Custom Search

May 27, 2010

"เจ้าสัวซีพี"เผยจริยธรรมผู้นำ เน้นทดแทนบุญคุณ"แผ่นดิน-พ่อแม่" เก่งได้ แต่อย่าทำสังคมเดือดร้อน


มติชนออนไลน์ วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553


ที่โรงเรียนนานาชาติ คอนคอร์เดียน เขตบางนา กทม.
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและ
ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์
เป็นประธานพิธีสำเร็จการศึกษานักเรียนเกรด 12 รุ่นที่ 1
และกล่าวสุนทรพจน์พิเศษหัวข้อ "จริยธรรมของผู้นำ"
ตอนหนึ่ง เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมว่า
ประธานาธิบดีของสหรัฐแทบทุกคน
ต้องมีแม่ที่ดีอยู่เบื้องหลัง
ตนจึงว่าวัฒนธรรมไทยดีที่สุดในโลก
เพราะอะไรก็ขึ้นต้นด้วยแม่ เช่น แม่น้ำ
แม่จึงเป็นผู้สำคัญยิ่งที่จะสอนลูกให้มีอนาคต
แม่เป็นตัวอย่างของลูกที่ลูกเห็นตั้งแต่เด็กจนโต
แม่สามารถให้ความรู้กว่าโรงเรียนดีๆ คือ
ความรู้จากความประพฤติของแม่
ที่ลูกจะคอยมองอยู่ตลอด
ผู้ปกครองได้ส่งลูกของท่านมาโรงเรียนนี้เพื่อหวังให้จบไป
แล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีในโลกได้
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ
การให้ลูกรู้จักการตอบแทนบุญพ่อแม่
พ่อแม่สอนเอาไว้ว่า ถ้าใครมีบุญคุณต่อท่าน
ลูกต้องตอบแทนบุณคุณทันที
ขณะที่คนแต๊จิ๋วสอนลูกเอาไว้อย่างนี้ว่า
ลูกต้องตอบแทนต่อผู้ที่มีบุญคุณ
แต่ต้องพยายามเป็นหัวไก่ดีกว่าเป็นหางงู คือ
สู้เป็นเถ้าแก่ดีกว่าที่จะเป็นลูกน้องในบริษัทใหญ่ๆ
แต่สำหรับเราไม่ใช่ เราต้องตอบแทนบุญคุณต่อคนที่มีบุญคุณเป็นสำคัญ
เมื่อตนจะสอนลูก เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ
1.ลูกต้องรู้จักการตอบแทนบุญคุณ โดยเฉพาะพ่อแม่
และอย่าลืมตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน
เมื่อตนออกไปลงทุนทั่วโลก
จะต้องมีการปักธงชาติไทยและ
มีรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
เพื่อให้ต่างชาติรับรู้ว่า เมืองไทยก็มีบริษั่ทใหญ่ข้ามชาติอยู่เช่นกัน
และมีนักธุรกิจที่พอมีชื่อเสียง
แล้วเมื่อไหร่ที่ลูกจะได้อะไรจากพ่อแม่
เราจะต้องบอกว่า วันนี้เป็นหน้าที่ของพ่อแม่
เพราะลูกยังหาเงินไม่ได้ ทุกบาททุกสตางค์พ่อแม่หาให้
แต่เมื่อลูกเติบใหญ่แล้วทำงานแล้ว
ลูกต้องเลี้ยงพ่อแม่ ถือเป็นหน้าที่ของลูกที่ต้องทำ
อันนี้เป็นวัฒนธรรมสำคัญอีกอย่างหนึ่ง
เรื่องที่ 2 คือการสอนลูกให้รู้จักการเสียเปรียบและ
อย่าเอาเปรียบเพื่อน การเอาเปรียบใครก็ตามนับเป็นวิธีที่ไม่ฉลาด
ถ้าเราไปเอาเปรียบคนอื่นแม้แต่ 1 บาท
เขาจะเสียใจและไม่พอใจ จะไปบอกต่อว่า
เราไม่น่าคบชอบเอาเปรียบ แต่ถ้าเราเสียเปรียบให้เพื่อน 10 บาท
เขาจะดีใจบอกว่าเป็นคนคบได้ เป็นคนดีอย่างนั้นอย่างนี้
ไม่เคยเอาเปรียบใคร ปากต่อปาก
เป็นการโฆษณาไปในตัวโดยไม่เสียสตางค์
เรื่องที่ 3 คือรู้จักการมองความดีของคนอื่นและนำมาศึกษา
ดูว่าเขาเก่งอะไร เพราะทุกคนมีความดีและมีข้อด้อย
เราควรเสาะหาจุดเด่นแต่ไม่ควรหาจุดด้อย
เพราะนอกจากจะได้เรียนรู้แล้ว
เราจะยังรู้สึกเคารพในตัวคนๆ นั้นด้วย และในโลกนี้
เมื่อเรามีความเคารพให้ใคร
เขาก็จะเกรงใจและเคารพเรากลับมาเช่นกัน
ถือเป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้ อย่าดูถูกคนที่ด้อยกว่า
เราต้องยกย่องคนที่ด้อยกว่าด้วย ต้องส่งเสริมและช่วยเหลือ
"เราเรียนเก่งอย่างเดียวไม่พอ
ต้องให้เด็กรู้ว่าบุญคุณของพ่อแม่เป็นอย่างไร
เราต้องพยายามเรียนให้ดี แต่ไม่จำเป็นต้องได้ที่ 1
แต่อย่าทำให้สังคมเดือดร้อน
ทำให้สังคมมีความเจริญรุ่งเรื่อง
นั่นแหละคือการตอบแทนบุญคุณ" นายธนินท์ กล่าว


4. บุคคลใด ที่ไม่ใช้ความขยัน ความอดทน
ความพยายาม ไม่ทุ่มเท ไม่มีความรับผิดชอบสูง
ทำงานให้มากกว่าคนอื่น ไม่มีความกตัญญู
ไม่รู้จักบุญคุณ ต่อให้เรียนเก่งอย่างไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ
ส่วนคนที่เก่งเพราะมีพรสวรรค์
ไม่ต้องพยายามมากก็สามารถสอบได้ที่ 1
คนเหล่านี้น่าเป็นห่วง เพราะไม่เคยถูกตำหนิ
อย่าลืมว่าเรียนเก่งอย่างเดียว
ไม่ได้หมายความจะสำเร็จ


ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ธนินท์ เจียรวนนท์ ถอดสูตรความสำเร็จผู้นำ-ย้ำทฤษฎี2สูงแก้วิกฤตศก.ชาติได้

ไม่ บ่อยครั้งที่เจ้าสัวซี.พี. "ธนินท์ เจียรวนนท์"
จะออกมาพูดอะไรบ่อยๆ และทุกครั้งที่พูดจะแฝงแง่คิด
มุมมองในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจอยู่เสมอ
ล่าสุดเจ้าสัวซีพี.กล่าวสุนทรพจน์พิเศษ
"จริยธรรมของผู้นำ"
ยกเหตุทำไมคนจีนทำมาค้าขายจนยิ่งใหญ่เป็นเบอร์1ของโลก
ยันศก.ยังไทยรุ่งที่สุด
ย้ำ"ทฤษฎี2สูง"จะช่วยพาประเทศผ่านวิกฤตไปได้

...................
เหตุการณ์ จลาจลกลางเมืองในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
มิได้ก่อให้เกิดความสูญเสียให้กับเศรษฐกิจ
สังคมและประเทศชาติเท่านั้น
แต่ก่อให้เกิดคำถามมากมายขึ้นในสังคมไทย
โดยเฉพาะ "ผู้นำ" ของประเทศ
จนนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในที่สุด
เมื่อเร็ว ๆ นี้ "ธนินท์ เจียรวนนท์"
ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์
กล่าวสุนทรพจน์พิเศษ หัวข้อ "จริยธรรมของผู้นำ"
ในพิธีในงานฉลองการสำเร็จการศึกษาของนักเรียนเกรด 12 รุ่นที่ 1
ณ โรงเรียนนานาชาติ คอนคอร์เดียน เขตบางนา กทม.
ที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณสมบัติที่โดดเด่นของผู้นำที่ประสบความสำเร็จ
ในโลกยุคใหม่ที่น่าสนใจ
โดยเน้นย้ำว่า ผู้นำ
ผู้ที่ประสบความสำเร็จ
จะต้องเป็นผู้มีคุณธรรมและจริยธรรม
และต้องตอบแทนผู้มีพระคุณ
ทั้งพ่อแม่ ครู อาจารย์ และแผ่นดิน
และที่สำคัญที่สุดจะต้องมีความสามัคคี
"ประเทศไทยมีวัฒนธรรมที่ดีที่ สุดในโลก
อะไรก็ขึ้นด้วยแม่ เช่น แม่น้ำ แม่เป็นหลักของคน
เด็กจะมีอนาคตที่ดีหรือไม่มีอนาคต
แม่ถือเป็นหลักสำคัญของลูก
เด็กมาโรงเรียนได้ความรู้อย่างหนึ่ง
แต่ความรู้ที่ดีกว่าที่โรงเรียน คือ
ความประพฤติของพ่อแม่
ที่เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของลูก"
"ท่านผู้ปกครอง ส่งลูกมาเรียนโรงเรียน
เพราะท่านต้องการให้ลูกมีความรู้
เพื่อไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ในโลก
แต่เรื่องสำคัญกว่า
คือการสอนลูกให้รู้จักตอบแทนบุญคุณ
ตรงนี้เป็นเรื่องอันดับหนึ่งที่คนที่เป็นพ่อแม่ต้องทำ"

"ธนินท์" เปรียบเทียบความสำเร็จของนักธุรกิจ 3 กลุ่มในประเทศจีนให้ฟังว่า
" ในสมัย 90-100 ปีก่อน นักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ของจีน มีทั้งหมด 3 กลุ่ม
กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดมาจากหลิงปอ อยู่ใต้เซี่ยงไฮ้
กลุ่มที่สองแต้จิ๋วมาจากฮกเกี้ยน ที่ซัวเถา
กลุ่มที่ 3 มาจากกุนโจว อยู่ใต้เซี่ยงไฮ้
ลี กา-ชิงมาจากซัวเถา ในภาคสมัยโบราณ
ลี กา-ชิงจะไม่มีโอกาสเป็นเบอร์หนึ่งของคนจีน
จะต้องเป็นเบอร์สอง
แต่วันนี้เพราะว่าเขาใช้ระบบ
ใช้คนอังกฤษ ใช้คนหลิงปอ มาเป็นผู้นำ
ทำให้ลี กา-ชิงมีโอกาสลงทุนไปทั่วโลก
แล้วร่ำรวยอันดับที่ 14 ของโลก
ถ้าลี กา-ชิงไม่มีระบบใหม่จะไม่มีทางสู้กับคนหลิงปอได้
เพราะคนหลิงปอมีวัฒนธรรม
แต่วันนี้วัฒนธรรมของคนหลิงปอหายไปเยอะ"

"ธนินท์" บอกว่า วัฒนธรรมของแต่ละกลุ่ม
มีความสำคัญต่อความสำเร็จของนักธุรกิจ
" วัฒนธรรมของคนหลิงปอสอนเอาไว้ว่า
ถ้าใครมีบุญคุณต่อท่าน ต่อลูก
ลูกต้องตอบแทนบุญคุณตลอดชีวิต
แต่คนแต้จิ๋วสอนลูกเอาไว้ว่า
จะต้องตอบแทนบุญคุณต่อผู้ที่มีบุญคุณ
และต้องพยายามพัฒนาตัวเองให้เป็นเถ้าแก่
หรือภาษิตโบราณว่าไว้ว่าเป็นหัวไก่ดีกว่าเป็นหางงู
คือให้ไปอยู่ในบริษัทใหญ่ ๆ
แม้จะได้เป็นผู้จัดการใหญ่ก็สู้การไปเป็นเถ้าแก่เองไม่ได้
แต่สำหรับ คนหลิงปอไม่ใช่
พ่อแม่ของคนหลิงปอจะสอนว่า
ต้องตอบแทนบุญคุณผู้ที่มีบุญคุณต่อท่าน ต่อลูก
ลูกต้องตอบแทนบุญคุณตลอดชีวิต
เลยทำให้หลิงปอยิ่งทำธุรกิจก็ยิ่งใหญ่
แต่แต้จิ๋วมีเถ้าแก่เยอะ
วันนี้ในเมืองจีนจึงขึ้นมาเป็นที่สอง
มีระบบใหม่ ใช้คนเก่งในโลก
เลยทำให้คนแต้จิ๋วก็มีโอกาสเป็นที่หนึ่งในโลก
วันนี้ กลุ่มที่เป็นที่สามก็ยังเป็นที่สาม
แต่รู้สึกว่าถ้าเขามีการผนึกกำลัง
มีความสามัคคีมาก
ในอนาคตอาจจะขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของจีน คือ
พวกกุนโจว เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังผนึกกำลังทั่วโลก
ความสามัคคีจะทำให้เขาได้รับชัยชนะได้ในที่สุด"

"สรุปว่าผู้ที่สำเร็จจะต้องมีคุณธรรมที่รู้จักตอบแทนบุญคุณ
โดยเฉพาะต้องตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ แล้วรู้จักสามัคคี"
" ธนินท์" ย้ำว่า เราต้องตอบแทนบุญคุณต่อคนที่มีบุญคุณเป็นสำคัญ
โดยตนจะสอนลูกเสมอ ๆ ว่า
เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ลูกต้องรู้จักการตอบแทนบุญคน
โดยเฉพาะพ่อแม่ และอย่าลืมตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน
กลุ่มซีพีออกไปลงทุนทั่วโลก
ก็จะบอกกับคนในประเทศนั้นว่าเราเป็นคนไทย
จะต้องมีการปักธงชาติไทยและ
มีรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เพื่อให้ต่างชาติรับรู้ว่า ประเทศไทยก็มีบริษัทใหญ่
ที่มาลงทุนข้ามชาติเหมือนกัน
คนไทยก็ได้รับเกียรติ

วันนี้หากลูกจะได้อะไรจากพ่อแม่ เราจะต้องบอกว่า
วันนี้เป็นหน้าที่ของพ่อแม่เพราะลูกยังหาเงินไม่ได้
ทุกบาททุกสตางค์พ่อแม่ให้ได้
แต่เมื่อลูกเติบโต มีความรู้
สามารถทำมาหากินได้แล้ว
ลูกต้องเลี้ยงพ่อแม่ ถือเป็นหน้าที่ของลูกที่ต้องทำ
อันนี้เป็นวัฒนธรรมสำคัญอีกอย่างหนึ่ง
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่พ่อแม่ต้องสอนลูกในวันที่ลูกยังเป็นเด็ก
นั่นคือ ต้องสอนลูกให้รู้จักการเสียเปรียบและอย่าเอาเปรียบเพื่อน
การเอาเปรียบใครคนอื่นนับเป็นวิธีที่ไม่ฉลาด
ถ้าเราไปเอาเปรียบคนอื่นแม้แต่ 1 บาท
เขาจะเสียใจและไม่พอใจ จะไปบอกต่อว่า
เราไม่น่าคบชอบเอาเปรียบ
แต่ถ้าเรายอมเสียเปรียบให้เพื่อน 10 บาท
เอาเงิน 10 บาทไปเลี้ยงเพื่อน
เพื่อนก็จะดีใจบอกว่าเราเป็นคนดี
คนคบได้ ไม่เคยเอาเปรียบใคร ปากต่อปาก
เป็นการโฆษณาไปในตัวโดยไม่เสียสตางค์มากมาย

ที่มากกว่านั้น ต้องสอนลูกให้รู้จักมองความดีของคนอื่น
แล้วนำมาศึกษาดูว่าเขาเก่งอะไร
เพราะทุกคนมีความดีและมีข้อด้อย
เราควรเสาะหาจุดเด่นแต่ไม่ควรหาจุดด้อย
เพราะนอกจากจะได้เรียนรู้แล้ว
เราจะยังรู้สึกเคารพในตัวคนคนนั้นด้วย
และในโลกนี้ เมื่อเรามีความเคารพให้ใคร
เขาก็จะเกรงใจและเคารพเรากลับมาเช่นกัน
ถือเป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้ อย่าดูถูกคนที่ด้อยกว่า
เราต้องยกย่องคนที่ด้อยกว่าด้วย
ต้องส่งเสริมและช่วยเหลือ

"บุคคลใดที่ไม่ใช้ความขยัน ความอดทน
ความพยายาม ไม่ทุ่มเท ไม่มีความรับผิดชอบสูง
ทำงานให้มากกว่าคนอื่น ไม่มีความกตัญญู
ไม่รู้จักบุญคุณ ต่อให้เรียนเก่งอย่างไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ
ส่วนคนที่เก่งเพราะมีพรสวรรค์
ไม่ต้องพยายามมากก็สามารถสอบได้ที่ 1 คนเหล่านี้น่าเป็นห่วง
เพราะไม่เคยถูกตำหนิ
อย่าลืมว่าเรียนเก่งอย่างเดียวไม่ได้หมายความจะสำเร็จ"

"ธนินท์" ชี้ให้เห็นว่า คนที่เก่งอย่างเดียวไม่ใช่
คนที่ประสบความสำเร็จเสมอไป
คนที่จะประสบความสำเร็จต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง
ก่อนกลับ "ธนินท์" ได้ให้แนวทางในการนำพาประเทศผ่านวิกฤตไว้ว่า
ประเทศไทยต้องดูตัวอย่างญี่ปุ่น
ที่ต้องเผชิญหน้าความพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 จนเศรษฐกิจพังยับ
หรือไต้หวันที่ต้องผจญกับภัยธรรมชาติมากมาย
แต่ทั้ง 2 ประเทศก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี
ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจได้
"ผมเป็นคนมองโลกในแง่ดีไว้ก่อน
และเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของเมืองไทยเวลานี้รุ่งที่สุดในประวัติศาสตร์
ประเทศไทยมีเงินตราต่างประเทศเหลืออยู่กว่า 1 แสนล้านยูเอสดอลลาร์
และการส่งออกยังเกินดุล ขนาดการเมืองแบบนี้
หุ้นก็ยังขึ้นเรื่อย ๆ เพิ่งมาตก
เพราะการเงินของโลกมีปัญหา"

"เราต้อง มองบวก การเมืองแบบนี้หุ้นก็ยังขึ้นเอาขึ้นเอา
เพิ่งมาตก แล้วที่ตกก็ไม่ใช่การเมืองของเรา
การเงินของโลกมีปัญหา ผมอยากเรียนให้ทุกท่านทราบว่า
เมืองไทยเป็นประเทศที่ผลิตอาหารเลี้ยงโลก
เราผลิตข้าว ขายข้าวมากที่สุดในโลก
เราผลิตยางธรรมชาติ
ขายยางมากที่สุดในโลก
เราเป็นพระเอกตั้ง 2 ตัว"

"ประเทศเรา เพียง 60 กว่าล้านคน
เรามีสินค้าตั้ง 2 ตัวที่ขายไปต่างประเทศมากที่สุด
แล้วเชื่อว่ายางพาราจะต้องเติบโตไป แล้วเชื่อว่าข้าว
ราคายังต้องสูงขึ้นอีก ราคาปัจจุบันยังไม่ใช่ราคาที่ถูกต้อง
แต่ถ้าราคาแพงขึ้นสูงขึ้น ถ้ารัฐบาลเขาใช้
เขาก็ต้องปรับเงินเดือนขั้นต่ำให้สูงขึ้น
ปรับเงินเดือนข้าราชการให้สูงขึ้น"

"ธนินท์" ยังยืนยันว่าใช้ 2 สูง
จะทำให้ประเทศไทยก้าวข้ามพ้นจากวิกฤตได้

" ญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นประเทศที่แพ้สงคราม
เป็นหนี้รุงรัง ยากจนมาก แต่วันนี้ญี่ปุ่นเมื่อหลาย 10 ปีก่อน
ก็เป็นที่หนึ่งของโลกในแง่ของเศรษฐกิจ
เขาใช้ 2 สูงชัด ที่ดินราคาสูง สินค้าเกษตรราคาสูง"

"2 ตัวนี้เป็นทรัพย์สมบัติของญี่ปุ่นของประเทศ
แล้วงอกไม่ได้ มีเท่าไหร่ก็เท่านั้น
นี่คือทรัพย์สมบัติของชาติ แล้วสินค้าเกษตรเป็นน้ำมันบนดิน
สำคัญกว่าน้ำมันอีก แล้วประเทศเราผู้ผลิตน้ำมัน
สำคัญกว่าน้ำมันเพราะเขาผลิตมาเลี้ยงมนุษย์
เป็นพลังงานของมนุษย์แล้ว
ผู้ผลิตน้ำมันเลี้ยงมนุษย์จะจนได้อย่างไร
ถ้านโยบายถูกต้อง
เพราะฉะนั้นประเทศไทยต้องเรียนรู้จากญี่ปุ่น
เกษตรกรเขาไปเที่ยวทั่วโลกได้ตั้งหลาย 10 ปีก่อน
อยู่โรงแรม 5 ดาว
ข้าวสารเราไปขายกิโลกรัมละ 10 กว่าบาทในสมัยนั้นเขาไม่ซื้อ
เขาต้องการคนของญี่ปุ่น กินข้าว 100 กว่าบาท
นั่นหมายความว่าอะไร เขาใช้ 2 สูง"

"ถ้าใช้ 2 สูงเมื่อไหร่ เราไม่ได้เสียเปรียบใครเลย
เพราะเราซื้อน้ำมันเราก็ซื้อจากโลก
ทำไมเรากดน้ำมันของเราต่ำ
แล้วคนไทยเราจะรวยได้อย่างไร"

"ประเทศไต้หวันในอดีตก็ลำบากไม่แพ้ ญี่ปุ่น
เกษตรกรไต้หวันเจอใต้ฝุ่นเข้า ภูเขาก็เยอะ
ที่ดินทำกินก็น้อย แล้วมาเจอหน้าหนาวอีก
แล้วทำไมไต้หวันใช้เวลา 20 ปีเท่านั้น
จากยากจนกว่าเมืองไทยหลายเท่า ใช้ 20 ปี
เกษตรไต้หวันไปเที่ยวทั่วโลกได้
ทำไมเกษตรกรวันนี้ของเรายังไปเที่ยวทั่วโลกไม่ได้
ช่วยไปถามรัฐบาลหน่อย
ทุกอย่างเราดีกว่า แล้วอย่าเข้าใจผิด
ถ้าเกษตรกรหลาย 10 ล้านคนร่ำรวย
อุตสาหกรรมในประเทศจะร่ำรวยขึ้น
เรามีความสามารถไปแข่งขันกับโลก
ก็เท่ากับเรามีความสามารถผลิตสินค้าที่ต้นทุนถูก
คุณภาพดีมาขายให้กับเกษตรกร
ถ้าเกษตรกรมีกำลังซื้อ
สินค้าของเราส่วนหนึ่งอีกหลาย 10 ล้านคนมาซื้อสินค้า
จะทำให้อุตสาหกรรมของเรายิ่งเจริญรุ่งเรือง
ทำให้ธุรกิจบริการยิ่งมากขึ้น ยิ่งดีขึ้น
หมายความว่าต้องไปเอาจากภาคเกษตรขึ้นมาเป็นพนักงาน"

"ถ้าหากกำลังซื้อของคนยากจนมีมากขึ้น
ประเทศชาติได้ นักธุรกิจได้หมด
โดยเฉพาะข้าราชการเงินเดือนก็จะต้องสูง"

"วันนี้รัฐบาลยังไม่เข้าใจ เราบอกว่าข้าราชการคอร์รัปชั่น
แต่เรื่องความยากจนเราไม่แก้ไข"

" ธนินท์" ทิ้งท้ายว่า ปัญหาตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองยังไม่สงบ
รัฐบาลต้องทำให้เป็นธรรมทุกฝ่าย
และไม่ใช่เฉพาะผู้นำเท่านั้นที่จะต้องมีจริยธรรม
แต่ประชาชนทั้งประเทศ จะต้องมีคุณธรรมและจริยธรรม
แล้วต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน
ต้องรู้จักอภัยพ่อแม่ ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ถูกหมด
ถ้าเราจะไปหาความผิดของพ่อแม่ ก็มีเหมือนกัน
เพราะไม่มีคนไหนที่ไม่มีความผิด
มันต้องมีจุดอ่อนและจุดแข็ง
เราต้องไปดูว่าจุดแข็งของพ่อแม่อยู่ตรงไหน
พ่อแม่ก็มีผิดบ้าง เราต้องอภัย
เพื่อนฝูงก็เหมือนกัน ในสังคมก็เหมือนกัน
ต้องรู้จักอภัยซึ่งกันและกัน
อยู่กันด้วยความสันติ