาณของชาติให้เข้มแข็งขึ้น
ถ้าเหลือง-แดงสามารถปรึกษากันในคุกได้
จะเป็นสัญลักษณ์ที่ทลายกำแพงทางจิตใจของคนไทยทั้งชาติทันที

คำว่า "ผมขอโทษ" เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ จะเอื้อนออกมาได้
จากจิตใจที่ยิ่งใหญ่และกล้าหาญเท่านั้น คนขี้ขลาดจะไม่กล้ากล่าวคำนี้
ถ้าขอโทษได้ ก็ให้อภัยได้
กระบวนการสารภาพความจริง
การเอ่ยคำขอโทษ และการให้อภัยจะช่วยให้สังคมฟื้นคืนดี
และสมานฉันท์ได้อย่างมหัศจรรย์
ในหมู่คนเสื้อแดงไม่ได้มีคนชนิดเดียวกัน
ถ้าแยกคุณทักษิณซึ่งมีความเป็นพิเศษไว้ต่างหาก
ที่เหลือมีคนจนกับนักอุดมการณ์ฝ่ายซ้าย เราจะเข้าใจและเห็นใจเขาได้มากขึ้น
คนจนเขาไม่มีทางหายจนเพราะโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรม
ที่เรียกว่าฝ่ายซ้ายนั้นคือ
คนที่เห็นใจคนจนและรักความเป็นธรรมแต่เขาทำอะไรไม่ได้เลย
ในโครงสร้างแห่งอำนาจอันซับซ้อนและแน่นหนา
ตราบใดที่สังคมไทยยังไม่ออกจากโครงสร้างแห่งอำนาจอัน
ซับซ้อนและแน่นหนาจะไม่หายรุนแรง ไม่มีใครหรือสถาบันใดๆ
จะพาสังคมไทยออกจากโครงสร้างแห่งความไม่เป็นธรรมได้นอกจากร่วมกัน
ปรกติเราจะไม่ร่วมกัน บัดนี้เราเผชิญวิกฤตที่ไม่มีทางไปแล้ว
ความร่วมกันจึงเป็นไปได้ ร่วมกันทำอะไร

4.ร่วมกันแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกร
และผู้ใช้แรงงานอย่างเด็ดขาดและถาวร
ความยากจนของเกษตรกรและผู้ใช้แรงงาน
คือภาพที่สะท้อนความไม่เป็นธรรม
การแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานได้คือ
การถอดสลักความไม่เป็นธรรม ถ้าเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานหายจน
บ้านเมืองจะแข็งแรง มั่นคงและศานติ
การแก้ความยากจนของเกษตรกร
และผู้ใช้แรงงานทำได้โดยโยงกระบวนการของคน
ข้างล่างมาสู่นโยบาย คนข้างล่างเขารู้ว่าความยากจนคืออะไร
เกิดจากอะไร แก้ไขได้อย่างไร แต่เขาไม่เคยมีโอกาสทางนโยบาย
นโยบายล้วนกำหนดมาจากความไม่รู้ข้างบน

กระบวนการแก้ความยากจนของเกษตรกร
และผู้ใช้แรงงานได้กล่าวถึงโดยละเอียดกว่านี้ในบทความชื่อ
"การเยียวยา : การรวมตัวกันทำสิ่งใหม่ที่ดี" ซึ่งจะตีพิมพ์ตามมา
กระบวนการที่กล่าวในบทความนั้นเป็นกระบวนการประชาธิปไตยฐานล่าง
อันกว้างใหญ่ไพศาล ที่โยงมากับฝ่ายนโยบายหลายระดับ
และระดับบนคือนายกรัฐมนตรี กระบวนการนี้จะสะเดาะโครงสร้างอันซับซ้อน
และแน่นหนาให้หลุดเป็นเปลาะๆ ไป

การสะเดาะโครงสร้างอำนาจนี้ตามปกติจะทำไม่ได้
เพราะติดขัดโดยรอบด้าน แต่เมื่อสังคมวิกฤตจนไม่มีทางไปแล้ว
ก็เป็นโอกาสแห่งความร่วมมือกันทุกฝ่ายที่จะบินออกจาก "เข่ง"
หรือโครงสร้างแห่งอำนาจเพื่อสร้างสังคมที่เป็นธรรม
ในสังคมที่เป็นธรรม คนจะรักกันมาก และรักชาติบ้านเมือง