"หนุ่มเมืองจันท์"
มติชน
วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553
http://www.facebook.com/home.php?#!/boycitychanFC
ฉบับเดือนธันวาคม 2553 จัดอันดับเศรษฐีไทย
วัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดา
ในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป
ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2553
ปรากฎว่าตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีนี้คือ
"ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์" ประธานกรรมการบริหาร
และกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียบเอสเตท จำกัด (มหาชน)
หรือพีเอสหลังครองตำแหน่งเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 2 ติดต่อกันมา 4 ปี
********
เคยไปคุยกับ "ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์"
มาครั้งหนึ่งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
พ.ศ.นั้นเอ่ยชื่อ "ทองมา" คนยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก
แต่ถ้าบอกว่าเขาเป็นเจ้าของหมู่บ้านจัดสรร "บ้านพฤกษา"
และ "บ้านภัสสร" ก็คงจะเริ่มคุ้นมากขึ้น
ปีนั้น "ทองมา" เป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ของเมืองไทยครับ
รองจาก "อนันต์ อัศวโภคิน" แห่งแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
ปลายปี 2550"ทองมา"ถือหุ้น"พฤกษา เรียลเอสเตท"
คิดเป็นเงินประมาณ 11,000 ล้านบาท
วันที่ผมได้คุยกับ"ทองมา"ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตกลงมาเยอะ
"ทองมา"ก็เลยจนลง
เหลือแค่ 10,200 ล้านบาท
...แค่นั้นเอง
แต่วันนี้ไม่ใช่แล้วครับ
"ทองมา"กลายเป็นมหาเศรษฐีหุ้นอันดับที่ 1 ของเมืองไทย
เขาถือครองหุ้นมูลค่ารวม 31,422.5 ล้านบาท
เพิ่มจาก 3 ปีก่อนประมาณ 3 เท่าตัว
"ทองมา"เป็นนักธุรกิจที่คุยเรื่องธุรกิจไม่ค่อยเก่ง
พูดน้อย อธิบายชัด แต่เป็นประโยคสั้นๆ
แต่ถ้าเปลี่ยนไปชวนคุยเรื่อง"ธรรมะ"เมื่อไร
เหมือนเข้าเกียร์อัตโนมัติเลยครับ
เหยียบคันเร่งแล้วเดินหน้าไปได้เรื่อยๆ
ก่อนไปคุยกับ"ทองมา" ตามประสานักข่าวที่ดี
ผมนั่งอ่านประวัติและบทสัมภาษณ์ของเขา
โหย...น่าสนใจกว่าที่คิดเสียอีก
"ทองมา"เป็นคนสู้ชีวิตคนหนึ่งครับ
ครอบครัวของเขาทำสวนผัก ขายกระเพาะปลาอยู่ที่เมืองชล
พ่อแม่มีกำลังส่งเขาเรียนได้แค่ชั้น ป.4
"ทองมา"ต้องเข้ามากรุงเทพ ทำงานเป็นช่างทองอยู่ประตูน้ำ
ทำงานไปเรียนไปจนสอบเทียบม.ศ.5 ได้
"ทองมา"สอบเอ็นทรานซ์ติด
และไม่ใช่ติดธรรมดาๆ
แต่สอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นี่ขนาดทำงานไป-เรียนไปนะครับ
ไม่ธรรมดา อ๊ะ ไม่ธรรมดา
...............
"ทองมา"ประสบความสำเร็จจากโครงการบ้านราคาถูก
เป็นความสำเร็จที่แตกต่างจาก"อนันต์ อัศวโภคิน"อย่างสิ้นเชิง
ในขณะที่ "แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์"ครองตลาดบ้านราคาสูง
"บ้านพฤกษา"เป็น"ขวัญใจคนจน"ครองตลาดบ้านระดับล่าง
เหตุผลที่"ทองมา"บุกตลาดนี้ เพราะเขาเห็นช่องว่างทางการตลาด
"ทองมา"เคยบอกว่าเมื่อเห็นราคาบ้านที่ขายกันอยู่
ในฐานะวิศวกรที่ทำงานในบริษัทก่อสร้างมาหลายปี
เขารู้ดีว่ามันสามารถสร้างได้ในราคาต่ำกว่านั้นได้
โครงการแรกของ"บ้านพฤกษา"จึงเป็นทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียว
...ขายในราคา 350,000 บาท
กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์แบบเดียวกับ"ซีพี"
ที่ขายของที่มีกำไรต่อหน่วยต่ำ
แต่เน้นปริมาณเยอะๆ
"บ้านพฤกษา"ของ”ทองมา”ก็เช่นกัน
อาวุธของ"ทองมา"คือ เทคโนโลยี่
การก่อสร้างแบบสำเร็จรูปที่เขาซื้อลิขสิทธิ์จากฝรั่งเศส
นอกจากทำให้ต้นทุนต่ำลงแล้ว
"เวลา"การก่อสร้างก็ลดลงด้วย จากปกติเคยสร้างกัน 6 เดือน
เขาสามารถลดลงเหลือเพียงไม่ถึง 4 เดือน
ในทางธุรกิจ"เวลา"นั้นมี"ราคา"
ยิ่งสร้างเสร็จเร็วเท่าไร ก็ได้รับเงินสดเร็วเท่านั้น
เงินก้อนเดียวกัน ถ้าสร้างเสร็จเร็วก็สามารถหมุนได้หลายรอบ
ที่สำคัญ "ความเร็ว" ของการก่อสร้างบ้านพฤกษา
เร็วกว่า "เครดิต"ที่ได้รับจากการซื้อวัสดุก่อสร้างอีก
สมมุติว่าได้เครดิต 5 เดือน คือ
ซื้อของวันนี้ อีก 5 เดือนจ่ายตังค์
แต่"บ้านพฤกษา"สร้างเสร็จภายใน 4 เดือน
รับเงินตั้งแต่เดือนที่ 4 แต่จ่ายเดือนที่ 5
เงินนิ่งๆหลายพันล้านหรืออาจถึงหมื่นล้าน
เวลา 1 เดือนที่ยังไม่ต้องควักออกจากกระเป๋า
คิดดูสิครับว่าจะก่อให้เกิดรายได้เพิ่มอีกเท่าไร
นี่คือ อีกกลยุทธ์หนึ่งของ"ทองมา"
ต้องยอมรับว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา"ราคา"
เป็น"จุดแข็ง"ที่สุดของ"บ้านพฤกษา"
"มีคนบอกว่าถ้าซื้อบ้านพฤกษาไม่ไหว ก็ไม่ต้องไปดูโครงการอื่น"
"ทองมาเล่าว่าตอนนี้เขาทำงานบริหารจนแทบไม่มีเวลาไปดูโครงการที่เปิดใหม่เลย
แล้ววันหนึ่งเขานั่งรถผ่านหมู่บ้านจัดสรรโครงการหนึ่ง
"ผม ก็ชมในใจว่าทำเลดีจัง พอเข้าไปใกล้อีกนิดก็รู้สึกว่าโครงการนี้สวยมาก
แต่รูปแบบคุ้นจัง จนถึงตัวโครงการจึงรู้ว่า อ๋อ บ้านพฤกษา โครงการของผมเอง"
ครับ ฟังเรื่องของ"ทองมา"แล้วผมนึกถึง
เรื่องของ"เจริญ-คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี"
มีคนเล่าว่าวันหนึ่งคุณหญิงวรรณานั่งรถผ่านที่ดินแปลงหนึ่ง ทำเลดีมาก
คุณหญิงวรรณาสนใจที่ดินแปลงนี้ก็เลย
โทรศัพท์ไปถามลูกน้องที่เชี่ยวชาญเรื่องที่ดินว่าที่ดินแปลงนี้เป็นของใคร
ลูกน้องฟังแล้วหัวเราะ
รู้ไหมครับว่าที่ดินของใคร
ชื่อเจ้าของ คือ "คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี"ครับ
.................
สมัยเด็ก"ทองมา"ช่วยพ่อขายกระเพาะปลาที่เมืองชล
กระเพาะปลาของพ่อ จะต้องซื้อมาจากเยาวราช
ไม่มีการใช้หนังหมูทอดมาหั่นผสมเพื่อลดต้นทุน
ไก่ที่ต้มก็ใช้"ไก่บ้านตัวเมีย"
"ทองมา"เคยถามพ่อว่าทำไมไม่ใช่"ไก่เลี้ยง"หรือ"ไก่บ้านตัวผู้"ที่ราคาถูกกว่า
และทำไมต้องขายชามละ 50 สตางค์
ไม่ขายราคา 1 บาทเหมือนที่"อา"ของเขาขาย
คำตอบของพ่อก็คือ"แค่นี้เราก็มีกำไรแล้ว"
ในวัยเด็ก มุมหนึ่งเขาก็ภูมิใจในตัวพ่อ
อีกมุมหนึ่ง เขาก็รู้สึกว่าพ่อไม่ฉลาด
ถ้าทำกำไรได้มากขึ้น เขาก็จะสบายมากกว่านี้
"ทองมา"ไม่รู้เลยว่า”กรอบความคิด”
ของพ่อแอบมาอาศัยอยู่ในสายเลือดของเขาตั้งแต่เมื่อไร
จนวันหนึ่งเมื่อเขาตัดสินใจทำทาวน์เฮ้าส์ขายในราคา 350,000 บาท
มีลูกค้ารายหนึ่งเดินมาหาเขาที่สำนักงานขายแล้ว
พูดด้วยเสียงชื่นชมว่ามันต้องมีผู้ประกอบการแบบนี้บ้าง
เป็น"คำชม"ที่มีค่ากับ"ทองมา"มาก
คนรายได้น้อยจำนวนมากที่อยากมีบ้านของตัวเอง
แต่ไม่เคยมีผู้ประกอบการรายไหนที่ใจถึงขนาดนี้
วันหนึ่งหลังจากธุรกิจเติบโต ทาวน์เฮ้าส์ของค่ายอื่นขยับราคาขึ้นเรื่อยๆ
แต่"บ้านพฤกษาไก็ยังยืนราคาเดิม คือ ประมาณ 600,000 บาท
ลูกน้องถาม"ทองมา"ว่าทำไมเราไม่ขึ้นราคา
เพราะถึงจะขยับราคาขึ้นก็ยังต่ำกว่าคู่แข่ง
คำตอบของ”ทองมา”เป็นคำตอบที่เขาคุ้นๆเมื่อวัยเด็ก
"แค่นี้ เราก็มีกำไรไม่ใช่หรือ"
อ้อ ผมลืมเล่าไปนิดหนึ่งว่า
ตอนที่คนซื้อบ้านโครงการแรกเดินมาชม"ทองมา"
ที่กล้าขายทาวน์เฮ้าส์ราคา 350,000 บาท
"ทองมา"บอกว่าเขาตั้งใจขายราคาต่ำจริง
แต่ที่กำหนดราคา 350,000 บาท
...เขาคำนวณต้นทุนผิดครับ
ปิดโครงการ "ทองมา"จึงได้กำไร"ชื่อเสียง"
แต่ในทางบัญชี ...เท่าทุนครับ
....................
ปีนี้"พฤกษา เรียลเอสเตต"เป็น
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ทำยอดขายสูงที่สุดในเมืองไทย
3 ไตรมาส 16,403 ล้านบาท กำไร 2,429 ล้านบาท
แสดงว่าตอนนี้"ทองมา"คำนวณต้นทุนเก่งขึ้นแล้ว