13/10/2562
เค้าโครงจาก ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์
3 ปี อาดูรมิคลาย วินาทีบีบหัวใจ รำลึกภักดี ชีวิตทั้งครอบครัวขอแลกถวาย
- https://teetwo.blogspot.com/2018/10/blog-post_13.html
- https://teetwo.blogspot.com/2017/10/9-13-60.html
- http://teetwo.blogspot.com/2016/10/blog-post_13.html
13 ตุลา : ทหารราชองครักษ์วัย 103 ปี กับความทรงจำที่มีต่อรัชกาลที่ 9
ในวัย 103 ปี ความทรงจำของ พล.ท.แสวง ขมะสุนทร
ลางเลือนไปตามกาลเวลาและความชราภาพแต่สิ่งหนึ่ง
ที่อดีตทหารราชองครักษ์ผู้นี้ยังจำได้ดีจนขึ้นใจคือคำถวายรายงานตัวที่
เขาจะต้องกล่าวทุกครั้งที่เข้าประจำการเป็นราชองครักษ์เวรถวาย
การอารักขาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
"ข้าพระพุทธเจ้าพันโทแสวง ขมะสุนทร ผู้บังคับการกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
พระพุทธเจ้าข้า ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ"
พล.ท.แสวงทบทวนข้อความนั้นด้วยเสียงดังฟังชัด ไม่มีติดขัด
ในฐานะทหารราชองครักษ์ พล.ท.แสวง ซึ่งมียศเป็น "พันโท"
ในขณะนั้นต้องนั่งประจำการอยู่หน้าห้องที่ประทับในพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ออกมาจากห้อง
ราชองครักษ์เวรจะกล่าวถวายรายงานตัวด้วยข้อความข้างต้น จากนั้นก็จะตามเสด็จไปทุกที่
"ท่านจะเสด็จพระราชดำเนินไปไหนเราก็ต้องตามไป หากประทับ
รถยนต์พระที่นั่งที่มีเจ้าหน้าที่ขับให้ ท่านก็ประทับเบาะหลัง
ส่วนเราที่เป็นราชองครักษ์เวรก็ทำความเคารพเสร็จแล้วก็ขึ้นไปนั่งข้างคนขับ
เมื่อรถจอดเราต้องรีบลงก่อนประจำที่รอทำความเคารพท่านเมื่อท่านเสด็จฯ ลงมา
แต่ถ้าท่านเสด็จองค์เดียว ทรงขับรถเอง เราก็ไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ"
พล.ท. แสวงสรุปหน้าที่คร่าว ๆ ของราชองครักษ์เวรเมื่อราว 70 ปีก่อนให้บีบีซีไทยฟัง
พล.ท. แสวงเกิดในปี พ.ศ. 2459 ซึ่งเป็นช่วงสมัยปลายรัชกาลที่ 6
ปัจจุบันอาศัยอยู่กับลูก ๆ หลาน ๆ ที่บ้านพักใน จ.สมุทรปราการ
นายทหารอาวุโสสนทนากับบีบีซีไทยในช่วงเย็นวันหนึ่งของต้นเดือน ต.ค.
เพื่อถ่ายทอดความทรงจำเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9
รวมทั้งความคิดคำนึงถึงพระองค์ในวาระ 3 ปีครบรอบวันสวรรคต 13 ต.ค.
แถมท้ายด้วยข้อคิดจากชายชราที่ใช้ชีวิตมานานถึง 5 แผ่นดิน
เฝ้ามองพระองค์ท่านตลอดเวลา
พล.ท.แสวง เป็นทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
มาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
จนกระทั่งได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บังคับการกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
หรือ "ร.11 พัน 2 รอ." ในปี 2495
"พอเป็นผู้บังคับการกองพันก็ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นราชองครักษ์เวร
กรมราชองครักษ์จะจัดเวรให้เข้าไปเฝ้าที่หน้าห้องพระตำหนัก(จิตรลดารโหฐาน)
ตรงหน้าห้องที่ประทับของพระองค์ท่าน มีเก้าอี้นั่ง
เราก็ไปนั่งอยู่นั่นจนกว่าท่านเสด็จฯ ออกมาจากห้อง
เมื่อท่านเสด็จฯ ออกมาเราก็ต้องถวายรายงานตัวให้รู้ว่าเราเป็นใคร"
พล.ท.แสวงย้อนความหลังเมื่อครั้งที่เขาเป็นทหารองครักษ์วัย 36 ปี
พล.ท.แสวงบอกว่าในสมัยนั้นหน่วยทหารรักษาพระองค์มีแค่ 2 กรมเท่านั้น คือ
กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์กับกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ราชองครักษ์เวรจึงมีน้อย
แต่ละคนจึงมีโอกาสได้เข้าเวรถวายการอารักขาเดือนละหลายครั้ง
ถ้าราชองครักษ์เวรคนไหนลาป่วยหรือลากิจหรือมีเหตุสุดวิสัยใด
พล.ท.แสวงคือคนที่กรมราชองครักษ์จะโทรศัพท์มาตามให้ไปปฏิบัติหน้าที่แทน
"การเป็นราชองครักษ์ทำให้ได้เห็นว่าท่านเป็นคนช่างสังเกตและละเอียดอ่อนมาก
สมัยนั้นพระองค์ท่านยังหนุ่มแน่น มักใช้วิทยุสื่อสาร
ทรงเครื่องดนตรีและแต่งเพลง"
เรื่องหนึ่งที่ในหลวงทรงสังเกตเห็นและนำความปลื้มปิติมาสู่
พล.ท.แสวงเป็นล้นพ้นก็คือในหลวงทรงมองเห็นความตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ราชองครักษ์เวรของ "คุณแสวง"
ครั้งหนึ่ง พล.ท.แสวงถวายการอารักขาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ
ในงานเลี้ยงสังสรรค์แห่งหนึ่ง หลังงานนั้น
พล.ร.อ.หม่อมเจ้ากาฬวรรณดิศ ดิศกุล สมุหราชองครักษ์ ถ่ายทอดสิ่งที่ในหลวงตรัสถึงเขา
"พล.ร.อ.หม่อมเจ้ากาฬวรรณดิศบอกว่าในหลวงทรงชมว่า
คุณแสวงคอยจ้องคอยระแวดระวังพระองค์ท่านอยู่ตลอดเวลาเลย
เราก็นึกว่าพระองค์ทรงสนุกอยู่ในงานเลี้ยง แต่จริง ๆ แล้วท่านสังเกตเรา
ซึ่งก็เป็นความจริงที่เราเฝ้ามองท่านตลอดเวลา
เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องรักษาความปลอดภัยให้พระองค์ท่าน"
ต่อเรือใบกับในหลวง
"ในหลวงท่านทรงเรือใบ แข่งเรือใบ
แต่ทราบหรือเปล่าว่าท่านต่อเรือใบเองด้วยนะ"
พล.ท. แสวงเริ่มต้นเล่าถึงความทรงจำอีกเรื่องหนึ่งที่ประทับอยู่ในใจของเขา"
ตอนนั้นตามเสด็จท่านไปต่อเรือใบ อยู่กับท่านเพียงลำพังเท่านั้น ท่านก็ชวนคุย
จำได้ว่าท่านชื่นชมสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตนฯ (พระอิสริยยศในขณะนั้น)
ซึ่งตอนนั้นยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนจิตรลดา
ท่านทรงเรียกเจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตนฯ ว่า 'โต้ง' เพราะเป็นธิดาพระองค์ใหญ่
ระหว่างทรงแต่งเรือใบท่านก็ตรัสให้ฟังว่าโต้งเรียนเก่ง
ส่วนสมเด็จ พระเทพฯ ท่านเรียก 'สลาตัน' เพราะว่าตอนเล็ก ๆ สมเด็จพระเทพฯ ซนที่สุดเลย
แต่พอโตขึ้นเป็นคนที่ใกล้ชิดในหลวงมากที่สุด
เป็นเหมือนเลขานุการของพระองค์ เป็นลูกมือท่านอย่างดีมาก"
"ใจหาย"
2559 เป็นปีที่ พล.ท.แสวงมีอายุครบ 100 ปี ลูก ๆ หลาน ๆ
จึงจัดงานฉลองวันคล้ายวันเกิดให้ แต่เดือน ต.ค. ปีนั้นเอง
พล.ท.แสวง ซึ่งยังคงติดตามข่าวสารบ้านเมืองด้วยการอ่านหนังสือพิมพ์และดูโทรทัศน์เป็นประจำทุกวัน
ก็ได้ทราบข่าวการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล
"ผมรู้สึกใจหาย แต่มานึกอีกทีก็อนุโมทนาสาธุว่าท่านพ้นไปจากความทุกข์ทรมานแล้ว
ท่านทรงผ่านชีวิตมามากมายเป็นกษัตริย์ที่ทรงประกอบพระราชกรณีกิจ
อุทิศพระวรกายและจิตใจเพื่อประเทศชาติเพื่อประชาชน ไม่มีใครเสมอเหมือน" พล.ท.แสวงกล่าว
ความคิดอีกอย่างที่ผ่านเข้ามาห้วงคำนึงของ พล.ท. แสวงก็คือ
หากพระองค์ทรงรับรู้เหตุการณ์บ้านเมืองที่ประชาชน
แบ่งแยกแตกกันเป็นฝักเป็นฝ่ายอย่างในวันนี้ ก็อาจจะเป็นทุกข์ก็ได้
"ถ้าท่านทรงรับรู้ ท่านคงจะระทมทุกข์ ท่านจะเศร้ามากแค่ไหน"
หลังสวรรคต พล.ท.แสวงนึกอยากไปกราบพระบรมศพ
แต่สภาพร่างกายไม่เอื้อ นั่งหรือยืนนานไม่ไหว
ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อดีตทหารราชองครักษ์ผู้นี้คิดถึงรัชกาลที่ 9 อยู่เสมอ
"เวลานอนก็จะคิดถึงในหลวงว่าถ้าท่านยังไม่ได้ไปจุติเป็นชั้นพระอรหันต์ คือ นิพพาน
ท่านก็อาจจะเป็นเทพสถิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง ท่านคงจะไม่ทิ้งไปไกล"
แม้เขาจะรู้สึกเป็นห่วงกังวลกับสถานการณ์บ้านเมือง แต่ก็ยังรู้สึกอุ่นใจว่ายังมีคนที่รักชาติบ้านเมือง
และคิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติเหนือประโยชน์ส่วนตน ลาภยศ อำนาจและเงิน
ซึ่งพล.ท.แสวงเชื่อว่าความคิดเช่นนี้เป็นมรดกตกทอดจากในหลวงรัชกาลที่ 9
ชีวิตเกินร้อย
พล.ท.แสวงบอกว่าเพื่อน ๆ ของเขาต่างเสียชีวิตหมดแล้ว คนล่าสุดคือ
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพื่อนร่วมรุ่น วปอ. 9 ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมในวัยย่าง 99 ปี เมื่อเดือน พ.ค. 2562
"การมีอายุอยู่ยืนยาวมาก ๆ ไม่ใช่ว่าดีนะ ที่ให้พรกันว่าขอให้อายุยืนหมื่นปี ยิ่งอยู่นานก็ต้องยิ่งรับทุกข์นาน
การมีชีวิตอยู่คือการใช้กรรม ที่พระพุทธศาสนาเรียกว่าชดใช้กรรมที่เราทำไว้ในชาติที่แล้วเพราะชีวิตเราจริง ๆ
เวลาที่เราจะสนุก พอใจ รื่นรมย์ มันมีชั่วขณะเดียวเท่านั้นเอง
ไม่ใช่สนุกทั้งวัน นอนก็สนุก นั่งก็สนุก
ไปไหนก็สนุก
กินอาหารอะไรก็อร่อย ความสนุกมันมีชั่วขณะเท่านั้นเอง...ทุกข์มันมากกว่าสุข"
ทุกวันนี้ พล.ท.แสวงเดินออกกำลังกายและกายบริหารเบา ๆ ที่สนามหญ้าหน้าบ้านทุกเย็น
เมื่อถามถึงเคล็ดลับของการมีสุขภาพดีถึง 103 ปี พล.ท.แสวงบอกว่า
น่าจะเป็นเพราะเขาออกกำลังกายสม่ำเสมอมาตั้งแต่สมัยเป็นทหาร
ส่วนอาหารการกินนั้นไม่มีอะไรพิเศษ
"พยายามอารมณ์ดี ต้องรู้จักสะกดอารมณ์ หมายความว่า อะไรที่มันจะเกิดปัญหานั้นถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงเสีย
อย่าต่อความยาวสาวความยืด อย่าเป็นปากเป็นเสียงกัน พยายามระงับโลภะ โทสะ โมหะโดยเฉพาะโทสะ
ถ้าเกิดขึ้นมาแล้ว มันทำลาย ทำลายตัวเองด้วย ทำลายคนอื่นด้วย เพราะฉะนั้นต้องหาวิธีการ
อะไรที่มันจะทำให้เกิดโทสะ เราก็หยุดเสีย" พล.ท.แสวงฝากไว้เป็นข้อคิด