Custom Search

Dec 30, 2010

'นายกฯอภิสิทธิ์' ตั้งเป้าเลือกตั้งสมัยหน้า เสียงต้องไม่น่าน้อยกว่าเดิม

ไทยรัฐออนไลน์
29 ธ.ค.53

http://www.thairath.co.th/content/pol/137816


“นายกฯอภิสิทธิ์” ตั้งเป้าเลือกตั้งเสียงต้องไม่น้อยไปกว่าเดิม
ยอมรับอยากชนะเป็นอันดับ 1

อ้อนทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชนตนไม่สามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้…


เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.53 ที่ทำเนียบรัฐบาล
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์พิเศษทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
ถึงกรณีการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในปี 2554
พร้อมทั้งอวยพร ส.ส.ในพรรคให้กลับมาทั้ง 100% ขึ้นเป็นรัฐบาลอีกครั้งว่า
อวยพรก็อวยพรไป มันเป็นเรื่องที่ต้องทำงานหนัก ผมไม่สามารถบอก
หรือสามารถพยากรณ์ได้ว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างไร
ประชาชนตัดสินใจอย่างไร
แต่คิดว่าคะแนนเสียงพรรคไม่น่าจะแย่กว่าเดิม
แต่จะชนะหรือไม่เป็นอีกเรื่อง
แต่ ยอมรับว่าอยากมีคะแนนเสียงมาเป็นที่หนึ่ง
การยุบสภาจะเมื่อใดนั้น ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมกำหนด

“วันนี้เรื่องเศรษฐกิจผ่านแล้ว เรื่องที่สองคิดว่าจะผ่านได้คือเรื่องรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องที่ 3
คือบรรยากาศความสงบเรียบร้อยที่จะเป็นตัวเร่งให้ตัดสินใจยุบสภาเลือกตั้งใหม่หรือไม่
ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรก็เลือกตั้งได้เลย แต่ถ้ามีความวุ่นวายเรื่อยๆ ก็เลือกตั้งช้า?
ดังนั้นช่วยไปบอกคนที่อยากเลือกตั้งเร็วๆ ว่าอย่าได้สร้างเงื่อนไข” นายกฯ กล่าว

ส่วนกรณีที่มั่นใจว่าจะร่วมกับพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้อีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
เป็นสิทธิ์แต่ละพรรค ไม่สามารถก้าวก่ายได้ แต่จากที่ได้ทำงานร่วมกันมา 2 ปี
ไม่คิดว่าจะตั้งข้อรังเกียจในการทำงานร่วมกันต่อไป
แต่จะตัดสินใจอย่างไรเป็นสิทธิ์ของพรรคร่วมรัฐบาล
ยอมรับการทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาลที่ผ่านมาก็ยากตามปกติ
เพราะธรรมชาติรัฐบาลผสม
พรรคการเมืองก็จะมีจุดยืนบางเรื่องไม่ตรงกันเพราะฉะนั้น
การที่ต้องมาทำงานรับผิดชอบร่วมกันมันก็ย่อมมีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง
เป็นธรรมดาและความใกล้ชิดระหว่างคนทำงานก็ย่อมไม่สนิทสนมเป็นธรรมดา
แต่ถามว่ามีอะไรยากเป็นพิเศษไหมก็คิดว่า
สถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นทำให้ยากกว่าปกติ

ทั้งนี้นายกฯ กล่าวยอมรับว่า หากได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกในครั้งหน้า
โดยที่มีคะแนนเสียงมากขึ้น
การทำงานก็จะทำได้ง่าย และรวดเร็วขึ้น
ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าจริงจังในเรื่องการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชันมาโดยตลอด
แต่ยอมรับปัญหารุนแรงกว่าที่คิด แต่ก็เชื่อมั่นว่าตลอด 2 ปี
ที่ทำงานมาคนนอกประเมินผลการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชันดีขึ้นแต่ช้า
ซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้ อันดับไหลลงไปค่อนข้างต่ำ ประชาชน?
ภาคเอกชนทราบดีว่ารัฐบาลพยายามทำอะไรอยู่?
รัฐบาลชุดนี้เท่าที่จำได้นึกไม่ออกว่า
มีโครงการไหนที่ได้รับเรื่องร้องเรียนทุจริตแล้วไม่มีการตรวจสอบ
ตรวจสอบทุกเรื่องและไม่มีการจำกัดเรื่องพรรคด้วย
ว่าเป็นไปตามกรอบกฎหมายกติกาของประเทศ
อยากผลักดันงานทุกเรื่องให้ประสบผลสำเร็จ
สังเกตได้จากการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
รัฐบาลให้ความช่วยเหลือเร็วมากกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมา

นอกจากนี้ นายกฯ กล่าวยอมรับอีกว่า
ยังพบความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
และทนายความในต่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย
ซึ่งไทยก็ต้องทำหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริง
และเรื่องใดที่กระทบความมั่นคงก็ต้องดำเนินการ
ทั้งนี้ การที่จะมีการนิรโทษกรรม
หรือประกันตัวแกนนำ นปช.ก่อนเลือกตั้งหรือไม่
ต้องไปถามอาจารย์คณิต ณ นครเอาเอง
ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ขั้นตอนการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว
ก็ไม่สามารถตอบได้ว่านานเท่าใด แต่เราก็เร่งรัดอยู่

นายกฯ กล่าวอีกว่า ปัญหาการเมืองเป็นอุปสรรคของรัฐบาล
และรุนแรงมาตลอดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
เพราะว่าการเมืองก็ออกไปสู่ท้องถนน และมีความรุนแรง
ซึ่งตัวนี้ก็จะเป็นตัวที่ฉุดรั้ง หลายสิ่งหลายอย่าง
ขณะที่มีหลายเรื่องที่ต้องตัดสินใจบนความขัดแย้งกับความรู้สึกของตัวเอง
ในการบริหารบ้านเมือง
ข้อแรก การตัดสินใจในทุกเรื่องต้องมีทั้งคนที่ชอบ
และคนไม่ชอบ ข้อสองบางเรื่องเราจำเป็นต้องรักษาระบบ
รักษากฎหมาย มีผลกระทบกับคน การตัดสินใจแบบนี้
ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น
แต่หลายสถานการณ์มันก็มีความจำเป็น
แต่ถ้าเป็นมาตรฐานด้านจริยธรรม
ซึ่งไม่เคยฝืนตัวเองอย่างนั้น

อย่างไรก็ดี รัฐบาลมีแนวทางชัดเจนในการเร่งเดินหน้าในการปฏิรูป แนวทางปรองดอง
แล้วเรากำลังเข้าสู่กระบวนการของการเลือกตั้ง
จึงไม่ควรที่จะมีเหตุการณ์เกิดปัญหาซ้ำรอย กับปีที่ผ่านๆ มา
แต่ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชน ผมย้ำหลายครั้งว่าประชาชนมีสิทธิ์ที่จะเห็นต่างจากรัฐบาล
แสดงออกได้แต่ต้องมีขอบเขต
ถ้ามีการชุมนุมก็เป็นการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ
ชุมนุมโดยชอบตามกฎหมาย และไม่รุนแรง
รวมถึงไม่เปิดโอกาสให้ผู้ที่ใช้ความรุนแรงแฝงตัว?
ทุกคนก็ผ่านบทเรียนมาว่าเมื่อเกิดความรุนแรงความสูญเสียขึ้นทุกคน
ก็เสียหายกันหมดจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร
และสังคมก็ต้องช่วยกันกดดันเมื่อเกิดปัญหา
ทั้งนี้ นายกฯ ยันไม่เคยคิดท้อถอย และไม่มีสิทธิ์ที่จะท้อ
มันเป็นความรับผิดชอบเป็นหน้าที่ ก็ต้องทำให้ดีที่สุด

ส่วนการที่นักธุรกิจชาวต่างชาติออกมาตั้งข้อสังเกตว่า
เหตุใดประเทศไทยจึงไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดเพื่อแก้ปัญหานั้น
นายกฯ กล่าวว่า ปีที่จะผ่านไป 2553 เราได้ใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างมาก
จนมีหลายฝ่ายออกมาตำหนิว่าไม่เด็ดขาดแม้ที่ดำเนินการไปในขณะนี้ก็จะเห็นว่า
มีการไปพูดทำนองไม่เคารพสิทธิ์ของประชาชน รัฐบาลใช้ความรุนแรง
ฉะนั้นความยากลำบากอยู่ตรงนี้
คนบางกลุ่มช่วงเกิดเหตุการณ์ก็บอกให้รัฐบาลเข้าไปจัดการเด็ดขาดเลย
ใช้อะไรก็ได้ คนกลุ่มนี้พอเหตุการณ์ผ่านไปก็ไม่พูดอย่างนี้แล้ว
ก็บอกว่าทำไมถึงมีการใช้ความรุนแรง เพราะฉะนั้นความยากลำบากอยู่ตรงนี้

ดังนั้น หากสังคมมีมาตรฐานชัดเจน
ผมก็ว่าน่าจะทำให้คนทำงานมีความมั่นใจมากขึ้น
แต่ที่เราตัดสินใจทำไปก็เพื่อหาความสมดุล
ขณะที่ปัญหาการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่เหมือนรัฐบาลล้มเหลว
เพราะที่ผ่านมาเหมือนฝ่ายค้านนำไปขยายผลอะไร
คนเชื่อถือหมด ส่วนรัฐบาลตอบโต้กลับไม่ค่อยจะได้ผล

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า
ส่วนตัวกลับเห็นต่างออกไปว่าส่วนใหญ่ของประเทศ
มีความเข้าใจในข้อมูลที่รัฐบาลสื่อสารออกไป
เพราะถ้าไม่เข้าใจ รัฐบาลก็คงไม่สามารถที่จะอยู่ได้
ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจ
แต่ต้องยอมรับคนที่เข้าใจเขาก็เงียบ
แต่คนไม่เข้าใจก็จะร้องเรียนสะท้อนออกมาก
เป็นปกติของสังคมประชาธิปไตย
รัฐบาลก็ต้องฟังว่าทำไมเขาถึงไม่เข้าใจ
หรือบางกลุ่มอาจตั้งใจที่จะไม่เข้าใจ
กลุ่มนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร.

อภิสิทธิ์” เชื่ออนาคตประเทศไทยมีโอกาสมี “นายกรัฐมนตรีผู้หญิง”
ส่วนตัวสนับสนุนเพราะเห็นเป็นความเท่าเทียม

ไม่จำเป็นต้องมาจาก ปชป. ย้ำขอเป็นนายกฯแค่ 2 สมัยพอ
เพราะถ้าเป็นนานกลัวยึดติดอำนาจ…


เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์

ยอมรับว่า ในอนาคตเชื่อว่าประเทศไทยจะมีโอกาสได้
นายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้หญิงเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ทางการเมืองอย่างแน่นอน

ซึ่งตนก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะต้องการเปิดกว้างอยู่แล้ว
จะเป็นผู้หญิงที่มาจากที่ไหนก็ได้

แต่ต้องอยู่ที่ว่าใครจะมีความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่ง
และอยู่ที่การรณรงค์ให้เห็นความสำคัญของความเท่าเทียม

และเสมอภาคกัน สิ่งที่เน้นย้ำคือ
การขอโอกาสนั้นให้กับผู้หญิงด้วย ขณะที่นายกฯ ยังกล่าวติดตลกว่า

ถ้านายกรัฐมนตรีหญิงมาจากพรรคประชาธิปัตย์ก็คงดีไม่น้อย

ขณะเดียวกันนายอภิสิทธิ์ ยังระบุอีกด้วยว่า
พรรค ปชป.พร้อมที่จะเลือกตั้งแล้วเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป

และไม่หวั่นเกรงที่พรรคเพื่อไทยจะมีการชู
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่

เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น
ทั้งนี้ยอมรับว่าจะมีการออกนโยบายใหม่มาใช้หาเสียงเลือกตั้ง
สำหรับ ปชป.ด้วย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยในตอนนี้


นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังย้ำถึงจุดยืนเดิม
ที่เคยประกาศขอเป็นนายกรัฐมนตรีแค่ 2 สมัยพอ

โดยเฉพาะถ้าได้เป็นในสมัยที่ 2 ครบหรือเกือบครบเทอมก็ถือว่าพอเหมาะ
ในความคิดบ้านเมืองต้องเดินไปข้างหน้าตลอดเวลาในลักษณะที่มีความราบรื่น

“ผมไม่ค่อยเชื่อว่าจะต้องพึ่งบุคคลที่ขึ้นมาบริหารประเทศเป็นเวลานาน
เพราะคิดว่าถ้าเรามีความสามารถในการผลักดันนโยบายให้เป็นรูปธรรม
ระยะเวลา 7-8 ปีถือว่านานพอสมควรแล้ว
ถ้าความคิดอ่านนั้นดีจริงก็เชื่อว่าจะมีคนอื่นมาสานต่อ

การอยู่นานเกินไปก็มีความเสี่ยงเสมอกลัวยึดติดในอำนาจ” นายกฯ กล่าว

ส่วนถ้าถามว่า หากตนเองมีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 3
จะยอมรับหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
ไม่เชื่อว่าประเทศไทยจะหาบุคคลใดมาดำรงตำแหน่งไม่ได้แน่

แต่ผมอยู่ในระบบพรรคการเมืองก็ต้องขึ้นอยู่กับระบบเป็นหลัก
แต่อย่าเพิ่งกล่าวถึงตรงนั้นเลย เพราะยังไม่ผ่านการเลือกตั้งครั้งที่ 2 ด้วยซ้ำ.