Custom Search

Sep 2, 2010

เวบพี่ตู้ จรัสพงษ์ โครงการน้ำใจน้องพี่


สำหรับน้องๆ ที่เข้ามาใหม่ ศึกษากติกา
ให้ครบถ้วนทุกท่าน ก่อนสนทนา นะครับ

สมัครสมาชิก เพื่อป้องกันคนอื่นใช้ชื่อน้อง
โดยให้สมาชิกทุกท่าน ใช้ชื่อเล่นภาษาไทย
ต่อด้วย ปีเกิดสองหลัก รูป

จากนั้น ก็แนะนำตัวใน กระทู้ ใครพี่ใครน้อง

สมาชิกที่มี ก.ก. ต่อท้ายชื่อและปีเกิด คือ
กรรมการเว็บ และ กรรมการโครงการ
ซึ่งช่วยงานโครงการ และเป็นสมาชิกเว็บมาแล้วครึ่งปี
สมาชิกใหม่ที่พัฒนาคุณภาพตนเอง
จนเป็นที่ยอมรับ จะได้รับเกียรติเป็นกรรมการเว็บ
สามารถสนทนาในเว็บกรรมการโครงการ
ในเรื่องสำคัญของแผ่นดินได้ครับ

เว็บนี้ ไม่มีการัน ยกเว้นในชื่อที่พ่อแม่ตั้ง
แปลว่าอักษรที่รองรับการันก็ไม่ต้องมีด้วย เช่น
คำว่า การันต์ ต้อ
งเอา " ต " ออกด้วย ครับ
เพื่อตัดส่วนเกินที่ไร้ประโยชออกจากสังคมเว็บนี้
และ เพื่ออนุรักภาษาดั้งเดิมสมัยรัชกาลที่ห้า

ไม่ใช้วงเล็บถ้าไม่จำเป็น เพื่อไม่ให้เกะกะ และ ติดนิสัย
นินทา
ให้เขียนต่อเลย หรือ เชื่อมด้วย " ซึ่ง " ฯลฯ

ไม่แสดงอารมส่วนตัว โดยแสดงความเป็นผู้ใหญ่
มีการศึกษา พ้นสภาพกุลีที่อ่อนไหว

ไม่หยาบคาย เพราะผู้อ่านยังไม่ยอมรับน้อง
ถ้าทนไม่ไหวให้แปลงตัวสะกดซะ
พี่ตู้หยาบได้คนเดียว เพราะผู้อ่านยอมรับลีลาพี่แล้ว
และพี่มีวิธีหยาบอย่างสุภาพ
ที่สำคัญ อย่าซ่า

เพราะพี่จะไม่ไว้หน้าพวกที่ซ่าอยู่ในถ้ำครับ
บัณฑิตที่ดี ควรมี สัมมาคารวะ
รู้กาละเทศะ อารมขันที่สูง และ คม

ห้ามมี ฮิ ฮิ เอิ๊ก เอิ๊ก หรือ น้ำเน่าประเภทนี้
ที่พยายามตลกอย่างไร้ไอคิว
คือ อย่าพยายามตลกแบบตื้นๆ
เพราะพี่รังเกียจและแสดงออกทันทีครับ
ถ้าไม่คม ก็จงมาแบบเรียบๆ น่ารักกว่า

ค่อยๆ เรียนรู้ อีกหน่อยน้องก็คมเอง

ให้เกียรติผู้ที่น้องสนทนาด้วย
โดยเรียกชื่อด้วยเสมอ จะได้รู้ว่าเจาะจงถึงใครที่คุยด้วย
โดยเรียกพี่เรียกน้องกันทุกคน เพื่อให้สนิทกันโดยเร็

พี่จึงต้องให้ทุกชื่อ ต่อด้วย ปีเกิด เสมอไงครับ

อย่าสนทนาโดยการเถียงในที่แคบแบบไทยๆ
ถ้าแน่จริงต้องเ
ถียงในสื่อ หรือ ที่สาธารณะ หรือ บนเวที
ที่นี่ไม่มีการเก่งแต่ในถ้ำครับ

ลงท้าย ครับ คะ ค่ะ สม่ำเสมอ

ห้ามสะกด คะ กับ ค่ะ สลับกัน พี่รำคาญครับ

อย่าโพสข้อความทื่อๆ ที่ไม่จำเป็นเหมือนเว็บทั่วไป
เพียงเพื่อให้มีบทบาท สมาชิกจะรำคาญและแสดงออก

เพื่อให้เกิดเอกลักของเว็บบัณฑิต ที่ได้คุณภาพ
น้องๆ จึงสมควรให้ความร่วมมือ
เฉกเช่นสมาชิกที่สนทนาอยู่แล้ว

แล้วน้องจะดูน่ารัก ในหมู่ผู้มีปัญญาครับ
น้องอ่านแล้ว ไม่ต้องตอบหรือโพสอะไรในกระทู้นี้

เป็นเกียรติที่จะได้สนทนาด้วยครับ
ขอให้พบความเ
ปลี่ยนแปลงในชีวิตน้อง

พี่ตู้ 96







คู่มืออ่านคนไทยทึ้งแผ่นดิน ๑,๒ (นินทาพี่ตู้)
หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมบทวิพากษ์และบทสัมภาษณ์
ของผู้อ่านหนังสือฅนไททึ้งแผ่นดิน ๑,๒
ของพี่ตู้ จรัสพงษ์ สุรัสวดี

นักเขียนผู้ถ่ายทอดเรื่องราวสะท้อนสังคม
ด้วยภาษาที่ชัดเจนแต่ซับซ้อน
ทำให้ผู้อ่านเข้าใจยาก
หนังสือเล่มนี้จึงจัดทำขึ้นเพื่อเป็นคู่มือในการอ่าน
ฅนไททึ้งแผ่นดิน ๑,๒ ได้อ่านอย่างเข้าใจ
และได้อรรถรสในการอ่านมากขึ้น









รายละเอียดสินค้า
ฅนไททึ้งแผ่นดิน 1 :สู้หาพ่อ
/ฅนไททึ้งแผ่นดิน 2 :ยอมทำพ่อ
ผู้แต่ง/ผู้แปล : จรัสพงษ์ สุรัสวดี

ภัทรบิดรสถาน
คนดีที่กล้ามีมาทุกยุคสมัยของเผ่าไท

เราทำอนุสาวรีย์ให้ท่านไว้กระจัดกระจาย

วีรชนอีกมากมายยังไม่ได้รับการสรรเสริญเพราะถูกลืม

วิญญาณคนดีและกล้าน่าจะปลื้ม

ถ้าลูกหลานไม่ลืมแล้วสร้างบ้านให้
พวกท่านทั้งหมดได้อยู่ร่วมกับสิบมหาราช

รัฐบาลและข้าราชการของชาติทั้งสิ้น
จะไม่กล้าทึ้งแผ่นดินไทยอีกต่อไป

เพราะนั่งทำงานอยู่ใกล้บรรพชนไท
ที่ไม่เคยยอมให้แร้งใด ทึ้ง แผ่นดิน

ปฏิบัติรัฐกิจใกล้ชิดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถึงเพียงนี้ ศักดิ์ศรี

และสำนึกย่อมฝังลึกในกมล หรือก็ยังไม่แน่อีก ต้องลองครับ

เหตุใดคนดีในทุกประวัติศาสตร์จึงมีแต่คนกล้า

เพราะชาติรอดด้วยคนกล้าครับ ไม่ใช่ด้วยคนดี สังคมคนขลาด

ที่ปรามาสคนกล้าด้วยริษยาจึงไม่เจริญก้าวหน้า

เพราะอกตัญญูต่อผู้กล้าที่มีพระคุณ
โดยหันไปเทิดทูนคนขลาดว่าเป็นคนดี

เพื่อให้คนขลาดดูดีไม่มีปมด้อย สังคมขลาดจึงพาชาติสิ้น

สุภาษิตไทล้วนชมคนขลาดว่าฉลาด ตำหนิคนกล้าว่าโง่

อายที่จะสรรเสริญคนกล้า เพราะแทงใจดำ

คนกล้าในประวัติศาสตร์ที่มีพระคุณจึงเป็นเพียงแกะดำ

ที่มีเกียรติกว่าแกะเทาเท่านั้น ท่านจึงเหงา

เรากล้าที่จะมาช่วยกันสร้างสิ่งสวยงามนี้

เพื่อที่จะสรรเสริญพวกท่านกันเลยมั้ยล่ะครับ

เปิดใจ ตู้ จรัสพงษ์ กับหนังสือ คนไทย ทึ้ง แผ่นดิน


เมื่อเวลา 10.35 น.
วันที่ 3 มี.ค 53
คุณจรัสพงษ์ สุรัสวดี
ผู้เขียนหนังสือ "คนไทยทึ้งแผ่นดิน"
เปิดใจกับดีเจเคนโด้ และสายใจ วลี
ผ่านสถานีวิทยุ DFM 99.5 ร่วมด้วยช่วยกัน
คลื่นความดี ในช่วงบันเทิ๊ง บันเทิง
ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับ หนังสือ คนไทย ทึ้งแผ่นดิน เล่มนี้
เป็นเล่มที่ 3 โดยต้องทำคู่มือสำหรับอ่าน
ด้วยเนื่องจากว่าเล่มหนามาก
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือ
เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย
ให้ทั้งสาระและความรู้
อยากฝากเชิญชวนให้คนไทยช่วยกันอ่านเยอะๆ


พุทธกาลล่วงมา ๒๕๕๓ พรรษา "คนไทย"
ตั้งรกรากถาวร สร้างบ้านแปลงเมือง เจริญวัฒนา
ด้วยพระบารมีของพระมหากษัตริย์ สถาปนาราชธานี "นครแห่งเทพ"
เป็นศูนย์กลางของบ้านเมือง สืบต่อความเจริญรุ่งเรืองจาก
กรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี
จวบจนปัจจุบันคือ กรุงรัตนโกสินทร์

**********************************************
อย่าเพิ่งตกใจไปครับสำหรับบางท่านที่เคยอ่านหนังสือของ "พี่ตู้"
ที่ชื่อว่า ฅนไททึ้งแผ่นดิน เพราะว่า
แต่เดิมผมเขียนเรื่องที่ชื่อเหมือนกันเนี้ยคือ คนไทย "ทึ้ง" แผ่นดิน
ไว้แต่ยังเขียนไม่เสร็จ แนวความคิดเรื่องชื่อก็มาจาก
หนังสือที่ปัจจุบันกำลังจะโลดแล่นบนแผ่นฟิล์ม
เรื่อง คนไททิ้งแผ่นดิน เป็นความบังเอิญมากครับ
ที่ตั้งชื่อเหมือนกัน แต่พี่ตู้เขาเขียนหนังสือเรื่องนี้มานานแล้วครับ
ก็บังเอิญอีกที่วันนี้ไปซีเอ็ดก็เหลือบไปเห็นหนังสือของพี่ตู้
อดใจไม่ไหวควักเงินไป ๓๘๐.-
เพื่อครอบครองไว้เป็นสมบัติส่วนตัวในทันทีครับ

หนังสือของพี่ตู้ที่ชื่อว่า ฅนไททึ้งแผ่นดิน
เป็นการขอเขียนต่อจากหนังสือ คนไททิ้งแผ่นดิน
ซึ่งผู้เขียนได้เสียชีวิตไปแล้ว
มีคำโฆษณาที่ชวนให้ผมต้องหาหนังสือ คนไททิ้งแผ่นดิน
มาอ่านให้ได้ก็ตรงประโยคที่ว่า
"เพราะขงเบ้ง คนไทจึงต้องทิ้งแผ่นดิน"
ในฐานะของคนที่อ่านสามก๊กมาเห็นชื่อขงเบ้งปุ๊บ
เห็นคำว่าคนไทปั๊ป พลันให้นึกถึงตอน
ขงเบ้งปราบเบ้งเฮ็ก ในทันทีครับ

ขงเบ้งปราบเบ้งเฮ็ก เล่าถึงกองทัพจ๊กก๊ก(ก๊กเล่าปี่)
ยกทัพมาปราบกบฎทางใต้ของอาณาจักร
และผู้นำกบฎคือ เบ้งเฮ็ก การยกทัพมารุกรานของขงเบ้ง
ถึงแนวแม่น้ำสาละวิน ทำให้ปรากฎวีรกรรม
จับเจ็ดปล่อยเจ็ด เบ้งเฮ็กสำนึกในพระคุณยอมรับใช้
ก๊กเล่าปี่แต่นั้นมา(เล่าปี่ตายแล้วนะครับใน เวลานั้น)
แต่เนื้อหาที่หลายๆคนสนใจก็ตรงที่การรุกรานของขงเบ้ง
ในตอนนั้นส่งผลให้"คน ม่าน"ที่อาศัยบริเวณนั้นอพยพลงใต้
จนมาถึงดินแดนประเทศไทย
และเป็นบรรพบุรษของคนไทยในปัจจุบัน
แต่แนวคิดนี้ก็ไม่ค่อยได้รับการยอมรับสักเท่าไหร่
หากท่านได้อ่านหนังสือที่ชื่อว่า
เบ้งเฮ็กไม่ใช่คนไท ก็คงจะพอเข้าใจได้ครับ

ผมเองยังไม่เคยได้อ่าน คนไททิ้งแผ่นดิน
แต่ตอนนี้กำลังอ่าน ฅนไททึ้งแผ่นดิน
อยู่ดังนั้นการเขียนเรื่อง คนไทย"ทึ้ง"แผ่นดิน
ของผมก็จะไม่ใช่แนวนวนิยายอิงประวัติศาสตร์
อย่างหนังสือสองเล่มนั้นแน่นอน ครับ
หากจะเป็นการเขียนไปเรื่อยๆตามอารมณ์ปะปน
กับสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้ เท่านั้น
จึงเรียนมาให้ทราบล่วงหน้าครับ
เพราะเดี๋ยวจะเกิดการเข้าใจผิดได้
หากแต่ผมจะอ้างอิงตรงไหนจากหนังสือ
ก็จะบอกให้ทราบตามมารยาทอยู่แล้วครับ

**********************************************

พุทธกาลล่วงมา ๒๕๕๓ พรรษา "คนไทย"
ตั้งรกรากถาวร สร้างบ้านแปลงเมือง
เจริญวัฒนาด้วยพระบารมีของพระมหากษัตริย์
สถาปนาราชธานี "นครแห่งเทพ"
เป็นศูนย์กลางของบ้านเมือง สืบต่อความเจริญรุ่งเรือง
จาก กรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี
จวบจนปัจจุบันคือกรุงรัตนโกสินทร์

จากอดีตสู่ปัจจุบัน คนไทยกว่าจะรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่น
ได้บรรพบุรษต่างเสียสละชีวิตไปนักต่อนัก
ทั้งเสียสละเพื่อปกป้อง ทั้งเสียสละเพื่อกอบกู้
ทั้งเสียสละเพื่อปราบปราม
ด้วยแรงคิดและสติปัญญาของผู้นำที่ดีย่อมพาบ้านเมืองไปรอด
หากเมื่อผู้นำลุ่มหลงมัวเมาในอำนาจ ขาดความเสียสละ
กระทำการเพื่อหวังแต่ผลตอบแทน
บ้านเมืองคงไม่พ้นฉิบหายในฉับพลัน
หากเมื่อผู้นำไม่ดีก็มักจะปรากฎวีรบุรษผู้กอบกู้มาเสมอ
บ้านเมืองก็จะกลับคืนความเป็นปกติสุขได้อีกครั้ง

ในอดีตประเพณีของกษัตริย์คือการทำสงคราม
ต่อกรกับอริราชศัตรูภายนอกที่มารุกราน
ล่วงล้ำพระราชอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา
ต้องเพลี้ยงพล้ำให้กับศัตรูอย่างชนชาติพม่าถึงสองครั้ง
ก็เพราะ คนไทย ด้วยกันเองหาใช่คนพม่าอย่างที่เราเคยๆคิด

พระนเรศวรราชาธิราช และพระเจ้ากรุงธนบุรี
คือมหาวีรบุรุษผู้กอบกู้บ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่นอีกครั้ง
หากแต่ ๑๕ ปีหลังจากสถาปนากรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร
พระเจ้าแผ่นดินพระองค์เอกแห่งกรุงรัตนโกสินธุ์
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ทรงปราบปรามจลาจลในกรุงธนบุรีและสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์
ทรงเป็นมหาวีรบุรุษผู้ปราบปรามความไม่สงบของบ้านเมือง
และพระราชวงศ์ของพระองค์
ยังคงสร้างความสงบสุขสืบมาจวบจนปัจจุบัน

ปัจจุบันแม้ว่าพระมหากษัตริย์จะไม่ต้องลงมาทรงงานทุกอย่าง
แบบในสมัยโบราณ แต่ก็มีคณะทำงานคือ
รัฐบาลเป็นผู้ทำงานบริหารราชการแผ่นดิน
ให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากัตริย์ทรงเป็นประมุข
การช่วงชิง"อำนาจ"บริหารราชการแผ่นดินจึงเริ่มขึ้น
นับตั้งแต่ปี ๒๔๗๕ เป็นต้นมา

เพราะความรีบร้อนของคณะราษฎร์ที่ต้องการประชาธิปไตย
ทั้งที่คนไทยในยุคนั้น สมัยนั้นยังไม่เข้าใจกับคำว่า "ประชาธิปไตย"
และผมยังเชื่อว่าคนยุคนี้
สมัยนี้บางคนก็ยังใช้คำว่า "ประชาธิปไตย" แบบผิดๆเสมอมา

ความรีบร้อนนั้นส่งผลให้เราง่อนแง่นมา
ตลอดระยะเวลาเจ็ดสิบกว่าปี
บางครั้งดูอ่อนแอ บางครั้งดูเข้มแข็ง
ประชาธิปไตยของไทยมะงุมมะงาหลา งึกๆงักๆ
ดูไม่ค่อยเป็นปกติสักเท่าไหร่
ผมยังอยากจะลองคิดดูว่าหากวันนั้น
๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ คณะปฏิวัติไม่รีบร้อน
บ้านเมืองเราอาจจะเจริญทัดเทียม
ประเทศประชาธิปไตยใหญ่ๆในโลกนี้ก็ว่าได้

แต่เมื่อเราเป็นประชาธิปไตยแบบมะงุมมะงาหลามาแล้ว
ก็ให้แล้วกันไปไม่ได้ นักการเมืองในอดีตเล่นการเมืองกันจริงๆ
มีสักกี่คน นักการเมืองน้ำดีที่ไม่หวังลาภยศสรรเสริญ
หวังแต่จะทำงานเพื่อแผ่นดินมีสัก กี่คน
หากลองมานับดูกันผมว่ามีไม่ถึง ๑%
ของนักการเมืองตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันกระมัง

ในอดีตเรามีข้าศึกต่างชาติมาล้อมกรุง ล้อมประตูเมือง
คนในเมืองก็ระดมหน้าไม้ ปืนใหญ่ น้ำมัน
ทำลายข้าศึกฝ่ายตรงข้ามเพื่อมิให้กล้ำกรายประตูเมือง กำแพงเมือง
หรือเข้าประชิดเมืองได้ แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว
พุทธศักราช ๒๕๕๓ คนไทยกลับล้อมเมืองกันเอง
กรุงรัตนโกสินทร์โดนคนไทยด้วยกันล้อมกันเอง
จะยิงหน้าไม้ จะยิงปืนใหญ่ จะราดน้ำมัน
ก็ไม่ได้เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน
เพราะไม่อยากทำร้ายกัน แล้วจะให้ทำยังไง?
กับคนไทยที่ล้อมจุกหน้าประตูเมืองในตอนนี้

เพราะหากเปิดประตูให้ก็มิพ้นทำลายกันเอง
ให้สาหัสกันมากขึ้นหรอกหรือ
หรือจะกันไว้ให้อยู่นอกกำแพงกรุงให้เขาปิดบังขบวนพ่อค้า
วาณิช การฑูต การส่งออก กระนั้นหรือ

คนในกรุงก็อึดอัดใจไม่หย่อนไปจากคนข้างนอกหรอกนะ
เพราะอะไรคนไทยถึงล้อมบ้านเมืองตัวเอง
เพราะอะไรคนไทยไม่ศึกษาอดีตว่าเราเคยพ่ายแพ้
เพราะคนไทยด้วยกันเองมาแล้วสอง ครั้งสองครา
และการพ่ายแพ้นั้นส่งผลไปทั่วราชอาณาจักร
กว่าจะฟื้นฟู บูรณะให้มั่นคงดังเดิม
ต้องใช้ระยะเวลายาวนานมาก
คนไทยนอกกำแพงนั่นเขาไม่รู้หรอ?

หากคนไทยยังคง "ทึ้ง" แผ่นดิน ก็คงจะได้ "ทิ้ง" แผ่นดินแน่

๑ เพราะสถานการณ์มาแรงกว่าคน
คนบางคนใช้สถานการณ์ที่ได้เปรียบมา
สร้างความได้เปรียบให้เกิดขึ้นกับตน
การปลุกระดม การยั่วยุด้วยวาจา และการกระทำ
ย่อมส่งผลเสียให้กับแผ่นดินอย่างประเมินประมาณไม่ได้
หากเขาบอกว่าการรัฐประหารทำลายความน่าเชื่อถือ
ทำลายระบบเศรษฐกิจ ผมก็จะสวนไปว่าแล้วที่ออกมา
ล้อมบ้านล้อมเมืองตัวเอง กระทำตัวอย่างโจรปล้นแผ่นดิน
พูดจาสร้างความแตกแยก
นั่นไม่ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศอีกหรือ
นักลงทุนเขาเห็นพวกคุณขู่ปาวๆว่าจะเผาเมือง
เขาก็ถอนทุนไปหมดแล้ว การพูดจายั่วยุให้เกิดความรุนแรง
การสร้างสถานการณ์ การวางระเบิดในหลายจุด
นั่นส่งผลกระทบในระยะยาว เสียหายยิ่งกว่า
การรัฐประหารหนึ่งครั้งเสียอีก
เพราะเป็นการเสียหายทีละเล็กทีละน้อย
แต่สะสมไปเรื่อยๆไงครับ

ยังกลับตัวทัน ยังกลับบ้านทัน ยังกลับไปทำงานทัน
ไม่มีใครเขาพิศมัยความรุนแรงแล้วครับในสมัยนี้
เลิกล้อมกรุง กลับไปล้อมคอกวัวให้เข้าเล้า
กลับไปทำการทำงานหาเงินเลี้ยงปากท้อง
กลับไปดูแลคนในครอบครัวเถอะครับ

รู้ทั้งรู้ว่าคนที่เขาเตรียมจะล้อมกรุงนั้นเขาไม่มาอ่านเรื่องไร้สาระที่ผม
วาดฝันนี้หรอกครับ ถึงแม้ว่าเขาจะได้อ่าน
เขาก็จะหัวเราะเยาะผมเสียมากกว่าว่ามันบ้าอะไร
เอาอะไรมาพูด อย่างที่บอกเพราะสถานการณ์มากแรง
ยากที่จะหยุด ในอดีตฮั่นเกาจู่ฮ่องเต้ตร้สกับหานซิ่นแม่ทัพผู้บุกเบิกแผ่นฮั่นว่า
เพราะสถานการณ์มาแรง ทำให้ข้าพเจ้าต้องพูดอย่างทำอย่าง
วันนี้คนเบื่อหน่ายสงครามแล้ว
มีแต่เจ้าเท่านั้นที่กระหายสงคราม
วันนี้ความมักใหญ่ใฝ่สูงของเจ้าปรากฎ
ข้าพเจ้าจำต้องลงโทษ๒ ระยะเวลาและ
การพิสูจน์ข้อกล่าวหาเท่านั้นที่จะ
เปิดโปงหน้ากากของคนบางคนที่กระหายสงคราม อำนาจ และเงินครับ

หากคนไทยยังทึ้งแผ่นดินไม่เลิกรา
ประตูเมืองยังจุกแน่นไปด้วยคนไทยด้วยกันเอง
นอกจากภายนอกจะเข้าไม่ได้ ภายในก็ไม่ได้ออก
มีแต่เสียกับเสีย หากเข้าไปได้ก็ได้เเต่เมือง
ไม่ได้จิตวิญญาณ หากออกไม่ได้
ก็คงจะต้องอุดอู้กับความตึงเครียด
เพราะจะทำร้ายคนที่มาประชิดเมืองไม่ได้เช่นกัน