1) https://teetwo.blogspot.com/2019/10/8.html
2) https://teetwo.blogspot.com/2019/10/8-2.html
3) https://teetwo.blogspot.com/2019/10/8-3.html
4) https://teetwo.blogspot.com/2019/10/8-4.html
6) https://teetwo.blogspot.com/2019/10/8-6.html
ถอดคมคิดธุรกิจและการใช้ชีวิตของ “เจ้าสัวธนินท์” สู่ “ความสำเร็จ ดีใจได้วันเดียว” หนังสือที่เจ้าสัวใช้เวลาเขียนถึง 8 ปี
10 ตุลาคม 2019 เขียนโดย Workpoint News- http://teetwo.blogspot.com/2010/05/blog-post_7850.html
- http://teetwo.blogspot.com/2008/04/perfect-duo.html
- http://teetwo.blogspot.com/2010/04/blog-post_07.html
เราเปลี่ยนแปลงเมื่อไหร่ ก็มีปัญหาใหม่เกิดขึ้นเมื่อนั้น
สมมติเราอ้วนขึ้น อายุมากขึ้น เสื้อผ้าเราก็ต้องเปลี่ยน
การเปลี่ยนแปลงต้องมีปัญหา
ถ้าคนเคยทำธุรกิจ
ต้องเจอปัญหาแน่นอน ยิ่งเปลี่ยนแปลงเร็ว ปัญหาก็ยิ่งมาก
ยิ่งเปลี่ยนแปลงมาก ปัญหาก็ตามมายิ่งมาก
ฉะนั้น ต้องแก้
ต้องถือว่าปัญหามาคู่กับการเปลี่ยนแปลงเพราะเลี่ยงไม่ได้”
ธุรกิจตัวเบา: การเปลี่ยนแปลงคือ “โอกาส”
มีคนถามว่า หากวันนี้เจ้าสัวธนินท์อายุ 30 กว่า
และไม่ได้มีเงินเหมือนในวันนี้
จะเริ่มต้นด้วยธุรกิจอะไร
เจ้าสัวมองว่าต้องเลือกทำสิ่งใหม่
เพราะของเก่ามีคนทำอยู่แล้ว เมื่อโลกเปลี่ยนแปลง
โอกาสก็มากับความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วย
อย่างในทุกวันนี้ คนไทยกำลังติด “ความสะดวกซื้อ”
สั่งสินค้าผ่านจอก็มีคนเอาของมาส่งให้ถึงที่
ซึ่งเจ้าสัวมองว่าเป็นเรื่องลอจิสติก
หรือความสะดวกในการขนส่งที่กำลังสร้างให้คนไทยเปลี่ยนนิสัย
ซึ่งสะเทือนมาถึงธุรกิจของเซเว่นอีเลฟเว่น
และแม้จะเป็นเบอร์ 1 ก็ต้องปรับตัวเช่นกัน
“เรื่องลอจิสติกนี่กำลังสร้างให้คนไทยเปลี่ยนนิสัย
นี่เป็นโอกาสของเซเว่นอย่างมหาศาล
ถ้ายังหลับอยู่ เซเว่นก็มีโอกาสล้มละลายเหมือนกัน
เพราะพวกนี้ส่งแทนหมด รู้จักลูกค้าหมด
อีกหน่อยเขาก็ไม่ต้องมาซื้อจากเซเว่น
เขามีโกดังมืดก็พอ ซื้อขายทางเว็บไซต์
คุณไปเปิดร้านเซเว่นทุนหนัก ช้า แต่บนเว็บไซต์ของเขา
เซเว่นมีอะไร เขามีหมด เซเว่นไม่มี เขายังมี
ส่งเสื้อผ้าอีก ภัตตาคารอีก นี่คือ “ธุรกิจตัวเบา”
ทุกๆ ครั้งที่เปลี่ยนแปลง มันจะนำมาด้วยโอกาสอย่างมหาศาล
เพียงแต่เราเข้าใจหรือเปล่า เรารู้จักโอกาสนี้หรือเปล่า
ใช้โอกาสนี้หรือเปล่า ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ยังไง
ผมกล้าพูดตรงนี้ว่า หลังจากนี้โอกาสจะมากมายกว่านี้อีกเยอะ
ผมเชื่อว่าทั่วโลกพิมพ์เงินอย่างมหาศาลนะ
ทำไมเงินไม่เฟ้อ
เพราะสินค้ามันก็ผลิตออกมาอย่างมหาศาลเหมือนกัน
เพราะเครื่องจักรอัตโนมัติมากขึ้น ทุกอย่างมันเร็วขึ้น
ตามประวัติศาสตร์ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง
มันจะเพิ่มอาชีพ เพิ่มโอกาสมาอีกเยอะ
แล้วถ้าใครได้โอกาสนี้ คนนั้นก็เป็นใหญ่ไป
คนไหนละเลยไป แม้ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ก็ล้มละลายได้
เปลี่ยนเก้าอี้นั่งแล้ว อย่างอาลีบาบาก็นั่งเป็นเบอร์ 1
แล้วของนักธุรกิจที่จีน คำว่า “บัลลังก์มหาเศรษฐี”
ก็อาจเปลี่ยนคนนั่งได้” กระตุ้นรัฐบาล
โอกาสของไทยมาถึงแล้ว อย่ามัวแต่หลับใหล
นอกจากเรื่องธุรกิจส่วนตัว
เจ้าสัวธนินท์ยังมองเห็นโอกาสของประเทศไทย
โดยเฉพาะด้านสินค้าเกษตรและการเป็นฐานการผลิต
ในช่วงเวลาที่จีนกับอเมริกามีปัญหากัน
“ตอนนี้ เวลานี้ ผมว่าถ้าเมืองไทยทำเป็นนะ
เป็นโอกาสอย่างยิ่งเลย อย่างอเมริกากับจีนมีปัญหากัน
เป็นโอกาสของประเทศไทยอย่างยิ่ง คนจะย้ายฐานการผลิตจากจีน บางอย่างที่จะไปขายให้อเมริกา ไปไหนล่ะ
มาเมืองไทยดีที่สุด แต่ถ้าเราไม่ฉวยโอกาสนี้
เขาก็ไปเวียดนาม ไปอินโดนีเซีย แล้วโอกาสนี้ก็หายไป…
อย่างเรื่องสินค้าเกษตร เกษตรเป็นน้ำมันบนดิน
เป็นทรัพย์สมบัติของชาติ แต่เรายังละเลยสินค้าเกษตร
คิดว่าจำนวนไม่มาก ทั้งที่จริงๆ แล้วมีมากมาย
เกษตรของเราเกิดขึ้นจากแผ่นดินไทย
ตรงนี้ต้องปกป้อง ต้องให้ราคาดี ยุคนี้ต้องเร็ว
อย่างเรื่องการเชื่อม 3 สนามบินความเร็วสูง
ทำให้ต่อไปคนอยู่ระยองก็เหมือนกับอยู่กรุงเทพฯ
เพราะเพียง 45 นาที ก็ถึงใจกลางเมืองกรุงเทพฯ แล้ว
จีนไปหลายหมื่นกิโลแล้ว เรายังชักช้าอยู่
เขาก็จะย้ายฐานจากเราไปเวียดนามกับอินโดนีเซียแทน
ปิโตรเคมีถึงจุดอิ่มตัวและเปลี่ยนแปลงแล้ว รถยนต์ก็ถึงจุดเปลี่ยนแปลงแล้ว กำลังเปลี่ยนจากรถยนต์เป็นรถไฟฟ้า
แน่นอนทุกบริษัทที่ผลิตในเมืองไทย
ก็อยากเอารถไฟฟ้าไปผลิตที่ประเทศอื่น
ถ้าเรายังไม่รีบมีมาตรการดีๆ ให้เขาอย่าย้ายฐาน
ตรงนี้ผมว่ารัฐบาลยังมองไม่เห็นความสำคัญ
ปิโตรเคมีก็จะค่อยๆ หายไป
พวกอิเล็กทรอนิกส์ก็จะเริ่มย้ายฐาน
เหมือนกัน วันนี้เราต้องรีบลดหย่อนเรื่องอิเล็กทรอนิกส์
เป็นโอกาสดีอย่างยิ่ง ดึงคนมาลงทุน
ยิ่งอเมริกากับจีนมีปัญหากัน ยิ่งเป็นโอกาสของไทย
ทำไมเรายังนอนหลับอยู่”
ความฝันวัยเด็ก: อยากเป็นนักสร้างหนัง
“ตอนที่ผมเรียนหนังสืออยู่ ก็ชอบไปดูถ่ายทำ
อยากจะมาเขียนบทหนัง แล้วก็จะมาสร้างหนัง
ตอนนั้นอายุ 10 กว่าขวบ แต่ตอนนี้ผมหมดอายุ
หมดเวลาแล้ว ตอนนี้ลูกเขยกำลังทำอยู่
แต่นี่ก็คือเป็นบันเทิง เป็นอาหารสมองส่วนหนึ่ง
แล้วต่อไป มนุษย์จะมีเวลามากขึ้น
งานมากขึ้นแต่มีเวลามากขึ้น
เพราะใช้เวลาน้อยทำงานใหญ่ เทรนด์จะเป็นอย่างนี้แน่นอน”
ความหมายของชื่อหนังสือ “ความสำเร็จ ดีใจได้วันเดียว”
“ในชีวิตผมไม่เคยฉลอง สำเร็จจะใหญ่เล็กไม่เคยฉลอง
เพราะเรารู้ว่าเมื่อสำเร็จแล้วมันจะตามมาด้วยปัญหาอีก
ยิ่งสำเร็จใหญ่ ปัญหาก็จะยิ่งใหญ่
แล้วเราต้องเตรียมแก้ปัญหา เปลี่ยนแปลง
ดังนั้น ผมดีใจเพียงวันเดียว เพราะพรุ่งนี้ไม่ใช่แล้ว
พรุ่งนี้อาจจะมีคู่แข่งเหนือกว่าเรา
ทุกๆ วันต้องศึกษาดูว่า เรามีอะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลงไหม
เราอย่าไปอิจฉาใคร ต้องดูตัวเราเอง
สร้างตัวเราเองให้เข้มแข็งอยู่ตลอดเวลา
ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
อย่าดีใจนานไป ไม่มีประโยชน์”
เลือกถ่ายทอดประสบการณ์เป็น “หนังสือ”
เพราะเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้
แม้จะมีแพลตฟอร์มมากมายในยุคปัจจุบัน
ที่บันทึกประสบการณ์และความทรงจำไว้บนโลกออนไลน์ได้
แต่เจ้าสัวธนินท์ก็เลือกที่จะทำเป็น “หนังสือ”
เพราะเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้โดยไม่หายไป
“ในชีวิตไม่เคยคิดทำหนังสือ
แต่อ่านหนังสือของ แจ็ค เวลส์ จึงประทับใจว่า
เขาเปลี่ยนแปลงยังไง ผมใช้ระยะเวลายาวนานถึง 8 ปี
ในการเขียนหนังสือ “ความสำเร็จ ดีใจได้วันเดียว”
เพราะต้องการตรวจสอบก่อนว่า
ยังมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงหรือเป็นประโยชน์
กับคนอ่านที่ต้องแก้ไขหรือเพิ่มเติมหรือไม่
หนังสือเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้