เผยแพร่:
โดย: MGR Online
ย้อนวันวานไปเมื่อ
20 ปีที่แล้ว รายการสำหรับเด็กและเยาวชนดูจะมีไม่กี่รายการ
และหนึ่งรายการที่อยู่ในความทรงจำของใครหลายคนคือ รายการ ไอคิว 180
รายการตอบปัญหาโจทย์คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ยอดนิยม
ที่อยู่คู่กับเยาวชนไทยมานานแสนนาน
“จงทำเลขต่อไปนี้ให้เป็นจำนวน 200
2 4 5 7 9
ใช้วิธีบวก ลบ คูณ หาร ถอดแสควรูท ใครตอบก่อนและใกล้เคียงจำนวน 200 ก่อน คือผู้ชนะ!”
ใครยังจำโจทย์ข้อนี้ได้บ้าง ? ย้อนวันวานไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว รายการสำหรับเด็กและเยาวชนดูจะมีไม่กี่รายการ และหนึ่งรายการที่อยู่ในความทรงจำของใครหลายคนคือ รายการ ไอคิว 180
รายการตอบปัญหาโจทย์คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ยอดนิยม
ที่อยู่คู่กับเยาวชนไทย(ที่เรียนเก่ง และเรียนไม่เก่ง)
โดยมุ่งเน้นสาระการให้ความรู้
และเพิ่มพูนทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์มาโดยตลอด
ไอคิว
180 เป็นรายการประเภทควิชโชว์วิชาการ ออกอากาศครั้งแรก เมื่อปี 2528
ที่ช่อง 5
โดยรูปแบบรายการเป็นการตั้งคำถามเกี่ยวกับโจทย์ปัญหาด้านคณิตศาสตร์
และวิทยาศาสตร์ และหากยังจำกันได้ ผู้เข้าร่วมแข่งขัน
ซึ่งเป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษา จะต้องกดปุ่มและเลือกตัวเลข ออกมา 5 ตัว
แล้วนำมาคิดด้วยวิธีใดก็ได้ ให้ได้ผลลัพธ์ เท่ากับที่กำหนด ไอคิว 180
อยู่เป็นเพื่อนเยาวชนไทยในช่วงเย็นๆ หลังเลิกเรียนมาจนอายุเกือบครบ 20 ปี
จึงได้ยุติรายการไปเมื่อปี 2540 ด้วยเหตุผลที่(คนดูคิดเอาเอง)ว่า
รายการมีอายุมากแล้ว
อย่างไรก็ดี แม้วันนี้จะไม่มีรายการ
ไอคิว 180 ในจอโทรทัศน์บ้านเราอีกแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า
ตัวชูโรงที่มีสีสันและทำให้รายการ ไอคิว 180
ยังคงติดตรึงในความทรงจำของผู้ชมได้เท่าทุกวันนี้ คือ พิธีกร
ซึ่งผู้จัดการวิทยาศาสตร์ได้มีโอกาสพูดคุยอย่างเปิดอกกับ อาจารย์ชัยณรงค์ มนเทียรวิเชียรฉาย อดีตพิธีกร รายการไอคิว 180 ซึ่งปัจจุบันท่านเป็นผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น ถึงสาเหตุที่รายการต้องอำลาจากจอแก้ว ตลอดจนการดำเนินชีวิตประจำวันของ อ.ชัยณรงค์ ภายหลังจากไม่ได้เป็นพิธีกรรายการไอคิว 180 แล้ว
สร้างโรงเรียนให้เด็กชนบท กิจกรรมที่สร้างความสุขหลังจากไม่ได้จัดรายการไอคิว 180
“หลังจากไม่ได้จัดรายการ
ผมก็ไปทำในสิ่งที่ผมชอบ คือ นอกจากจะมีงานประจำเป็นผู้อำนวยการ
มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น ซึ่งอยู่มา 35 ปีแล้ว
ผมชอบที่จะไปต่างจังหวัดและไปช่วยเด็ก โดยเฉพาะในชนบท
ตอนหลังก็ไปสร้างโรงเรียนให้กับหมู่บ้าน
ผมอาจจะคิดไม่เหมือนคนอื่นที่ไม่ชอบจะช่วยแบบจากที่หนึ่งแล้วไปอีกที่หนึ่ง
แต่ผมจะไปที่ที่หนึ่งแล้วทำตรงนั้นให้ดี รู้แต่ว่ามันก็แค่จุดเดียว
แต่ว่าทำจุดนั้นให้ดี และไม่ได้ทำให้เฉพาะเด็ก
แต่ไปทำให้ชุมชนระแวกนั้นด้วย ตอนนี้ผมทำที่หมู่บ้านท่าบ่ม อ.เชียงคาน
จ.เลย ที่เลือกที่นั่นเพราะไกล ที่จริงระหว่างทางก็มีชนบทเยอะมาก
แต่ที่นั่นดูจะไกลที่สุด และลำบากไปไม่ง่ายเลย”
อ.ชัยณรงค์
ยังอธิบายถึงโรงเรียนที่ไปสร้างให้เด็กๆว่า
เป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ
มีเด็กนักเรียนจำนวน 800 กว่าคน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า
ถึงแม้จะชนบทแต่พวกเขาก็กระหายอยากจะได้ความรู้ และสิ่งดีๆในการศึกษา
สร้างบ้านให้คนยากจน ความสุขที่ได้แบ่งปันอย่างภูมิใจ
“ผมคิดว่าตอนนี้งานของผมเต็มมือนะ
ตื่นตีห้านอนเกือบเที่ยงคืน งานส่วนใหญ่เป็นงานเพื่อคนอื่น
ตอนนี้เป็นประธานของมูลนิธิที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษย์ หรือ Habitat For
Humanity(Thailand) ซึ่งเป็นองค์กรที่สร้างบ้านสำหรับคนที่ยากจน
ซึ่งจนชนิดที่ว่าเดินไปขอกู้เงินธนาคารแล้วเขาไม่ให้ เพราะจนเกินไป
เราจะช่วยคนเหล่านั้น และสภาพบ้านที่เขาอยู่มันโกโรโกโสในลักษณะที่ว่า
ไม่สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เราจะไปช่วยเขา ซึ่งไม่ใช่การสร้างบ้านให้ฟรี
แต่เราจะให้เขาซื้อบ้านผ่อนส่งด้วยจำนวนเงินที่เขาสามารถจ่ายได้
เราจะดูว่าชุมชนสามารถช่วยเขาได้อย่างไร
และเขาสามารถผ่อนส่งในความสามารถของเขา โดยที่เราไม่คิดดอกเบี้ย
และเมื่อเขาผ่อนได้หมด เขาจะสามารถพูดได้เต็มปากว่า
บ้านนี้เขาใช้เงินของเขา ด้วยหยาดเหงื่อแรงกายของเขา
และนอกจากเขามีบ้านของเขาแล้ว ก็ยังสามารถช่วยคนอื่นได้อีก
เพราะถ้าเขาจ่ายเงินได้หมด เขาจะสามารถช่วยอีกครอบครัวหนึ่งต่อไป
เพราะระบบมันเป็นอย่างนั้น ซึ่งเป็นความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศ”
ไม่มีรายการไหนอยู่ยืนยง แต่ปลื้มที่ ไอคิว 180 ยังอยู่ในความทรงจำ
อ.ชัยณรงค์
บอกว่า ไม่ได้คิดอะไรมากที่ต้องยุติรายการ เพราะเป็นของธรรมดา
อย่างสมัยที่อาจารย์ยังเป็นเด็กก็ชอบบางรายการและช่วงเวลานั้นก็ผ่านไปแล้ว
เราไม่สามารถจะให้อยู่ยั่งยืนยงได้ และรายการของอาจารย์ก็เช่นกัน
แต่บ่อยครั้งที่กลับมาคิดถึงรายการนี้ เมื่อไปไหนแล้วมีคนเข้ามาทัก
“ล่าสุดเมื่อครั้งไปช่วยสร้างบ้านให้ผู้ประสบภัยสึนามิ
มีผู้หญิง 2 คนที่ทำงานร่อนทรายทำอิฐบล็อก เขายังไม่หันหน้ามามองผม
แต่ได้ยินเสียงผมพูดกับชาวบ้าน เขาเลยพูดกับเพื่อนว่า
เสียงคนนี้เป็นเสียงของ อ.ชัยณรงค์ รายการ ไอคิว 180
ทั้งที่เราหยุดไปตั้งนานแล้ว
แต่พอเขาหันมาเขาก็จำเราไม่ได้เพราะมันตั้งหลายปีแล้ว
แต่เขาว่าเสียงนี้ไม่ผิด เป็นเสียงของ อ.ชัยณรงค์ รายการไอคิว 180 แน่ๆ
ก็จะเป็นอย่างนี้ในอีกหลายๆที่
นั่นคือบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เรากลับมาคิดว่า
รายการนี้ก็ยังอยู่ในความทรงจำของคนอีกเป็นจำนวนมาก”
ไอคิว 180 รายการบริสุทธิ์ ที่ไม่มุ่งหวังโฆษณาสินค้า
อาจารย์ชัยณรงค์
พาย้อนวันวานถึงรายการไอคิว 180 ที่ยังอยู่ในความทรงจำของผู้ชม
โดยเริ่มจากจุดต้นว่า รายการนี้กำเนิดขึ้นจากเจตนาดีของ 2 ฝ่าย คือ
เครือซีเมนต์ไทย ที่เป็นผู้สนับสนุนรายการ
ซึ่งต้องการผลิตรายการเพื่อประโยชน์ของสังคม
โดยไม่มุ่งหวังที่จะให้เป็นรายการโฆษณาสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ใดๆของเครือซีเมนต์ไทย
โดยให้เป็นรายการที่บริสุทธิ์รายการหนึ่งสำหรับผู้ชมทั่วไปและเยาวชน
ขณะที่ อ.ชัยณรงค์ ได้มีโอกาสไปทำงานที่สถานีโทรทัศน์ บีบีซี ประเทศอังกฤษ
ทำให้ได้เห็นรายการวิทยุโทรทัศน์ที่นอกจากจะมีรายการบันเทิงในรูปแบบต่างๆ
แล้ว
ที่ประเทศอังกฤษยังพยายามอย่างที่สุดที่จะให้มีรายการดีๆมีประโยชน์แก่ผู้ชมแทรกอยู่อย่างเหมาะสม
“ตอนนั้นต้องยอมรับว่า
ในเมืองไทยยังไม่ได้มีสัดส่วนรายการพวกนี้เท่าไหร่
และบ่อยครั้งรายการที่เราเห็นว่าดี ก็อยู่ได้ไม่นาน
เพราะจะหาผู้สนับสนุนยาก จะออกอากาศวันพรุ่งนี้อยู่แล้ว
วันนี้ยังต้องหาผู้สนับสนุนกันอยู่
จึงทำให้รายการดีๆหลายรายการไม่สามารถแจ้งเกิดได้ ดังนั้นเมื่อ 2
ฝ่ายมาเจอกัน ตัวผมซึ่งมีความต้องการที่จะทำรายการ
กับเครือซีเมนต์ไทยที่ต้องการจะสนับสนุน ก็เกิดเป็นรายการไอคิว 180 ขึ้น”
“หนังสือเรียน” แหล่งข้อมูลใกล้ตัวที่กลายเป็นโจทย์การแข่งขัน
อ.ชัยณรงค์
เล่าว่า เดิมก่อนที่จะให้ชื่อรายการไอคิว 180 จะให้ชื่อ “รายการติวสอบ”
เพราะรูปแบบรายการจะคล้ายการติวข้อสอบให้เด็กในระดับชั้นเรียนต่างๆ
ซึ่งข้อมูลที่ได้ก็นำมาจากหนังสือที่เด็กใช้เรียนกันอยู่แล้ว
“จะเห็นได้ว่าเราจะไม่เอาเด็กข้ามชั้นมาแข่งกัน
ถ้าอาทิตย์นี้เป็นของ ม.1 ผู้ที่เข้าแข่งต้องเป็นนักเรียนชั้น ม. 1
เท่านั้น ถ้าอาทิตย์นี้เป็น ม. 5 เขาจะอยู่ชั้น ม. 5 กันหมดเลย
และคำถามที่เอามาถามก็จะนำมาจากหนังสือตำราที่เขาใช้เรียนกันอยู่
ดังนั้นจึงเป็นการทบทวน เป็นการติวข้อสอบ
เป็นการพูดถึงสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเขา ที่เขากำลังเรียนอยู่โดยเฉพาะ”
เข้มคณิตศาสตร์และ วิทยาศาสตร์ เพราะเด็กไทยความรู้ยังอ่อนแอ
อ.ชัยณรงค์
อธิบายถึงเหตุผลที่รายการเน้นแข่งขันด้านโจทย์คณิตศาสตร์มากที่สุดว่า
เดิมรายการเน้นโจทย์คำถามวิชาอื่นๆด้วย เช่น วิชาสังคม ภูมิศาสตร์
ประวัติศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย
แต่ระยะหลังรัฐบาลมีนโยบายที่อยากกระตุ้นเกี่ยวกับวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ให้มาก
เพราะเด็กไทยยังอ่อน ทางรายการจึงมุ่งส่งเสริม 2 วิชานี้ให้มากขึ้น
“เครือซีเมนต์ไทยจึงจับตรงนั้นมาว่า
เราจะให้ความสำคัญกับวิชาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์มาก เพราะในวงการศึกษา
เราจะสังเกตว่า เด็กคนไหนก็ตามที่เก่งคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
วิชาอื่นก็เก่งไปด้วย
เพราะเขาเริ่มรู้วิธีการเรียนและเห็นคุณค่าของวิชาที่เรียน
ดังนั้นพอเห็นตรงนี้และทำตรงนี้ได้ ตรงอื่นก็จะตามมาด้วย”
อำลารายการเพราะอยู่มานานและเจอพิษเศรษฐกิจ
“
เหตุที่รายการต้องปิดฉากลง มี 2 เหตุผล คือ 1.รายการมีมานานแล้ว
กระทั่งมีผู้ร่วมรายการคนหนึ่งบอกว่า
คุณแม่หนูก็เคยมาออกรายการนี้(หัวเราะ) ซึ่งมันข้ามยุคกันเลย ก็เลยคิดว่า
มันก็นานพอสมควร และ 2. ช่วงนั้น(ปี 2540)ก็เป็นช่วงเศรษฐกิจไม่ดี
ก็เลยคิดว่า มันก็น่าจะยุติตัวมันเองไปด้วย”
ไอคิว 180 สัญลักษณ์ของเครือซีเมนต์ไทย ?
อ.ชัยณรงค์
บอกว่าไม่คิดจะสร้างตัวแทน หรือผู้สืบทอดรายการ
เนื่องจากได้มีการคุยกันอย่างไม่เป็นทางการกับเครือซีเมนต์ไทยตั้งแต่ต้นว่า
เมื่อไหร่ที่เครือซีเมนต์ไทยไม่สนับสนุน อ.ชัยณรงค์
ก็จะไม่หาผู้สนับสนุนรายใหม่ ส่วนเครือซีเมนต์ไทยก็บอกว่า
ถ้าหากอาจารย์ไม่ทำก็จะไม่หาคนอื่นมาทำเช่นกัน
เพราะมันเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของกันและกัน รายการไอคิว 180
และเครือซีเมนต์ไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน
ดังนั้นถ้าเครือซีเมนต์ไทยให้คนอื่นมาทำ ก็จะไม่ใช่ไอคิว 180 และถ้าทำไอคิว
180 กับคนอื่น ก็ไม่ใช่อีก เพราะมันเกิดมาร่วมกันเป็นเวลามาเกือบ 20 ปี
กระแสเกมโชว์เบียด เหตุควิชโชว์วิชาการค่อยๆหายไป
“คิดว่าเป็นเรื่องของแนวโน้ม
และกระแส
ซึ่งจะเป็นจริงหรือเปล่าไม่ทราบที่ทำให้รายการควิชโชว์วิชาการค่อยๆหายไป
แต่มีความรู้สึกว่า รายการที่คนสนใจจะดูต้องออกมาเป็นกึ่งเกมโชว์
คือตัวความรู้อาจจะมีอยู่
แต่ตัวหลักหรือตัวนำอาจต้องเป็นลักษณะของเกมโชว์ที่สนุกสนาน
รางวัลอาจจะเยอะ
คือมันมีตัวอื่นที่เป็นปัจจัยแทรกเข้ามาที่ให้ความสำคัญสูงกว่า
ในขณะที่ตัวเนื้อหาอาจจะลดลงไป หรืออาจจะมีไม่มากเท่าไหร่
แต่ต้องมีลูกเล่นที่แพรวพราวมากขึ้น
จึงทำให้รายการเนื้อๆลักษณะควิชโชว์วิชาการ ต้องกลายเป็นของอีกยุคหนึ่งไป”
หาสปอนเซอร์สนับสนุนรายการในปัจจุบันง่ายกว่าในอดีต
อ.ชัยณรงค์ มีความคิดเห็นว่า
การหาสปอนเซอร์สนับสนุนรายการประเภทควิชโชว์วิชาการ ระยะหลังอาจจะดีขึ้น
ด้วยเหตุผล 2 ข้อ คือทางสถานีโทรทัศน์มีช่วงกรอบเวลาสำหรับเด็กและเยาวชน
จึงจัดเวลาในการออกอากาศอย่างเหมาะสม และ ส่วน 2 ในเชิงของสังคม
บริษัทประเภทมหาชนก็จะมีงบประมาณสำหรับส่งเสริมสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
ทำให้รู้สึกว่าน่าจะยังพอมีบริษัทที่ให้ความสนใจสนับสนุนรายการประเภทนี้อยู่บ้าง
“รูปแบบน่าสนใจและคำถามไม่ยาก” กุญแจไขความสำเร็จของควิชโชว์วิชาการ
การทำให้ควิชโชว์วิชาการประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ซึ่ง อ.ชัยณรงค์ บอกว่า ปัจจัยสำคัญยังต้องทำให้รายการน่าสนใจ
ซึ่งเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ หากทำแล้วดูน่าเบื่อ เช่น
ถามคำถามไปแล้วผู้เข้าแข่งขันเงียบไปหนึ่งนาที ยังไม่มีคำตอบอะไรออกมา
ก็จะทำให้รายการไม่สนุก หรือหากจะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นก็ต้องแค่ครั้ง 2
ครั้ง ด้วยเหตุผลที่ว่าโจทย์อาจจะยากไป
“รูปแบบรายการไอคิว
180 ได้แนวความคิดมาจากทางยุโรป เขาได้ทำการวิจัยและพัฒนามาพอสมควรว่า
รูปแบบที่น่าสนใจคือ
ต้องเป็นรูปแบบที่เราร่วมกับผู้ร่วมรายการกำลังจะให้คุณค่าและความรู้แก่ผู้ชมจำนวนมากที่ชมรายการนี้อยู่
ดังนั้น เราจึงไม่สามารถไปตั้งคำถามประเภทที่ว่า เอาให้ยากเข้าไว้ คุณตอบไม่ได้ก็เป็นเรื่องของคุณ ถ้าอย่างนั้นมันจะหมดรสชาติทันที
แต่ในเวลาเดียวกันเราก็ไม่สามารถที่จะทำว่า
นี่คือคำถามที่ฉันจะถาม ให้เธอตอบออกมาให้ได้อย่างนี้ก็ไม่ใช่
มันก็จะหมดรสชาติอีก วิธีดีที่สุดคือ เราตีกรอบเอาไว้
ถ้าเป็นคำถามเรื่องวิทยาศาสตร์ หนังสือวิทยาศาสตร์ที่เธอเรียน
นั่นคือคำถามที่เอามาจากที่นั่น ถ้าอย่างนั้นเขารู้แล้ว เพราะมันมีกรอบ
เขาก็จะไปดู และจะช่วยในการเรียนของเขาด้วย
ซึ่งจะทำให้เวลาที่จะถามอะไรก็ตามอย่างน้อยสำหรับเด็กที่มาร่วมรายการจะ
ไม่ยากเกินไปสำหรับเขา และพอเราถาม เขาตอบได้ และแย่งกันตอบ
ความสนุกมันจะเกิด
แต่ในขณะเดียวกันเนื้อหายังมีอยู่และประโยชน์ก็จะได้กับผู้ที่ชม”
“พีธีกรแม่นในคำตอบ และมีความยุติธรรม” 2 สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำ ไอคิว 180
อ.ชัยณรงค์
เล่าว่า สิ่งที่ยากที่สุดในการทำรายการ ไอคิว 180 อยู่ที่ตัวพิธีกรต้องแม่น
เพราะผู้เข้าแข่งขันไม่สามารถตอบตามคำตอบที่เฉลยเตรียมไว้ 100 เปอร์เซ็นต์
โดยอาจจะตอบคล้ายๆเฉลย หรือตอบเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แต่ถ้าพิธีกรแม่นจะสามารถตัดสินใจได้ว่า อย่างนี้ให้ถูกได้หรือไม่
ที่สำคัญเมื่อเด็กตอบไม่ตรงคำเฉลย
พิธีกรไม่สามารถจะหันไปถามความเห็นทีมงานข้างๆเวทีที่เตรียมเรื่องนี้ว่าได้หรือไม่ได้
ทุกอย่างพีธีกรต้องเตรียมเอง ดังนั้นพิธีกรจึงต้องแม่น ประการที่ 2
ต้องมีความยุติธรรม พิธีกรไม่สามารถเข้าข้างคนใดคนหนึ่ง
หรือโรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่ง
ซึ่งผู้เข้าแข่งขันบางคนอาจมาจากโรงเรียนที่ดังมาก แต่หากตอบพลาด
หรือตอบไม่ตรง ถ้าไม่สามารถให้คะแนนได้ถูกหรือเต็มได้ ก็ต้องว่าไปตามนั้น
“ผมให้ความสำคัญกับเด็กต่างจังหวัดค่อนข้างสูง
เพราะเด็กต่างจังหวัดก็มีคนเก่ง
ถ้าเขาได้รับการฝึกฝนและเอาใจใส่จากครูซึ่งเป็นพี่เลี้ยงก็มีโอกาส
ดังนั้นเวลาที่เอาเด็กต่างจังหวัดมาประกบกับเด็กในกรุงเทพฯ แล้วเขาทำได้ดี
หรือหลายครั้งที่เขาชนะ มันเป็นกำลังใจกับเขามาก
และในแง่ของจิตวิทยาก็สามารถบอกเขาได้ว่า
ไม่จำเป็นจะต้องเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯเสมอไป ถ้าเราอยู่ต่างจังหวัด
เราได้ครูที่เอาใจใส่ และเราให้ความสนใจในการเรียนก็สามารถที่จะเก่งได้”
เด็กยุคปัจจุบันสมาธิสั้น-ขาดจินตนาการกว่าเด็กในยุครายการ ไอคิว 180
อ.ชัยณรงค์
แสดงความคิดเห็นถึงความแตกต่างระหว่างเด็กยุคปัจจุบันและเด็กในยุคไอคิว
180 ว่า เด็กในยุคปัจจุบันจะมีสมาธิสั้นกว่าเด็กในยุคก่อน
เพราะโลกยุคปัจจุบันเป็นยุคไอทีที่ต้องการความรวดเร็ว
ต้องการสิ่งซึ่งจะสนองตอบได้อย่างฉับพลัน การที่จะมีเวลาคิด มีเวลาไตร่ตรอง
อาจจะไม่ลึกซึ้งเท่าเด็กยุคก่อน ทั้งนี้
หากจะตั้งคำถามเพื่อทดสอบความสามารถ วิธีการถามหรือคำถาม
อาจจะต้องลดความลึกซึ้งลงไป
เพราะเด็กยุคปัจจุบันไม่สามารถที่จะรับความลึกซึ้งได้มากเหมือนเด็กสมัยก่อนๆ
“ยกตัวอย่าง
ระยะหลังๆ เราจะเห็นรายการโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ดีๆ เยอะ
ทำให้การอ่านหนังสืออย่างได้ประโยชน์ไม่มากเท่าที่ควร
เมื่อก่อนวรรณกรรมดีๆที่เวลาอ่านผู้อ่านจะเกิดจินตนาการ ชนิดที่ให้ 10
คนมาบรรยาย ทั้ง10 คนก็จะจินตนาการออกไปแตกต่างกัน
บัดนี้เขาไม่ต้องจินตนาการเพราะโทรทัศน์ให้หมดแล้ว ภาพยนตร์ให้หมดแล้ว
เพราะเขาทำออกมาดีขึ้นเรื่อยๆ มันชวนให้ดู ตรงนี้คือสิ่งที่หายไป”
อ.ชัยณรงค์กล่าว
“ผมคิดว่าชีวิตของเราไม่ว่าจะทำอะไรก็ดีทั้งนั้น
ขอให้เป็นสิ่งที่ดี ถึงแม้ไม่ได้ทำตรงนั้น
ผมก็จะทำตรงอื่นที่คิดว่ามันก็มีคุณค่าและมีประโยชน์เช่นกัน ตรงกันข้าม
ถ้าหากมันต้องเป็นเราเท่านั้นที่กลับมาทำ
แสดงว่าวงการโทรทัศน์ทางด้านนี้มันไม่มีความก้าวหน้า ยังต้องพึ่งคน
ไม่ใช่พึ่งตัวระบบหรือความคิดที่สามารถสร้างกันต่อๆไปอีกได้
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ดี”
ไอคิว 180 เวทีประเดิมความสามารถของเด็กโอลิมปิกวิชาการ
นอกจากนี้
อ.ชัยณรงค์ เล่าว่า เด็กที่เคยเข้ามาร่วมแข่งขันในรายการบางคน
ระยะต่อมาก็จะได้ยินชื่อเด็กเหล่านี้ไปแข่งขันโอลิมปิกวิชาการในเชิงของวิทยาศาสตร์
ซึ่งรายการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนที่จะให้เด็กเก่งทางด้านวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์
แม้จะไม่ได้ติดตามความสำเร็จเป็นรายบุคคล แต่ อ.ชัยณรงค์ สังเกตเห็นว่า
ส่วนใหญ่เด็กหลายๆคนเมื่ออ่านประวัติ ก็มักจะระบุว่าเคยมาร่วมรายการไอคิว
180 มาก่อน
หรือหากเด็กได้มีโอกาสแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตในโรงเรียนหรือการบรรยายที่ไหน
หลายครั้งก็จะได้ยินว่าเขาเคยเข้าร่วมแข่งขันในรายการ ไอคิว 180 มาก่อน
ไม่คิดจะกลับมาจัดรายการควิชโชว์วิชาการ แต่ยินดีให้คำแนะนำแก่คนที่อยากทำ
อ.ชัยณรงค์
บอกว่า แม้ขณะนี้จะเลยยุคของอาจารย์ไปแล้ว แต่ก็ยินดีที่จะให้การสนับสนุน
หรือให้ความช่วยเหลือแนะนำคนที่มีความคิดอยากจะทำรายการแนวนี้
ถ้าอยากจะได้วิธีคิดแบบอาจารย์ ซึ่งไม่ถือว่าเป็นความลับ
จึงยินดีที่จะแบ่งปันและถ่ายทอดให้
“ผมคิดว่าชีวิตของเราไม่ว่าจะทำอะไรก็ดีทั้งนั้น
ขอให้เป็นสิ่งที่ดี ถึงแม้ไม่ได้ทำตรงนั้น
ผมก็จะทำตรงอื่นที่คิดว่ามันก็มีคุณค่าและมีประโยชน์เช่นกัน ตรงกันข้าม
ถ้าหากมันต้องเป็นเราเท่านั้นที่กลับมาทำ
แสดงว่าวงการโทรทัศน์ทางด้านนี้มันไม่มีความก้าวหน้า ยังต้องพึ่งคน
ไม่ใช่พึ่งตัวระบบหรือความคิดที่สามารถสร้างกันต่อๆไปอีกได้
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ดี”
หวังให้คนไทยนำภูมิปัญญาไทยมาสร้างรายการแบบ“เมกก้าเคลฟเวอร์:ฉลาดสุดๆ”
สำหรับการนำรายการแนววิทยาศาสตร์จากต่างประเทศมาออกอากาศ
เช่น รายการ “เมกก้าเคลฟเวอร์:ฉลาดสุดๆ” อ.ชัยณรงค์ มองว่า
อะไรก็ตามที่เป็นความรู้ ก็ควรรับไว้
เพียงแต่เสียดายที่เมืองไทยเราการทำรายการประเภทนี้ ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงทุนการถ่ายทำ การค้นคว้า
หรือหาวิทยากรผู้รู้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น
เมื่อเรายังไม่สามารถทำได้ แทนที่จะไม่เอามาเพราะคิดว่าเป็นของต่างประเทศ
อ.ชัยณรงค์ มองว่า ตัวเขาเปิดใจรับไม่เป็นปัญหา
แต่ก็มีความหวังนิดๆว่าคนไทยน่าจะสามารถทำ
และหาสิ่งดีที่เป็นภูมิปัญญาแบบไทยนำมาให้ผู้ชมในลักษณะนั้นบ้าง
นี่คือมุมมอง
และการดำเนินชีวิตของ อ.ชัยณรงค์ ภายหลังจากรายการไอคิว 180 ปิดฉากลง
เมื่อปี 2540 ซึ่งอาจพอทำให้ใครหลายคน
คลายความคิดถึงอดีตพิธีกรผู้เป็นโลโก้ควิชโชว์วิชาการผู้นี้ได้บ้าง
ไม่ง่ายที่รายการที่เปี่ยมไปด้วยเนื้อหาสาระเชิงวิชาการสำหรับเด็กและเยาวชนจะประสบความสำเร็จ
และก็ไม่ยากที่รายการประเภทนี้จะเป็นที่จดจำของผู้ชม แต่ รายการไอคิว 180
นั้นทำได้ และจะอยู่ในความทรงจำของใครหลายคนตราบนานเท่านาน