Custom Search

Oct 12, 2008

ปู่เย็น


นายเย็น แก้วมณี หรือ ปู่เย็น เป็นชาวเพชรบุรี นับถือศาสนาอิสลาม
บิดาชื่อนายสุข แก้วมะณี มารดาชื่อนางชม แก้วมะณี
อาศัยอยู่ตามทะเบียนราษฎร์ เลขที่ 274/4 ถนนมาตยาวงศ์ ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.เพชรบุรี
เดิมประกอบอาชีพรับจ้างเลี้ยววัว มีภรรยาชื่อนางเอิบ แก้วมะณี
เสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2536 จากนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่ในเรือมาตลอด
เลี้ยงตนเองด้วยการหาปลาขายมีรายได้วันละ 30-70 บาท
จะขึ้นฝั่งไปอยู่กับหลานที่ อ.ท่ายาง ช่วงน้ำหลากเชี่ยวเท่านั้น
หากนับอายุตามหลักฐานทะเบียนราษฎร์มีอายุ 86 ปี
แต่ปู่เย็นเล่าให้ฟังว่าเกิดปีฉลู ขณะนี้อายุ 105 ปี
ซึ่งจากการสอบถามผู้สูงอายุกว่า 80 ปีใน อ.เมือง
ยืนยันว่าเมื่อยังเด็กเห็นปู่เย็นเป็นหนุ่มใหญ่แล้ว ปู่เย็น เป็นคนเกรงใจคนอื่นอย่างมาก
ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใครง่ายๆ ไม่ยอมให้ใครทำอะไรให้ฟรีๆ
โดยบอกว่า ตั้งแต่ภรรยาเสียชีวิตก็อยู่บนฝั่งไม่ได้
ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในเรือ และการหาปลาก็ทำให้ลืมความคิดถึงภรรยาไปได้บ้าง
แต่ก็ยืนยันว่าชีวิตตนเองไม่ได้ลำบากอะไร
ทั้งนี้ นายเย็นจะปักและกู้อวนวันละ 2 รอบ คือช่วง 21.00 น. และ 04.00 น.
จากนั้นในตอนเช้าจะนำปลาไปขายที่ตลาด รายการคนค้นฅน
เป็นรายการแรกที่ทำให้ได้รู้จักกับชายชราผู้นี้ นายเย็น แก้วมณี หรือ ปู่เย็น
ชายชราผู้หลงยุค ผู้มีร่างกายแข็งแรงและเต็มเปี่ยมไปด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง
ที่ไม่ยอมจำนนต่อวัยและสังขารอันร่วงโรย
ในเรือลำเล็กๆ ลำหนึ่งขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 5 เมตร
ที่เป็นทั้งเรือนงานแห่งชีวิตกับการยึดอาชีพวางอวนหาปลาในแม่น้ำเพชรบุรี
อีกรวมถึงยังเป็นเรือนนอนที่กินอยู่และอาศัยพักพิงเพียงอยู่ตัวคนเดียวมาหลายสิบปี
หลังจากที่ภรรยาและญาติสนิทมิตรสหายค่อยๆ
ล้มหายตายจากไปตามอายุขัยของคนปกติที่มีอายุอาจไม่เกิน 80 ปี

ทุกเช้าที่บริเวณตลาดสดแถวสะพานลำใย ชายชราหลังงองุ้มคนหนึ่ง
จะปรากฏตัวขึ้นมาจากบันไดเชิงสะพาน
พร้อมกับกะละมังหนึ่งใบใส่ปลาน้ำจืดประมาณ 10-20 ตัว
มานั่งขายให้กับผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยในตลาด
.. ไม่มีตราชั่ง .. ไม่มีถุงใส่ .. ไม่มีป้ายตั้งราคา ..
ใครอยากซื้อเท่าไหร่ก็จ่ายมาเท่านั้น และ เมื่อปลาหมด
การนั่งกินน้ำเต้าหู้ที่ร้านใกล้สะพานก็จะเป็นมื้อเช้าของปู่ทุกวัน
ก่อนกลับลงเรือที่จอดอยู่ใต้สะพาน

เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน
ตั้งแต่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนหลังฤดูฝนไปจนถึงเดือนมิถุนายน
ก่อนการกลับมาของฤดูฝนอีกครั้ง และเมื่อถึงฤดูฝนปู่เย็นจะกลับขึ้นฝั่ง
ไปพักอาศัยอยู่กับหลานพร้อมกับการยกเรือขึ้นไปอยู่บนฝั่งที่ อ.ท่ายาง
เนื่องจากน้ำในแม่น้ำหลากเกินไปที่จะหาปลาและอยู่อาศัยได้
และเมื่อหมดฝนการเฝ้ารอคอยของปู่เย็นที่จะได้กลับลงแม่น้ำอีกครั้งก็จะเกิดขึ้น
เรือลำหนึ่งจะล่องจากท่ายางมาที่เมืองเพชรเป็นระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร
เพื่อกลับสู่วิถีชีวิตเดิมๆ ภาพของวัฎจักรแห่งชีวิตและการงานของปู่เย็นก็จะดำเนินไปอีกครั้ง
กับชีวิตและความผูกพันกับแม่น้ำเพชรบุรี
แม่น้ำสายแห่งชีวิตที่ปู่เย็นทำมาหากินหล่อเลี้ยงตัวเอง
มาจนวัยลุล่วงมาจนถึงในวันนี้


ที่มา : รายการคนค้นฅน
ภาพประกอบจาก อินเทอร์เน็ต





ที่มา...นิตยสาร ฅ คน ฉบับวันที่ 1 พฤศจิกายน 2546

มติชนออนไลน์
วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2551
แม้"ปู่เย็น"จะลาลับ แต่คำสอนจะยังอยู่ตลอดไปคำพูด
ที่เป็นจริงเสมอ ของ"เฒ่าทรนง"ผู้ลาลับ

ทำอะไรต้องเกรงใจเจ้าของบ้าน ไม่กวน ไม่บอก
ถ้ายังไหว ก็ต้องทำ เบื่อไม่ได้
คนเดียว มีอะไรก็กินส่งไป
พอได้ปลามา อะไรก็ลืม ไม่คิดถึงภรรยา เช้าก็ขาย
ต้องมีเงินหมื่น ถึงจะพอกิน
อยู่บ้านสบายตัว แต่ไม่มีเงิน ใครจะให้ ไปหารายได้
ไม่อยู่บังคับใคร มีก็กิน ไม่มีก็ไม่กิน ไม่ขอใคร
หาปลาได้อัฐ ไม่ได้ปลาก็ทำปลาเค็มขาย
อดไม่ตาย หอยไม่มือมีตีน มีแต่ปากยังหากินได้
คนเราอดตายหายาก ถ้าไม่เจ็บไม่ไข้น่ะ
ค่าเรือคิดแค่ 200 บาท คิดอยู่ไม่ได้ต้อง 400 เอาเหลือ 300 ได้
แอบให้อีก 100 น่ะ อย่าบอกใคร อย่าให้ใครเห็น
ไม่กวนใจคนอื่น ไม่ทำน่ะ ไม่กวนใจ คนขี้เกรงใจ
มีน้อยใช้มาก ภายหลังลำบาก
ขายอย่าให้แพง คนจะได้กินลง เวลาซื้อไปให้พอหม้อ
หามาปันกันกิน ช่างมัน
อกเขาอกเราเหมือนกัน
ของแพงกินไม่ลง
ไม่เอา ไม่โกง
หมดตังค์แล้วสบายดี ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องกิน
เกรงใจไม่เอา อาย กินฟรีได้ แต่ไม่อยากกิน
ไหนต้องล้าง ต้องตัก ของเขาขาย
สมัยนี้คนหุงข้าวด้วยฟืนไม่เป็น
คนไทยทำใจเย็น ๆ เป็นหนี้ใครไม่ได้นอนไม่หลับ
สามหมื่นมาก หมื่นเดียวพอแล้ว
เอามากพอตายคนอื่นเอาหมด
ถ้าว่าไม่มี ก็ไม่ต้องเอา
คนเดียวไม่ต้องห่วง ไปไหนก็ได้ ไม่มีใครบังคับ
ภรรยาบอกว่า คลำดูมีหางอย่าเอา
มีเมียสามแล้วรวย แต่ต้องอยู่ด้วยกัน
เมียสาม แม่บ้าน แม่ค้า แม่ครัว
คิดว่าโชคดีไหมที่อายุยืน ไม่รู้มันยืนเอง
เกรงใจคน เกรงอกเกรงใจ
เขาเต็มใจให้ เดี๋ยวเขาว่าอีก
เฉย ไม่ทุรนทุรายของใคร
ใครรวยก็ช่าง เขาเอาไปเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียเขา
เราทำให้ให้เขาลำบากไม่เอา
10 คน 10 ใจ บางคนคิดอย่างนี้ บางคนคิดอย่างนั้น

ชีวิตคนเหมือนสะพาน มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ
พอสุดท้ายก็ตาย
ตายแล้วอยากไปเกิดเป็นอะไร
ตายแล้วก็หนีเขาตูดวัว เข้าท้องวัว
ตำรวจเมืองผีไม่เห็น ไปให้หวย ให้คนรวย ๆ
ตายแล้วใส่ลูกซองสั่นให้กูไปยิงเมืองผีด้วย