Custom Search

Jun 30, 2012

สุขทุกวัน 7 วัน 7 กูรู ~ ดร.สนอง วรอุไร



คนดลใจ : พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี



รายการคนดลใจ ช่อง 11
ตอน พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี)
พระรุ่นใหม่ที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา
ด้วยธรรมนวัตกรรมหลากหลายรูปแบบ
จนก่อเกิดคำว่า ธรรมะติดปีก,ธรรมะอินเทรนด์
เป็นผู้พลิกโฉมวงการเผยแผ่พุทธศาสนา
ในเมืองไทยให้มีสีสัน มีชีวิตชีวา
หนังสือธรรมะไม่ใช่ยาขมสำหรับคนไกลวัดอีกต่อไป
ตัดตอนมาจาก VDC ธรรมทาน
ของสถาบันวิมุตยาลัย http://www.dhammatoday.com

ทพญ. ยุพเรศ นิมกาญจน์ : DC-one The Dental Clinic

รายการคุยกันวันเสาร์ คุณสุรนันทน์ เวชชาชีวะ
ได้ไปพูดคุยกับคุณหมอยุพเรศ นิมกาญจน์
เจ้าของ DC-one The Dental Clinic

ออกอากาศเมื่อวันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม 2553
เวลา 19.00 - 20.00 น. สถานี TNN 24 


รายการธรรมเสน่ห์ ในตอนเเสน่ห์ขาวใส
จากภายใน(ปาก) กับ
ทพญ.ยุพเรศ นิมกาญจน์ 
ทันตแพทย์ประจำ DC one The Dental Clinic
และคอลัมนิสต์ ฟ.ฟัน นิตยสารพลอยแกมเพชร
ออกอากาศเมื่อวันที่ 22-23 กรกฎาคม 2553
เวลา 10:30 -11:00 น. ทางช่อง 9 







ยุพเรศ นิมกาญจน์ เฮลท์ตี้เวิร์กกิงวูเมน


การใช้ชีวิตในรูปแบบที่มีระเบียบวินัยและความสมดุล ทำให้ชีวิตนอกเหนือจากการทำงานของ
ท.พญ. ยุพเรศ นิมกาญจน์ คือการออกกำลังกายโดยเฉพาะการวิ่งอย่างเต็มที่และจริงจัง
เพื่อแลกสุขภาพที่ดีในช่วงบั้นปลายชีวิต รวมถึงรูปร่างและความสวยสดใส
เป็นที่สะดุดตาของผู้พบเห็น จนกลายเป็นไลฟ์สไตล์แห่งชีวิตที่งดงาม
ในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ว่างเว้นจากการทำงาน หมอเอ๋- ท.พญ.ยุพเรศ เจ้าของ DC-one The Dental Clinic
ดูสดใสในชุดเดรสวินเทจโทนสีชมพูสุดโปรด โชว์หุ่นเป๊ะ
ให้เวลาเราพูดคุยกับเธอในเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพ และการออกกำลังกายอย่างเป็นกันเอง
หมอเอ๋บอกว่า ปกติแล้วเธอก็เหมือนผู้หญิงทั่วไป ที่ต้องตื่นเช้าไปทำงาน ตกเย็นนัดทานอาหารกับเพื่อนๆ
แต่เมื่ออายุมากขึ้น ก็อยากมีสุขภาพดี ไม่อยากเป็นภาระให้คนรอบกาย จึงเริ่มสนใจเรื่องการออกกำลังกาย
“ปกติก็ดูแลสุขภาพมาตลอดอยู่แล้วค่ะ แต่พออายุมากขึ้นเรารู้สึกตัวได้เลยว่าเหนื่อยง่าย
และเราก็นั่งทำงานในออฟฟิศทั้งวัน
จึงเริ่มปวดเมื่อยเนื้อตัวอีกสารพัด
อาจเป็นเพราะอวัยวะทุกอย่างในร่างกายเริ่มทำงานช้าลง
ช่วงแรกก็เริ่มจากไปเรียนโยคะ เข้าฟิตเนส ทำมา 6-7 ปีแล้วค่ะ
รู้สึกว่าดีมาก สดชื่นทำให้เรามีพลังในการทำงาน”
หมอสาวร่างเล็กยังเปิดประเด็นเรื่องความสนใจในการออกกำลังกาย ด้วยการหันมาวิ่งอย่างจริงจังว่า
เป็นเพราะเธอมีเป้าหมายอยากลงแข่งขันกีฬามาราธอนร่วมกับน้องชายและเพื่อน
โดยเริ่มจากน้องชายและเพื่อนที่สนใจกีฬามาราธอน
แล้วมีแผนจะลงแข่งขันไตรกีฬามาราธอนที่ภูเก็ต
ซึ่งน้องชายของหมอเอ๋ชอบขี่จักรยาน ส่วนเพื่อนอีกคนถนัดว่ายน้ำ
ยังขาดแต่นักวิ่ง เมื่อเธอรู้ก็นึกสนุกอยากแข่งด้วย
น้องชายก็สนับสนุนเลยเริ่มหัดวิ่งมาราธอนตั้งแต่นั้นมา
“แรกๆ วิ่งแบบไม่ถูกหลักเท่าไหร่ค่ะ วิ่งได้แค่ 1-2 กิโลเมตร
ก็รู้สึกไม่ไหวแล้ว เหนื่อยมากเริ่มท้อกลัวจะทำทีมเสีย
เพราะวิ่งมาราธอนจะต้องวิ่งให้ได้ 17 กิโลเมตร จนมีอยู่วันหนึ่ง
หลังเลิกงานไปวิ่งที่สวนสาธารณะ
เห็นคุณลุงคนหนึ่งอายุมากแล้วเริ่มวิ่งพร้อมเรา
แต่เผลอแป๊บเดียว “น็อครอบ”
คุณลุงก็ตะโกนบอกวิ่งไปอย่าหยุด แล้วหันมาให้กำลังใจ
ก็เลยรู้สึกว่าเอ๊ะคุณลุงอายุมากแล้วยังทำได้
แล้วเราอายุแค่นี้เองจะท้อแล้วเหรอ เลยวิ่งต่อ
ตอนนี้วิ่งได้ไกล 10 กิโลเมตรแล้วค่ะ” หมอเอ๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบางๆ
หมอเอ๋บอกว่า วันที่วิ่งได้ 10 กิโลเมตรนั้น
เป็นวันที่เธอวิ่งบนเครื่องวิ่งสายพานในฟิตเนส
และที่นั่นเปิดเพลงให้คนที่มาออกกำลังฟัง
ซึ่งบังเอิญเป็นเพลงที่เธอชื่นชอบทำให้วิ่งแล้วรู้สึกสบายใจเพลินมาก
หันมาดูเข็มไมล์หน้าเครื่องปรากฏว่า 10 กิโลเมตรแล้ว
ทำให้เธอรู้เคล็ดลับในการวิ่งไม่ให้เหนื่อย
คือต้องทำใจให้สบาย และที่สำคัญคืออย่ากดดันตัวเอง
สำหรับเรื่องงานนั้น ปัจจุบันหมอเอ๋มีคลินิกฟันของตัวเอง 2 แห่ง
คือที่กรุงเทพฯ และภูเก็ต
นอกจากนี้ ยังเป็นคอนซัลท์ทางด้านการจัดฟันให้หมอฟันประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เวียดนาม อีกด้วย
ทำให้เธอต้องเดินทางขึ้น-ล่อง ไปมาแทบไม่ได้พักผ่อน
หากแต่ความมีระเบียบวินัย ทำให้เธอจัดสรรเวลาได้ลงตัว
“งานที่ทำอยู่จริงๆแล้วไม่ได้หนักจนเกินไป เราจะแบ่งเวลาค่อนข้างชัดเจนคือ อยู่ที่คลินิกกรุงเทพฯ 2 สัปดาห์
ไปทำงานที่เวียดนาม 1 สัปดาห์ ส่วนอีก 1 สัปดาห์ที่เหลือจะลงไปดูแลคนไข้ที่ภูเก็ต
ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาจะนั่งสมาธิ และเล่นโยคะประมาณ 20 นาที ก่อนออกไปทำงาน
ส่วนตอนเย็นถ้ามีเวลาว่างจะไปวิ่งที่สวนสาธารณะ และแต่ถ้าไม่มีเวลาจะวิ่งกับเครื่องวิ่ง
แต่ถ้าเป็นสัปดาห์ที่มาภูเก็ต จะมีความสุขมาก
เหมือนเรามาชาร์ตแบตค่ะ
เพราะที่นี่เป็นทั้งบ้านและเป็นเมืองที่ชอบมาก
ได้อยู่แล้วมีความสุข เสร็จจากงานคลินิก
ก็มาพักที่ภารีสา จะใช้เวลาตรงนี้พักผ่อนและออกกำลังกายเต็มที่ ได้วิ่ง ได้ทำทุกอย่างที่อยากทำค่ะ”
เมื่อถามว่าตั้งเป้าหมายจะวิ่งให้ถึง 17 กิโลเมตรเมื่อไหร่? คุณหมอสาวยิ้มหวานก่อนบอกเสียงเบาๆ ว่า
ยังไม่ทราบ ตอนนี้ใช้วิธีวิ่งแบบสบายๆ เหนื่อยก็หยุด ปีนี้แข่งไม่ทันก็ไว้แข่งปีหน้า
ส่วนจะให้แนะนำใครนั้น เธอบอกอย่างถ่อมตัวเองว่า ยังไม่เก่งถึงกับบอกหรือสอนใครได้
แต่สิ่งที่เธออยากบอกถึงทุกคนคือ
การออกกำลังกายทุกชนิดล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น
เพราะนอกจากได้สุขภาพดีแล้ว ยังช่วยให้สดใส อารมณ์ดี สมองปลอดโปร่ง
สำหรับสาวๆ หากทำอย่างต่อเนื่อง ยังช่วยให้หน้าท้องแบนราบ แถมผิวพรรณที่สดใสอีกด้วย

Jun 23, 2012

เป็น อยู่ คือ - มาลินา ปาลเสถียร



สถาปนิกแห่งบริษัท ดีไซน์-กว่า
ที่มองความเป็นไปของเมืองด้วยความเข้าใ
ถึงความเป็นมาและความเป็นอยู่
แต่กับการยอมรับนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ส่วนในเรื่องการอยู่ของตัวเอง
เธอได้ประยุกต์ฟังก์ชันหลายอย่าง
และเก็บรักษาภูมิปัญญาหลายเรื่อง
ของเรือนไทยจากพิจิ­ตรเพื่อ
ให้ใช้อาศัยได้จริงในกรุงเทพฯ

Jun 20, 2012

ในหลวง ร.9 - ราชินี เสด็จฯทุ่งมะขามหย่อง






วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 16.45 น.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 และ
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งพร้อม
ด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
จากอาคารเฉลิมพระเกียรติโรงพยาบาลศิริราช
ไปทรงถวายสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย
ณ ทุ่งมะขามหย่อง ตำบลบ้านใหม่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 
ทรงฉลองพระองค์ชุดเครื่องแบบนายทหาร
ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ทรงฉลองพระองค์โทนสีม่วงซึ่งตลอดเส้นทาง
เสด็จพระราชดำเนิน
มีคณะแพทย์ พยาบาล นักเรียนนักศึกษา
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล
รวมถึงผู้ป่วย ญาติ และประชาชน
มารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
พร้อมทั้งเปล่งเสียงถวายพระพร "ทรงพระเจริญ
หลายคนไม่สามารถกลั้นน้ำตา
แห่งความปลื้มปิติไว้ได้ที่ได้เห็น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 


ย้อนไปเมื่อ  16 ปี ที่แล้ว  14 พฤษภาคม 2539
ณ  ผืนดินทุ่งมะขามหย่อง
สถานที่แห่งนี้นับเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์
ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ร.9 
และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เคยเสด็จพระราชดำเนินทรงเกี่ยวข้าว
ยังความปราบปลื้มปิติมิรู้ลืมมาสู่ชาวอยุธยา
และพสกนิกรชาวไทย ในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ 




ชีวิตมีจำกัด อย่าเสียเวลา เกลียดใคร

คุณโสภณ สุภาพงษ์
 
http://teetwo.blogspot.com/2007/07/blog-post_22.html
 


 
กรรมการสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
"....ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในมนุษย์คือ
น้ำใจ และศรัทธากับความดีงาม
ไม่ต้องไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ขอเพียงกราบไหว้ความดีงามก็พอแล้ว....."
โสภณ สุภาพงษ์
บทความ

สภณ สุภาพงษ์
 เกิดวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2489
ที่จังหวัดราชบุรี
บุคคลดีเด่นแห่งชาติ
สาขาพัฒนาเศรษฐกิจ ในปี 2539
และได้รับรางวัล แมกไซไซ
(Ramon Magsaysay Award)
สาขางานบริการสาธารณะประจำปี 2541
การศึกษา วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
การทำงาน เข้าทำงานด้านน้ำมันครั้งแรกที่
บริษัทเอสโซ่ แสตนดาร์ด ประเทศ ไทย จำกัด
เมื่อปี 2512 จากฝ่ายก่อสร้างและย้ายไปฝ่ายวางแนวโรงกลั่น
เมื่อทำงานได้ 13 ปีก็ลาออกไป
ทำงานที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.)
จนได้เป็นรองผู้ว่าการ ปตท. พ.ศ. 2538
ได้เข้าทำงานที่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
โดยคำเชิญชวนของ
พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น
ให้มาบริหารบางจากฯ
ซึ่งกำลังประสบภาวะขาดทุนกว่า 4 พันล้านบาท
ภายในห้าปีโสภณสามารถทำให้บางจากฟื้นตัว
ได้กำไรคืนมา 500-800 ล้านบาทต่อปี
พร้อมกับการสร้างจุดยืน
ในด้านสิ่งแวดล้อม
สนับสนุนวิถีผลิตแบบชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง
และเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นเข้ามา
มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการ
ส่งผลให้เขาได้รับพระราชทาน รางวัลบุคคลดีเด่นแห่งชาติ
สาขาพัฒนาเศรษฐกิจ ในปี 2539 และ
ได้รับรางวัล แมกไซไซ (Ramon Magsaysay Award)
สาขางานบริการสาธารณะประจำปี 2541
ภายหลังโสภณพยายามต่อสู้เพื่อบางจาก
กลายเป็นบริษัทน้ำมันของคนไทยอย่างแท้จริง
โดยพยายามผลักดันเสนอขายหุ้นบางจาก
ให้กับประชาชนในสัดส่วน 32 % ปรากฏว่า
ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
แต่ผู้บริหารระดับสูงทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจำ
มีความเห็นหุ้น บางจากควรขายให้กับนักลงทุนต่างชาติ
เพราะจะได้ประโยชน์เป็นเม็ดเงินจำนวนมากกว่า
การขายให้กับคนไทย หลังจากผลักดันนโยบายนี้
มาตลอดเวลาหนึ่งปีไม่สำเร็จ
โสภณก็ตัดสินใจลาออกในวันที่ 14 มิถุนายน 2542
ออกมาเป็นนักพัฒนาชุมชนเต็มตัว
โสภณยังเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดกรุงเทพมหานคร
และที่ปรึกษานายก รัฐมนตรีหลายสมัย
เป็นอนุกรรมการในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ผู้รับผิดชอบโดยตรงกับการตรวจสอบกรณีผู้ถูกอุ้มฆ่า
สูญหาย บาดเจ็บ ทั้งเจ้าหน้าที่และ
ชาวบ้านใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เป็นกรรมาธิการวุฒิสภาสอบสวนการสูญหายของ
คุณสมชาย นีละไพจิตร ทนายความที่ช่วยทำคดี
ให้ชาวบ้านที่ถูกฟ้องร้องอย่างไม่เป็นธรรม
และเป็นหนึ่งในกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ
โสภณได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจตีนติดดิน
ทำงานเพื่อสังคมมาโดยตลอด จนถึงปัจจุบันนี้

ไทยแลนด์ ก็อตทาเลนต์ (Thailand Got Talent 2012)



 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนท์ ซีซั่น 2
"เบนซ์ พรชิตา" ไม่ปลื้ม โชว์เปลือยอกวาดภาพ
http://morning-news.bectero.com/เรื่องเล่าเช้านี้-ข่าวบันเทิง/เบนซ์วีนแตกกลางไทยแลนด์ก็อตทาเลนท์-2012061530-9-1.html


 สรยุทธ สุทัศนะจินดา


    



 









นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม 
ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม.สัญจร
ที่โรงแรม รอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ป เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน
ถึงความคืบหน้ากรณีรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์
ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ปรากฏภาพผู้เข้าแข่งขันในลักษณะไม่เหมาะสมโป๊เปลือย
ว่า ความคืบหน้าได้มีการพูดคุยกับนายปัญญา นิรันดร์กุล 
ในฐานะผู้จัดรายการดังกล่าวแล้ว ซึ่งก็มีการชี้แจงว่า
มีการเผยแพร่ภาพดังกล่าวจริง
มีการเซ็นเซอร์ภาพดังกล่าวแล้วอย่างไรก็ตาม
ภาพที่ออกอากาศก็มีความชัดเจน 
เห็นภาพและสรีระของผู้แสดง ซึ่งถือว่ามีความไม่เหมาะสม 
กับสังคมไทยที่มีวัฒนธรรมแตกต่างจากต่างชาติ
เรื่องแบบนี้เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่รับไม่ได้ 
ก็ได้มีการพูดคุยกับผู้จัดถึงแนวทางปฏิบัติต่อไป
ซึ่งทางนายปัญญาก็ยืนยันว่าภาพเหตุการณ์ในลักษณะนี้
จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว อย่างไรก็ตาม คงจะมีการพิจารณา
เรื่องการเซ็นเซอร์ภาพมากขึ้น
ภาพบางภาพที่ไม่สมควรออกอากาศก็ต้องตัดออก









เจาะข่าวเด่น วันที่ 19,20 มิถุนายน 2555
พูดคุยถึงกรณี
สาวเปลือยอกวาดรูป
ในรายการ ไทยแลนด์ ก็อตทาเลนต์







http://www.thairath.co.th/content/ent/270142

http://www.thairath.co.th/content/ent/271073

จตุพล ชมภูนิช




จตุพล ชมภูนิช หรือที่นิยมเรียกว่า
อาจารย์จตุพล ชมภูนิช (ชื่อเล่น: เชน)
เป็นวิทยากรและนักพูดที่มีชื่อเสียง
เป็นชาวกรุงเทพมหานครโดยกำเนิด
จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา
จากโรงเรียนวัดเทพลีลา
มัธยมศึกษาจากโรงเรียนปทุมคงคา
ปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยรามคำแหง
และปริญญาโทรัฐประศาสนศาตร์
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
เริ่มต้นการเป็นนักพูดตั้งแต่เป็นนักศึกษา

ในมหาวิทยาลัยรามคำแหง
โดยได้เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยในกิจกรรมปรายศรัย
อภิปราย หรือโต้วาทีต่าง ๆ ต่อมาได้รับเชิญชวนจาก
วสันต์ พงษ์สุประดิษฐ์ ให้เข้าสู่การเป็นนักพูดในรายการเวทีวาที
ทางช่อง 9 ของ บริษัท ภาษรโปรดักชั่น
ของกรรณิกา ธรรมเกษร
มีประสบการณ์การทำงาน โดยเป็นพิธีกร

วิทยากรรายการทอล์คโชว์และวิทยากร
รับเชิญบรรยายของทั้งภาครัฐและเอกชน
เป็นผู้อำนวยการและ
ประธานกรรมการบริษัท เทรน แอนด์ ทอล์ค จำกัด
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม / ติดต่องาน ได้ที่
http://จตุพลชมภูนิช.com/ หรือ
http://www.jatuponichompoonich.com
โทรศัพท์ คุณสมพล เรทมิฬ
0816125766, 0811019824,
02-9331095, 02-9331105,
02-9331349, 02-9331959,
02-9331966

 

วิธีสร้างกำลังใจให้ตัวเอง


เมื่อมีเหตุการณ์มากระทบกระเทือนจิตใจ
จนทำให้คุณรู้สึกท้อแท้ หมดกำลังใจ
จนไม่อยากที่จะทำอะไรสักอย่าง
ได้แต่นั่งทอดอาลัยไปเรื่อยๆ หายใจทิ้งไปวันๆ
หมดกำลังใจในการทำงาน แต่ชีวิตมันยังต้องดำเนินต่อไป
แล้วคุณจะทำยังไงดี  ลองปฏิบัติตาม
วิธีสร้างกำลังใจให้กับตัวเองดูนะคะ
ไม่มีอะไรเลวร้ายไปซะหมดหรอกคะ
ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาจะเป็นประสบการณ์ชีวิต
ที่ทำคุณแข็งแกร่งและเข็มแข็งขึ้น 


1. ให้กำลังใจตัวเอง บอกกับตัวเองว่า
คุณยังมีหวัง คุณยังมีความสามารถ
ที่จะฝ่าฟันความรู้สึก แย่ๆ นี้ไปได้...เข้มแข็งเอาไว้! 


2. บอกใครสักคนให้รับรู้ เพื่อแบ่งปันความรู้สึกต่อกัน
แต่ ถ้าหาไม่ได้ กระดาษกับดินสอใกล้มือ
เขียนระบายความไม่สบายใจ
อารมณ์ที่สลดหดหู่ทั้งหมดลงไป
การระบายแบบนี้
จะทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้นระดับหนึ่ง
แต่ยุคนี้เป็นยุคไอที
จะเขียนในสมุดบันทึกออนไลน์ก็ไม่ผิดกติกาอะไร

3. มองหาข้อดีของตัวเอง คนทุกคนจะต้องมี
ทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง คุณอาจจะถูกใคร
ต่อใครต่อว่ามามากมาย แต่ที่พึ่งสุดท้าย
ก็คือ ตัวคุณเอง
ดังนั้นขอให้นึกถึงสิ่งดีๆ ที่ตัวเอง
ได้เคยทำมาตั้งมากมาย
เราทำแบบไม่ได้หวังผลอะไร
คิดแต่ว่าทำเพราะอยากทำ
ทำแล้วได้ช่วยเหลือคนอื่น
คุณก็มีความรู้สึกอิ่มใจ
สบายใจที่ได้ทำ


4. มองโลกในแง่ดี สิ่งที่คุณเจอมันไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมด
ถึงมันจะทำให้คุณรู้สึกแย่ขนาดไหน
แต่คุณก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้
และท้ายสุดมันก็จะกลายเป็นประสบการณ์สอนใจให้คุณ
เข้มแข็งขึ้น 


5. อย่าลังเลที่จะเข้าไปหาคนที่เขารักคุณ
และบอกกับเขาว่าคุณกำลังรู้สึกแย่ขนาดไหน
และคุณต้องการอะไร เขานั่นแหละที่จะเป็น
ผู้ให้กำลังใจคุณได้เป็นอย่างดี


6. หากิจกรรมทำ อย่าให้ตัวเองอยู่ว่างๆ เฉยๆ
เมื่อคุณอารมณ์ดีขึ้นในระดับหนึ่งแล้วให้ลุกขึ้นสู้ ต่อไป
เริ่มจาก "ตั้งใจ" ที่จะทำอะไรสักอย่างให้กับตัวเองหรือคนใกล้ชิด


7. ลงมือลงแรง ทำกิจกรรมที่จะฆ่าเวลา
ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กๆ น้อยๆ งานบ้าน งานอดิเรก
ลงมือแล้วคุณจะรู้ว่า "คุณทำได้!"
ยังไม่ได้ด้อยศักยภาพไปอย่างที่คุณคิดทั้งหมด


8. วางแผนอนาคต ดูสิว่าคุณอยากทำหรือต้องทำอะไรบ้าง
เริ่มต้นชีวิตใหม่ให้กับตัวเองและใช้ ความสามารถให้เต็มที่
และถ้าหากจะต้องล้มอีกคราวหน้า
คุณจะได้หายามารักษาแผลให้หาย ได้เร็วยิ่งขึ้น ...


ที่มา
http://www.pattanakit.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=538707593&Ntype=128

สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ




มรสุมชีวิตของสาวปิงปอง สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ
ดูเหมือนว่าจะไม่พัดผ่านพ้นไปเสียที
หลังจากที่เธอประสบอุบัติเหตุอย่างหนักจน
เอาชีวิตเกือบไม่รอดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ร่างกายของเธอก็ยังไม่สมบูรณ์แข็งแรงเต็มร้อยสักเท่าไร
แต่สาวปิงปองก็ต้องเผชิญกับข่าวร้ายอีกครั้ง
เมื่อคุณแม่ของเธอ เสียชีวิตอย่างกะทันหัน
โดยไม่ทราบสาเหตุ ในช่วงเย็นของวานนี้ (18 มิถุนายน)
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
สาวปิงปองยังไม่ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด
เนื่องจากยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของคุณแม่ของเธอ
ส่วนทางครอบครัวก็ได้นำศพของคุณแม่ไปทำพิธีทางศาสนา
ซึ่งมีรดน้ำศพในเวลา 16.00 น.
ก่อนจะมีการสวดพระอภิธรรมในเวลา 19.00 น.
ณ ศาลามนเฑียร วัดเทพศิรินทร์ 











ปิงปอง สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ
เป็นคนกรุงเทพแต่กำเนิด
คุณปิงปองเป็นน้องสาวคนเล็ก
ในจำนวนพี่น้องทั้งหมดสามคน
โดยชื่อปิงปองของเธอนั้น
ได้มาจากการตั้งให้ของเพื่อนรัก
ในช่วงที่เรียนอยู่ชั้น ม.3
ที่โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย
โดยที่บ้านเรียกเธอว่าน้อง
จากการเป็นลูกสาวคนเล็ก
ของครอบครัวนั่นเอง

สำหรับในด้านการศึกษา
เธอเรียนชั้นอนุบาล
ที่โรงเรียนอนุบาลสมฤทัย
และเริ่มต้นเรียนชั้นประถม
ที่โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย
จนจบชั้นมัธยมปีที่ 3
จากนั้นจึงไปศึกษาต่อ
ที่โรงเรียนดรุณพิทยา
ก่อนจะตัดสินใจ
ย้ายไปเรียนด้านเลขานุการ
และคอมพิวเตอร์ที่ IMBS
ที่ตึก ชาญอิสระ
ไปพร้อมกับการทำงาน
ในแวดวงโฆษณา
จากบทสัมภาษณ์ในนิตยสาร
ช่วงปี พ.ศ. 2535
คุณปิงปองสนใจจะสอบเทียบ
จากเวลาในการทำงานที่รัดตัว
หลังจากกลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้
ประสบความสำเร็จอย่างสูง

Jun 19, 2012

อาลัย " เอกชัย -ธราวุธ " นพจินดา


 เอกชัย นพจินดา  
     


    ธราวุธ นพจินดา    

 
  











Life Style : กีฬา
วันที่ 20 มิถุนายน 2555
“น้องหนู” หรือ ธราวุธ นพจินด ผู้ประกาศข่าวกีฬาช่อง 5
และผู้บรรรยาย ทรูวิชั่น ได้เสียชีวิตกระทันหัน
ด้วยอาการหัวใจวาย เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (19 มิ.ย.)
หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจการเป็นพิธีกรการแข่งขันกอล์ฟ
ณ สนามเพร็สซิเด็นท สุวินทวงศ์ โดยได้ทานของว่าและน้ำ
และมีอาการปวดท้อง จึงขอตัวกลับก่อน
ขณะจะเดินทางกลับ เกิดอาการแน่นหน้าอก จุก อย่างแรง
และตาพร่ามัว ตัวเย็น หน้าซีด ไม่สามารถขับรถได้
จนต้องเปิดไฟฉุกเฉิน และบีบแตรรถเพื่อขอความช่วยเหลือ
และนำส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลเสรีรักษ์ มีนบุรี
เมื่ออาการเบื้องต้นดีขึ้นเล็กน้อย จึงขอย้ายไปยัง
โรงพยาบาลวิภาวดี เนื่องจากมีแพทย์ประจำอยู่ที่นั่น
ขณะเดินทางด้วยรถพยาบาล เกิดอาการจุกแน่นอย่างหนักขึ้นอีก
จนหมดสติแน่นิ่งไป เมื่อถึงโรงพยาบาลพบว่า
สัญญาณชีพจรได้หยุดไปได้ระยะหนึ่งแล้ว
และได้พยายามช่วยชีวิตอย่างสุดความสามารถ
แต่ก็ไม่อาจจะยื้อชีวิตเอาไว้ได้
ล่าสุด "น้องหนู" เสียชีวิตในช่วงกลางดึกของ
วันที่ 19 มิถุนายน 2555
ถือเป็นการสูญเสียบุคลากรคุณภาพคนสำคัญอีกหนึ่ง
ท่านของวงการกีฬาประเทศไทย ทั้งนี้ นายธราวุธ นพจินดา
เป็นน้องชายของ นายเอกชัย นพจินดา หรือ ย.โย่ง
ผู้บรรยายการแข่งขันฟุตบอลชื่อดัง ซึ่งนายเอกชัย
ก็ถึงแก่กรรมอย่างกะทันหัน
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2540
ด้วยอาการหัวใจวาย
ขณะนำส่งโรงพยาบาล
ระหว่างการเล่นเทนนิสร่วมกับเพื่อนร่วมงาน 

โรคหัวใจ 1
โรคหัวใจ 2
โรคหัวใจ 3













ธราวุธ นพจินดา เกิดเมื่อ 31 ธันวาคม 2499
จบการศึกษาจากโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย
ก่อนเข้าเรียนต่อที่วิทยาลัยกรุงเทพ (ม.กรุงเทพ)
โดยเป็นหัวหน้าทีมรักบี้และ
ประธานชมรมรักบี้ วิทยาลัยกรุงเทพ
และเริ่มต้นการทำงานด้วยการเป็น
ผู้สื่อข่าว นสพ.สตาร์ซอคเก้อร์ ตาม
พี่ชาย "ย.โย่ง" เอกชัย นพจินดา ซึ่งทำหน้าที่แปลข่าว
และเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับฟุตบอลต่างประเทศ
จนมีความชำนาญ

ก่อนถูกส่งตัวไปเป็นผู้สื่อข่าวประจำประเทศอังกฤษของ
นสพ.สยามกีฬา ซึ่งถือเป็นผู้สื่อข่าวกีฬาไทยคนแรก
โดยปฏิบัติหน้าที่นานถึง 2 ปีก่อนเดินทางกลับประเทศไทย
จากนั้นชีวิตหักเหได้กลายเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬาทางช่อง 9
เคียงคู่กับพี่ชาย "ย.โย่ง" เอกชัย นพจินดา
ที่มีชื่อเสียงอยู่ที่ช่อง 7

อย่างไรก็ตามหลังสูญเสียพี่ชาย
นายธราวุธได้เข้าเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬาทางช่อง 7
แทนพี่ชายอยู่หลายปี ก่อนจะไปรับหน้าที่เป็น
ผู้ประกาศข่าวกีฬาทางช่อง 5 ถึงปัจจุบัน
รวมทั้งทำรายการทาง สตาร์ซอคเก้อร์ทีวี

โดยระหว่างนั้นยังรับหน้าที่เป็นผู้บรรยากาศกีฬาฟุตบอล
ทางทรูวิชั่นส์ รวมทั้งกีฬาสำคัญๆ ของประเทศไทยตลอด
ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันโอลิมปิก, เอเชียนเกมส์
หรือแม้แต่ซีเกมส์

นายธราวุธ สมรสกับ นางวัลยา นพจินดา
มีบุตร 2 คนคือ "น้องช็อปเปอร์" ด.ช.ชยาพัฒน์ อายุ 15 ปี
และ "น้องแสตมป์" ด.ญ.ธัญพิชา นพจินดา อายุ 10 ปี
โดยก่อนเสียชีวิตนายธราวุธ
เคยป่วยหนักขณะเดินทางไปบรรยายการแข่งขันกีฬาซีเกมส์
ที่จ.นครราชสีมา ซึ่งมีอาการวูบหมดสติ
เนื่องจากเส้นเลือดหัวใจตีบ จนมีอาการตัวชา
ซึ่งใช้เวลารักษาอยู่หลายปีก่อนเป็นปกติ
ก่อนจะมาเสียชีวิตด้วยวัย 56 ปี

15 ปีที่คิดถึง ย.โย่ง เผยโฉมทายาท

วันที่ 26 มีนาคม 2555 











15 ปีที่คิดถึง ย.โย่ง เผยโฉมทายาท คัมภีร์ฟุตบอล เมืองไทย

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย หากกล่าวถึงชื่อ "เอกชัย นพจินดา" หรือ ในนามปากกา "ย.โย่ง" อดีต ผู้ประกาศข่าวกีฬา, ผู้บรรยายเกมฟุตบอล บรรณาธิการและคอลัมนิสต์ชื่อดัง ชาวกีฬาอย่างพวกเรา ก็ยังคงจดจำในความเชี่ยวชาญและความรอบรู้แตกฉานในเกมกีฬา โดยเฉพาะ "ฟุตบอล" ของเขาได้เป็นอย่างดี จนถึงขนาดได้รับการขนานนาม ยกย่องให้เป็นตำนาน "คัมภีร์ลูกหนัง" ของเมืองไทย

 และเนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปี การจากไปของ สุดยอดปูชนียบุคคลด้านกีฬาของไทย วันนี้ "ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์" ขอรำลึกและแสดงความเคารพถึง คุณเอกชัย ผ่านทางทายาทคนเดียวของท่าน "น้องแตงโม" นางสาวทวีพร นพจินดา ซึ่งให้โอกาสเราได้มาพูดคุยถึงเรื่องราวตั้งแต่อดีตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และความเป็นไปที่เกิดขึ้นจนกระทั่งถึงปัจจุบัน อย่างเป็นกันเอง ภายในบ้านอันแสนอบอุ่นของเธอ

น้องแตงโม ซึ่งขณะนี้ อายุ 21 ปี และกำลังศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 4 สาขาภาพยนตร์ ที่มหาวิทยาลัยมหิดล นานาชาติ ศาลายา ออกมาต้อนรับพวกเรา ด้วยสีหน้าร่าเริงและกระฉับกระเฉง จนแทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ตลอดกว่าสิบปีที่ผ่านมา ชีวิตของเธอ ต้องอยู่โดยปราศจาก ผู้เป็นเสาหลักของครอบครัว รวมถึงมรสุมลูกใหญ่ที่ถาโถมเข้ามาซ้ำเติมอีกครั้ง เมื่อคุณแม่ ยุรี นพจินดา ก็ต้องมาจากโลกนี้ไปอีกท่าน เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว

 
ลางสังหรณ์ ก่อนคุณพ่อเสีย

สาว น้อยทรวงทรงสูงผอมชะลูด ไม่ผิดเพี้ยนจากผู้เป็นบิดา เล่าย้อนหลังให้เราฟังถึงเหตุการณ์ตอนที่สูญเสียคุณพ่อได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าตอนนั้น เธอจะมีอายุเพียง 6 ขวบก็ตาม ซึ่ง "น้องแตงโม" เปิดเผยว่า มีความรู้สึกแปลกๆ ก่อนที่เรื่องร้ายดังกล่าว จะบังเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันด้วย

"ตอนคุณพ่อเสีย ก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น คุณแม่เป็นคนบอก วันนั้น คุณพ่อไปส่งหนูที่ ร.ร.สาธิตเกษตรฯ ตามปกติทุกเช้า ช่วงนั้นเป็นวันที่หนูสอบป. 1 พอดี ปกติเขาก็จะบ๊ายบายเฉยๆ หนูก็จะสวัสดีคุณพ่อ และเดินขึ้นตึกไปเลย แต่วันนั้นเป็นวันที่แปลก เขาบอกหนูว่า พยายามนะลูก และเราหันมามองพ่อขับรถออกไป หลังจากนั้นวันต่อมา คุณพ่อไปเล่นเทนนิสกับ คุณแดง (สุรางค์ เปรมปรีดิ์) แล้วก็เสียชีวิตเย็นวันนั้น"

"ตอนแรก คุณแม่นึกว่าแค่เข้าโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่า ไปตอนเช้า แม่มาบอกตรงๆว่า "โมพ่อหนูตายนะ" หนูร้องไห้อยู่วันหนึ่ง เพราะว่าตกใจ แต่เพราะความเป็นเด็ก เลยไม่ได้คิดมาก แต่เหมือนแม่ห่วงจิตใจหนูมาก เลยพยายามให้พี่ป้าน้าอาคอยมารุมล้อมดูแล และแม่เองก็เป็นพยาบาล มีจิตวิทยาเด็ก เขาเลยช่วยประคับประคองเราช่วงที่พ่อเสียชีวิต ทำให้จิตใจหนูโอเค ไม่มีปมด้อยจุดนั้น"

 
ยังเข้มแข็ง แม้เสียเสาหลักคนที่สอง

นับ ตั้งแต่สูญเสียคุณพ่อไป ชีวิตของน้องแตงโม มักจะอยู่กับคุณแม่ยุรี ชนิดที่ไปไหนก็แทบจะไม่ห่างกัน กระทั่งวันหนึ่งข่าวร้ายมาเยือน เมื่อท่านตรวจพบเป็นโรคมะเร็งลำไส้ ในขณะที่น้องแตงโม กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ซึ่งเธอยอมรับว่ารู้สึกช็อกมากกับเหตุการณ์นี้ แต่ในที่สุดแล้ว เธอก็ยังสามารถผ่านจุดวิกฤติในชีวิตของตัวเองไปได้อีกครั้ง ด้วย "ธรรมมะ"

"คุณแม่เสียไป 5 ปีแล้ว ตอนหนูอายุ 16 ปี คุณแม่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แล้วมันลามไปที่ตับ ตอนนั้น หนูตกใจมาก เพราะหลังจากที่คุณพ่อเสียไปแล้ว หนูจะเป็นคนที่รักคุณแม่มาก พอรู้ว่าเขามาเป็นแบบนี้ ก็ทำใจไม่ได้ร้องไห้ แต่เพราะคุณแม่เป็นคนที่ธรรมะธัมโม เขาเลยสอนธรรมะพาหนูไปปฏิบัติธรรมด้วย และในปีนั้น หนูได้ทำอะไรให้คุณแม่เยอะมาก เหมือนเป็นปีที่เราได้พิจารณาตัวเอง ได้ทบทวนสิ่งต่างๆ และเราได้ดูแลแม่ จนถึงจุดที่มันเต็ม (น้ำตาคลอ) เหมือนกับได้ดูแลเต็มที่แล้ว พอเขาเสียไป มันเลยยังมีความเข้มแข็งอยู่"

"คุณแม่เป็นคนที่ใช้ชีวิตคุ้มมาก แม้จะอายุสั้นก็จริง แต่เขาได้ทำอะไรมากมายมหาศาล คุณพ่อก็เช่นกันได้ทำอะไรเต็มที่แล้ว ทำให้เรารู้สึกว่า ชีวิตไม่ต้องยาว ไม่ต้องอยู่นานก็ได้ แค่ให้ได้ทำอะไรที่อยากทำจริงๆ ก็พอ ตอนคุณพ่อเสีย เราได้ไปเที่ยว มีเวลาอยู่ด้วยกันเยอะมาก สนิทกันมากเหมือนเพื่อนสาว เขารักหนูมาก หนูก็รักเขามาก เวลานึกย้อนกลับไป ก็ไม่มีจุดที่จะต้องเสียใจอะไร เพราะเราได้ทำทุกอย่างให้เขาแล้ว" (ร้องไห้)


เป็นคนมองโลกในแง่ดี


กับ ปัญหาดูเหมือนจะหนักอึ้งสำหรับเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง แต่น้องแตงโม ยืนยันว่า ชีวิตของตัวเองไม่ได้รู้สึกขาดอะไรเลย โดยกล่าวว่า "หลักๆ หนูก็ต้องมองโลกในแง่ดี มันพูดง่าย แต่ทำจริงๆ มันไม่ง่าย ต้องมองโลกในแง่ดีคือ เห็นในสิ่งที่มี ถ้าเรามัวแต่ย้ำว่า เราไม่มี มันจะทำให้คิดแต่เรื่องไม่ดี ถ้าเรานึกว่าเรามีอะไรบ้าง เราอยู่ตรงนั้น และทำให้ขยายใหญ่ ทำในสิ่งที่เรามีให้ใหญ่ขึ้นสำหรับเรา เราก็จะรู้สึกเต็ม"

"หนู รู้สึกว่า คนที่อ้างว่าไม่มีพ่อแม่ อ้างเพื่อที่จะว่าทำสิ่งไม่ดี หนูว่ามันไม่จริง มันไม่ถูก คนเรามันมีทางเลือกที่จะคิด ทุกวันนี้ ยังคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่ ในแง่ของการให้เป็นกำลังใจ เวลาเราจะทำอะไร ก็จะนึกถึงพ่อถึงแม่ หรือเราเจอเรื่องแย่ๆ นึกแล้วก็จะมีพลังขึ้นมา"

อย่างไร ก็ตาม น้องแตงโมก็ไม่ลืมที่จะขอบพระคุณผู้มีพระคุณทุกคน ที่ช่วยกันเลี้ยงดูเธอด้วยความรักและความอบอุ่นมานับสิบปี ไม่ว่าจะเป็นคุณน้า น้องชายของคุณแม่ยุรี, คุณยาย และคุณอาดาว ลูกพี่ลูกน้องของคุณพ่อ ที่เป็นคอยเป็นห่วงเป็นใย รักใคร่ไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อแม่ของเธอจริงๆ

"โดยรวมเขาดูแลเราดีมาก ให้อิสระพร้อมกับความอบอุ่นเต็มที่ พร้อมสนับสนุนๆ ทุกอย่าง แต่ไม่ถึงกับประคบประหงม มันจะมีพื้นที่ส่วนตัวให้เราโตเป็นผู้ใหญ่เอง ทำให้หนูไม่มีความรู้สึกขาด และเมื่อเราไม่รู้สึกขาด เราก็ไม่คิดจะไปทำเรื่องที่มันไม่ดี อยากบอกพวกเขาว่า ขอบคุณที่สุด หนูว่าหนูเป็นคนที่โชคดีมาก ในความโชคร้าย ก็มีความโชคดีสุดๆ เพราะส่วนมากคนที่คุณพ่อคุณแม่เสีย ชีวิตจะเปลี่ยนไปเลย แต่ของหนู มันกลายเป็นว่า มีสิ่งดีๆ อื่นๆ เข้ามาประคับประคอง ทำให้มันไม่ใช่เรื่องยาก"

'เรามีความหลงใหล...เหมือนกัน'


แม้ น้องแตงโม จะยอมรับว่า เธอไม่ได้มีความชื่นชอบ หรือพรสวรรค์ในด้านเกมกีฬาอย่าง คุณเอกชัย ที่หลายคนซูฮกให้เป็นปรมาจารย์ แต่เธอเปิดเผยว่า จริงๆ แล้ว เธอและคุณพ่อมีบางสิ่งบางอย่างส่วนลึกเหมือนกัน คือ ความหลงใหลอะไรสักอย่าง และทุ่มเทให้กับสิ่งนั้นอย่างจริงๆ จังๆ รวมไปถึงอุปนิสัยมองโลกในแง่ดีที่ถ่ายทอดปลูกฝังมาให้เธอตั้งแต่วัยเยาว์อีก ด้วย

"หนูเหมือนคุณพ่อ เกี่ยวกับนิสัยส่วนลึก ในความหลงใหลอะไรสักอย่าง เมื่อชอบอะไร รักอะไร ก็จะชอบมากจริงๆ เหมือนคุณพ่อรักในฟุตบอลมาก ส่วนหนูก็จะชอบศิลปะ ภาพยนตร์ หนังสือ แต่จริงๆ แล้ว คุณพ่อเองก็เป็นคนชอบดูหนังมากเช่นกัน และเขาคือคนนำเราเข้าสู่โลกนี้ และอีกเรื่องที่เหมือนกับพ่อ คือ ไม่คิดค่อยมากในชีวิต คือเขามองโลกในแง่ดี ชอบให้กับคนอื่น เป็นคนชิลชิลสบายๆ หนูก็เป็นอารมณ์นั้น"

อย่างไรก็ตาม นอกจากเรื่องของศิลปะ ภาพยนตร์ หนังสือวรรณกรรม ฯลฯ ที่น้องแตงโม หลงเสน่ห์แล้ว ไม่น่าเชื่อว่า สาวเอวบางร่างน้อยอย่างเธอ จะชื่นชอบกีฬาโลดโผนโจนทะยาน อย่างแนวเอ็กซ์ตรีม เช่น ขี่จักรยานเสือภูเขา หรือ พาราชู้ตติ้ง เป็นต้น รวมทั้งกิจกรรมกลางแจ้งลุยๆ สไตล์แอดเวนเจอร์ โดยให้เหตุผลว่า เพราะตัวเองเป็นคนชอบและรักการท่องเที่ยวด้วย
 

เด็กแนว หัวใจธรรมะ

จะ ว่าไปแล้ว น้องแตงโมเอง ก็ยอมรับว่า ตัวเธอดูจะแปลกประหลาดจากวัยรุ่นทั่วไป เพราะนิสัยความชอบเรื่องราวเกี่ยวกับธรรรมะ และปรัชญา จนนำมาปฏิบัติและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในเรื่องของ "สติ" ท่ามกลางชีวิตปาร์ตี้เฮฮาสร้างสรรค์กับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน ซึ่งเธอเผยว่าได้รับอิทธิพลนี้มาจาก เมื่อครั้งที่คุณแม่ไม่สบาย และมีโอกาสได้ไปปฏิบัติธรรม

"ตอนที่คุณพ่อเสีย คุณแม่ช็อกมาก และมีคนชวนคุณแม่ไปเดินจงกรม ก่อนหน้านั้น เขาก็เหมือนชาวพุทธทั่วไป ไปวัด สวดมนต์ แต่เขาไม่เคยไปปฏิบัติธรรมจริงๆ พอไปก็ทำให้เขาเห็นว่าจริงๆแล้วมันแค่นี้เอง คุณแม่บอกตั้งแต่เด็กๆ ว่า เรื่องทุกข์ใจทั้งหมดที่แม่มี ตอนนี้ มันเหลือแค่นิ้วโป้งเท้าแม่ เรากำหนดแค่ว่าเราเดิน เห็นหัวแม่เท้าตัวเอง แล้วทุกอย่างมันก็เหลือแค่นั้นจริงๆ"

"มันแปลกๆ ตรงที่เราเป็นคนชอบเที่ยวกลางแจ้ง และชอบปฏิบัติธรรมด้วย เพื่อนไม่ค่อยเชื่อว่าเราชอบธรรมะ แต่เวลาคุยก็จะรู้ว่าส่วนลึกๆ ฐานจิตของเราก็จะเป็นธรรมะ เพื่อไม่ให้ผิดพลาดอะไรง่ายๆ แต่หนูไม่ค่อยสวดมนต์ หนูจะเป็นอารมณ์แบบว่า ถ้าว้าวุ่น จะเดินจงกรม แล้วมันจะหาย เหมือนกับส่วนมาก คนเราจะฟุ้งซ่านกับปัญหาที่มี จนลืมไปว่า จุดที่ต้องแก้ มีอยู่แค่นิดเดียว เวลาที่เราเดินจงกรมหรือนั่งสมาธิ เราจะนึกออก มันเคลียร์หมดเลย เรื่องที่หนักอกหนักใจ"


อนาคตว่าที่นักเขียน-ผู้กำกับ


และ อีกเพียงไม่กี่เดือน เราก็จะได้ต้อนรับบัณฑิตรุ่นใหม่ไฟแรง โดยขณะนี้ น้องแตงโม กำลังทำภาพยนตร์สั้น ซึ่งเป็นโปรเจกต์ ก่อนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี และคาดว่าน่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือน มิ.ย.นี้ โดยรอติดตามชมฝีมือของเธอในฐานะผู้กำกับและเขียนบทกันได้ผ่านทางเว็บไซต์ยู ทูบ (www.youtube.com) หรือ เว็บไซต์เฟซบุ๊ก (www.facebook.com) เสิร์ชคำว่า Slade Film

"เรื่องที่จะทำจบเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิญญาณ (หัวเราะ) เป็นหนังผี แต่ไม่ใช่หนังผีหลอก เป็นหนังผีแฝงปรัชญา เหมือนกับเด็กที่ไปเกิดไม่ได้ เป็นดวงวิญญาณที่ตายไปแล้วมาเจอกับคน ที่สื่อกับเขาได้ เป็นคนแก่ที่กำลังจะตายเหมือนกัน แต่มันจะออกมาเป็นอารมณ์ผจญภัย แต่มันจะมีปรัชญาแทรกๆ อยู่ อารมณ์แบบ แคสเปอร์ส ผีน้อยผจญภัย ไม่หนัก เบาๆ โทนขำๆ แต่ลึกๆ ก็มีแง่คิด"

ส่วน อนาคตต่อไปหลังจากเรียนจบ น้องแตงโม ยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่ขอทำงานออฟฟิศ เพราะตัวเองเป็นคนอยู่กับที่ไม่ได้ ทำให้เธออาจเลือกทำงานฟรีแลนซ์ ให้กับบริษัทในเครือของสยามกีฬา อดีตที่ทำงานของคุณพ่อสมัยยังมีชีวิต หลังจากเคยมีประสบการณ์ฝึกงานปีที่แล้ว แต่คงไม่ใช่เรื่องกีฬา โดยอาจเป็นเบื้องหลังทำรายการโทรทัศน์, รายการเด็ก หรืองานเขียนหนังสืออย่างที่ตนเองถนัด รวมทั้งอาจทำฟรีแลนซ์กองถ่าย ซึ่งตอนนี้ มีบริษัทจากต่างประเทศ มาชักชวนเธอไปร่วมงานแล้วด้วย
 
'ไม่ต้องห่วงหนู' ชีวิตต้องเดินต่อไป

ผ่าน มาแล้ว 15 ปี นับตั้งแต่ที่ครอบครัว "นพจินดา" สูญเสียคุณเอกชัย นพจินดา สื่อมวลชนสายกีฬาระดับตำนาน ในวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2540 ด้วยวัย 44 ปี และคุณยุรี ภรรยา เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2550 ด้วยวัย 46 ปี แต่เราก็เชื่อว่าดวงวิญญาณของท่านทั้งสอง จะยังคอยจ้องมองอนาคตของลูกสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวอยู่ไม่ห่าง พร้อมกับความปลาบปลื้มใจ

"อยากบอกพวกท่านว่า ไม่ต้องเป็นห่วงหนู ไม่อยากให้กังวล หนูเป็นคนที่ก้าวไปข้างหน้า อย่างที่คุณพ่อคุณแม่สอน ต้องอยู่กับปัจจุบัน เดินต่อไปข้างหน้า มีจุดหมายก็ทำ ตอนนี้ ถามว่าทำได้หรือยัง ก็กำลังทำอยู่ กำลังอยู่บนเส้นทางไปเรื่อยๆ ไม่ต้องห่วงเลย เพราะอยู่ได้มีความสุขดี พี่ป้าน้าอารายล้อม พวกเขาก็ทำให้หนูอบอุ่นมาก"

ขณะเดียวกัน น้องแตงโม ยังได้ฝากให้กำลังใจถึงคนที่อาจประสบชะตากรรมเดียวกับเธอด้วยว่า "อยากให้เข้มแข็ง เพราะว่าสิ่งมีชีวิต เมื่อเราเกิดมามีชีวิตแล้ว ก็ต้องมีชีวิต สู้ต่อไป ต้องอย่ายอมแพ้ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร ทุกอย่างมันจะผ่านไป และมันจะมีเรื่องใหม่เกิดขึ้น "โร้ด โก ออน" เหมือนถนนก้าวเดินต่อไป"

"(ร้องไห้) หนูเคยคิดเหมือนกันว่า อยากกลับไปในอดีต ไปหาความสุุขที่เราเคยมี เหมือนกับว่า จุดมุ่งหมายในชีวิตของเรามันไม่มีแล้ว ตอนเด็ก แม่เสียใหม่ๆ หนูคิดแค่นั้น รู้สึกอย่างนั้น หมดอะไรตายอยาก ไม่มีกำลังใจ แต่จริงๆ โลกมันไม่ได้มีแค่นั้น เราเกิดมาในโลก เขาให้เราเกิดมาแล้ว มันมีเรื่องอะไรมากมายที่น่าสนใจ โลกมันเป็นอะไรที่น่าอยู่ ถ้าเรามองในจุดที่ถูก หนูเลยรู้สึกว่า ต่อให้ชีวิตเราเลวร้ายแค่ไหน มันก็มีทางให้เดินต่อไปข้างหน้า"

ต้องยอมรับเลยว่า แม้น้องแตงโม จะอายุเพียงแค่ 21 ปี และต้องผ่านกับอุปสรรคต่างๆ มามากมาย แต่โลกทัศน์ และจิตใจของเธอแข็งแกร่ง มากกว่าผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าเสียอีก ซึ่งแน่นอนว่า ส่วนสำคัญเป็นผลจากการเลี้ยงดู ด้วยความรัก,ความอบอุ่น ของคนในครอบครัวของเธอ ซึ่ง "ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์" ก็ขอเอาใจช่วยให้ สาวน้อยคนนี้ ได้เดินตามความฝัน และกลายเป็น "ความภาคภูมิใจ" ให้กับ ตระกูล "นพจินดา" ต่อไป.


ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ คุณเอกชัย นพจินดา
ชื่อ-นามสกุล : เอกชัย นพจินดา
นามปากกา : ย.โย่ง (มาจากรูปร่างที่ผอมสูง)
วันเดือนปีเกิด : วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ.2495
สถานที่เกิด : ถนนเฟื่องนคร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
จบการศึกษา : วชิราวุธวิทยาลัย

ชีวิต สมรส : สมรสกับนางยุรี นพจินดา (นามสกุลเดิม : วีระสุคนธ์) พยาบาลประจำโรงพยาบาลศิริราช เมื่อปี พ.ศ.2532 และมีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคน คือ นางสาวทวีพร นพจินดา หรือชื่อเล่นว่า แตงโม

เสียชีวิต : คุณเอกชัย เสียชีวิตอย่างกะทันหัน วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2540 ในวัย 44 ปี ด้วยอาการหัวใจวาย ขณะนำส่งโรงพยาบาล ระหว่างการเล่นเทนนิส โดยหลังจากนั้น นางยุรี ภรรยา ได้ก่อตั้งมูลนิธิเอกชัย นพจินดา ขึ้นเพื่อช่วยเหลือนักกีฬาเยาวชน และกิจการกีฬาของไทยด้วย

หน้าที่ การงาน : เข้าสู่วงการสื่อมวลชนสายกีฬา เพราะความชื่นชอบในกีฬาฟุตบอลตั้งแต่ยังเด็ก โดยเริ่มจากการเป็นนักแปลข่าวกีฬาที่หนังสือพิมพ์บ้านเมืองเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2517 ก่อนแปลข่าวฟุตบอลโลก 1978 ให้กับสยามสปอร์ตฯ จากนั้น รับงานเขียนคอลัมน์ และเป็นบรรณาธิการหนังสือในเครือสยามสปอร์ตอีกหลายฉบับ ต่อมายังเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬา ในข่าวภาคค่ำประจำวัน และผู้บรรยายกีฬาทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 รวมถึงงานพิธีกรรายการโทรทัศน์

เกียรติประวัติ : ถูกยกย่องว่าเป็นผู้บรรยายฟุตบอลที่มีความสามารถมากที่สุดคนหนึ่ง เนื่องจากมีความรอบรู้ในเรื่องฟุตบอลอย่างแตกฉาน จากผลงานทั้งหมด จนได้รับฉายาจากแฟนฟุตบอลผู้อ่านและผู้ชมว่า คัมภีร์ลูกหนัง หรือ คัมภีร์ฟุตบอล ของเมืองไทย