ผมแต่งเพลงเพลงแรกตอน พ.ศ.2523 เรียนอยู่ปี 3
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เกิดจากอารมณ์คะนองที่เคยแต่เล่นกีตาร์ร้องเพลงฝรั่งไทยจีนให้เพื่อน ๆ
ได้สนุกสนานกันในวงรอบกองไฟเวลาไปเที่ยวภูเขา ทะเล ต่างจังหวัด
ซึ่งทุกครั้งผมจะเป็นมือกีตาร์เล่นให้ทุกคนได้ฟัง บ้าง ผลัดกันร้องบ้าง
ประเภท มึงจะเอาเพลงอะไรล่ะ
ถ้ากูรู้จักกูก็เล่นได้ ถ้ากูไม่รู้จักมึงร้องไปก่อน
เดี๋ยวกูก็เล่น ตามได้ เฮฮากันไปได้จากหลังมื้ออาหารเย็นไป
จนถึงมื้ออาหารเช้าของอีกวันเป็นอย่างนี้นับร้อยครั้งได้ตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง
มีเพื่อนบางคนถามผมว่า ทำไมมึงไม่แต่งเพลงมาเล่นเองมั่งวะ
มึงลองดูสิ จึงคะนองใจว่าจะแต่งเพลงขึ้นมาจริงๆ สักเพลง
โดยหยิบชีวิตรักของเพื่อนเอามาแต่ง
แล้วก็จับกีตาร์เล่นคอร์ด Dmaj7 ขึ้นมา
อย่างไม่มีเหตุผล รู้สึกได้แต่ว่าเสียงมันไพเราะอย่างกว้างขวางดี
แล้วก็ร้องขึ้นมาลอย ๆ ว่า “เข้าใจ ฉันเข้าใจทุกอย่าง”
จากนั้นก็ให้อะไรไม่รู้พาไปจนจบเพลง เพื่อนทุกคนบอกว่าเพราะดี
ต่อจากนั้นอีกหลายปี เพลงนี้ก็จะถูกขอให้ร้องในวงรอบกองไฟทุกครั้ง
ไม่เคยคิดว่าจะเอาเพลงนี้ ไปทำอะไรต่อไม่เคยคิดเป็นนักแต่งเพลงด้วยซ้ำ
ในปีต่อมา จู่ ๆ คุณประภาส ชลศรานนท์ (หรือไอ้จิกในขณะนั้น)
เพื่อนผมได้รับมอบหมายจาก พี่เต๋อ เรวัต พุทธินันทน์
ให้ เขียนเนื้อเพลงในหนังเรื่อง “วัยระเริง”ซึ่งเป็นหนังวัยรุ่น
กำกับโดย คุณอาเปี๊ยก โปสเตอร์
และให้พี่เต๋อเป็นคนทำเพลงประกอบ ซึ่งมีหลายเพลง
ผมได้รับเขียนเนื้อเพลง “ดนตรีในดวงใจ”
ให้พี่อ้อง สุรสีห์ อิทธิกุล ร้อง โดยมีคุณอำพล ลำพูน(หนุ่ย)
เป็นตัวแสดงเอก คู่กับคุณวรรษมน วัฒนวโรดม (มี๋)
ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของทั้งคู่
แล้วใน ปี 2525 ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ออกฉาย
ได้รับความนิยมมากในหมู่วัยรุ่น อันหมายความว่า
มีเพลงที่ผมเขียนเนื้อเพลงอยู่ในการเผยแพร่นั้นด้วย
จึงนับได้ว่า เพลงแรกที่ผมแต่ง แล้วได้ออกอากาศ
คือเพลงนี้ จะดังหรือจะเบาไม่รู้ แต่นี่คือ
เพลงแรกที่เป็นผลงานออกสู่สายตาประชาชน
มีคนมาคาดคั้นให้ผมตอบให้ได้ว่า
แต่งเพลงแรกเมื่อไหร่ก็มีไอ้สองเพลงนี่แหละ
เพลงแรกนั่นแต่งแล้ว กว่าจะมาใส่ในตลับเทปเฉลียงอื่น ๆอีกมากมาย
ก็อีกตั้งนานหลายปี ส่วนเพลงที่สองนั่น แต่งแล้วออกอากาศเลย
เอาเถอะ มันจะสำคัญอะไรเล่า จะยี่สิบห้าปี
หรือยี่สิบเจ็ดปี อะไรก็ตามก็น่าตกใจสำหรับผมทั้งสิ้น
วันที่เพื่อนผม คุณกริช ทอมมัส มาบอกว่า
อยากจะทำคอนเสิร์ตหรืออะไรต่ออะไรเยอะแยะ
ที่ผมทำงานเพลงมาครบยี่สิบห้าปี แรกเลยคือรู้สึกปลื้ม ดีใจ
ที่มีคนเห็นความสำคัญ แต่จะดีใจยิ่งกว่านี้ที่สุด
ถ้า ยี่สิบห้าปีเป็นตัวเลขของอายุจริง ไม่ใช่อายุทำงาน
แล้วก็รู้สึกห่วงตัวเองอยู่ เพราะไม่เคยคิดจะทำอะไรให้ดูเด่นแบบนี้
เคยมีคนคิดทำให้ครั้งหนึ่งเมื่อสมัยพี่ฉอด สายทิพย์
ทำคอนเสิร์ตกรีนเวฟครั้งที่ห้า โดยพุ่งโฟกัสมาที่ชื่อผม
ทีแรกไม่นึกอะไร แต่พอได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเอง
ในสปอตโฆษณาถี่ ๆ ของกรีนเวฟ
ก็เริ่มมีอาการแพ้ คันในร่มผ้า วางตัวไม่ถูก ผ่านมาได้ก็โล่งอกแล้ว
วันนี้ ปีนี้ จะมีเรื่องต้องให้คันอีกแล้ว มีคนมาอวย มาชู
ถึงรู้ว่าเขาคิดดีกับเราจริง ๆ ไอ้เราก็คัน อีก
นี่ยังบอกตัวเองว่าดีนะ ที่อย่างน้อยงานนี้
ฉันไม่ได้เป็นคนคิดเอง แต่ก็ยังไม่รู้ว่า จะต้องทำตัวอะไรอีกต่อไป
ผม มันนิสัยเสีย ใครมาชื่นชมหน่อยไม่ได้
ไม่รู้จะเอาหน้าไปวางไว้ที่ไหนทำตัวไม่ถูกสู้ถูกด่า
ยังจะทำตัวง่ายกว่าอย่าง ไรก็ตาม ปลื้มใจครับ
ที่ตัวเองมีคนให้ความสำคัญแต่ชื่นชอบ ก็พอ
อย่าถึงกับเชิดชูก็แล้วกัน
ไม่งั้นจะคันจนเกาไม่ไหวก็เป็นแค่คนแต่งเพลงคนหนึ่งเท่านั้น
ผมจะแต่งเพลงต่อไปครับ ไม่ว่ามันจะฮิตหรือไม่ฮิต
แต่งด้วยใจและ สมองเต็มแรงทุกเพลง
ขอสัญญา
นิติพงษ์ ห่อนาค