วรากรณ์ สามโกเศศ
มติชน
วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
ถ้าคิดจะอ่านหนังสือที่ไม่เคร่
เกี่ยวกั
ผมขอแนะนำหนังสือชื่อ "CEO สอนน้อง"
โดย ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์
พิมพ์โดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์
คุณก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ เป็น CEO ของบริษัท CP-ALL (บริษัทแม่ของ 7-11)
เป็นผู้สร้าง 7-11 ร่วมกับพรรคพวกจนเติบใหญ่ในปั
หนังสือเล่มนี้น่าสนใจเพราะเป็น wisdom (ข้อคิดอันทรงคุณค่า)
จากประสบการณ์การทำงานของ CEO
องค์กรใหญ่ที่ประสบความสำเร็
หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่
เกี่ยวพันกับการบริหารในบริ
เกี่
เล่มนี้รวบรวมมาจากข้อเขียนที่
เมื่อมีการตีพิมพ์เล่มนี้ขึ้นจึ
โดยพื้นฐานผู้เขียนเป็นนั
(จบจากธรรมศาสตร์ในยุคสมัยท่
ไม่ได้เล่าเรียนด้านการบริ
จึงมีมุมมองที่ค่อนข้างแตกต่
ถึงแม้จะเป็นนักบริหารธุรกิจเต็
"ทำกำไรให้สูงสุด" แต่เชื่อในการหากำไรในระดับที่
ขององค์กร ผู้เขียนบอกว่า
".......แนวคิดนี้แพร่เชื้อร้
ทำให้เกิดเรื่
คนที่จิตใจอ่
บูชาแต่ผลประโยชน์เป็นที่ตั้
เพียงแค่คนดีๆ เหล่านั้นไปรวมตัวกันอยู่ในองค์
ทุกคนเชื่อเหมือนๆ กันหมดว่ามันคือหน้าที่และถื
ที่จะเอาเปรียบผู้อื่นและบีบคั้
ภายใต้วลีสวยหรูที่ว่า "เราทำเพื่อบริษัท"
อันที่จริงเป็นเรื่องที่เข้
ต้องมี
แต่เหตุการณ์ก็ผันแปรเป็นว่าแม้
ก็ยังทำทุกวิถีทางเพื่อจะให้ได้
......วิชาเศรษฐศาสตร์สอนผมว่
ต้องใช้
เศรษฐศาสตร์สำนักที่ผมเชื่อถื
คือประโยชน์สูงสุดโดยองค์รวม ไม่ได้เน้นแต่วัตถุหรือเม็ดเงิ
แต่มองกว้างไปถึงคุณค่าเชิงสั
ปรัชญาตะวันออกก็บอกว่าไม่มีสิ่
โดยไม่มีวันตกลงมา จึงแสวงหาแนวทางที่สมดุล
เพื่
ผมจึงย้ำอยู่เสมอว่าองค์
ผมจึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกั
หรือ 110 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นไปได้
วิชาเศรษฐศาสตร์สอนผมอีกว่
ทุกอย่างมีต้นทุนที่เราต้องจ่
จะจ่ายต้นทุนไปสูงกว่ากำไรที่
การเร่งเครื่ององค์กรเพื่อบรรลุ
จึงอาจเกิดอาการโอเวอร์ฮีท (overheated)
ทำให้เครื่องยนต์น็อคลูกสูบไหม้ ไปไม่ถึงจุดหมายตามต้องการ
แถมยังต้องเสียเงินซ่อมหรือซื้
ในเรื่องอำนาจ คุณก่อศักดิ์เขียนได้กินใจและทั
".......อำนาจกัดกร่อนคน ร้ายกาจกว่าสนิมกัดกินเนื้อเหล็
ผู้นำทั้งหลายจึงต้องมีสติอย่
หลงใหลในอำนาจจนถอนตัวไม่ขึ้น ต้องคอยชำระจิตใจให้สะอาดใส
ห่างไกลจากตะกอนกิเลส อย่าคิดว่าตนสำคัญหรือยิ่งใหญ่
เพราะถ้าเทียบกั
ยิ่งถ้าเทียบกับจักรวาลเราก็เป็
ชีวิตนั้นแสนสั้น ชีวิตการทำงานยิ่งสั้นเข้
หากนับจากสำเร็จปริ
เรามีช่วงเวลาของการทำงานเพี
กว่าจะไต่เต้าถึงตำแหน่งผู้นำก็
ดังนั้นช่วงเวลาที่มีอำนาจก็ยิ่
ช่วงเวลาสั้นๆ นี้จะเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่า
มีความหมายถ้าเรารู้จักใช้อย่
แทนที่จะใช้สถานะผู
แต่เป็นผู้นำเพื่อคนส่วนใหญ่ เป็นผู้นำที่เป็นผู้ให้อย่างแท้
.......ถ้าเราดูแลลูกน้องอย่
หัวหน้าของหัวหน้าก็ดูแลหัวหน้
เหมือนครอบครัวใหญ่ที่ทวดห่
ย่อมเกิดความอบอุ่นกลมเกลียวก่
ตรงกันข้ามในองค์กรที่
หัวหน้าก็หลอกลูกน้อง ลูกน้องก็เกลียดชังหัวหน้า
แม้องค์กรนี้จะมีคนเก่งอยู่
เมื่อขาดความปรารถนาดีต่อกันย่
และกำลั
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของสั
เราเองยังต้องการหัวหน้าที่ดี
วันนี้เมื่อเราอยู่ในสถานะผู้นำ เป็นหัวหน้าคนอื่น
อย่าหลงลืมวันคืนที่เราเคยเป็
เอาใจเขามาใส่ใจเรา ดังคำที่ขงจื้อกล่าวไว้เมื่
"สิ่งที่ตนไม่ต้องการ อย่ากระทำต่อผู้อื่น"
เรียบง่ายได้ "ใจความ" และได้ "ใจคน"
เพราะให้ความเคารพในตัวผู้อื่
มีคุณค่าความเป็นมนุษย์
การเคารพในคุณค่าของผู้อื่น ทำให้เราไม่หลงลำพองโดยลำพัง
เราจะตระหนักว่าความสำเร็จต่างๆ
ได้มาจากความร่วมมือร่วมใจของผู
ไม่ใช่มาจากความเก่งกาจของตนเพี
ผู้นำที่ชอบชูคอทระนงก็เป็นเช่
รวงข้าวที่ไร้เมล็ดข้
ยอดหญ้าที่อวดตนตระหง่านอยู่
ตรงกันข้ามกับรวงข้าวที่มีเมล็
เช่นเดียวกับผู้ที่มี "ภาวะผู้นำ" เต็มเปี่ยม
จะมีความอ่อนน้อมน่าชื่นชม.....
ในเรื่องการทำงานของคนในองค์กร
ผู้เขียนมีคำถามว่าความสุ
".......ในทรรศนะของผม ความสุขต้องมีองค์ประกอบ 3 ประการ คือ
(1) มีชีวิตที่ภูมิใจในคุณค่าของตั
ที่มีให้กับงานขององค์กรและสร้
รู้อยู่ตลอดเวลาว่าเราให้มากกว่
ไม่ใช่ทำตัวเอาเปรียบสังคมอยู่
(2) มีความสงบในจิตใจ ซึ่งความสงบนี้จะเกิดขึ้นได้ก็
(2.1) ไม่เป็นหนี้ทั้งวัตถุและบุญคุ
(2.2) ไม่ขัดแย้งกับคนจนกลายเป็นศัตรู
จะเกิ
มีภาษิตจีนเตือนใจอยู่ว่า "อดทนอารมณ์ชั่วขณะ
ระยะยาวจะปราศจากความทุกข์ใจ"
หรือ "ยอมถอยหนึ่งก้าว ฟ้ากว้างทางไกล"
หากปฏิบัติตามได้เราจะพบว่าอยู่
(2.3) ไม่เป็นทาสของกิเลสตัณหา คือ
ไม่เป็นทาสของอารมณ์ตัวเอง เช่น
อารมณ์โลภ โกรธ หลง อิจฉาริษยา ฯลฯ
(2.4) ไม่ถูกรังแกน้ำใจจากผู้บังคับบั
(2.5) ไม่ลุ่มหลงในอบายมุขจนถอนตัวไม่
(3) มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับคนทุกกลุ่
ทำอย่างไรเราจึงจะเข้าใจคนอื่
จะสื่อสารอย่างไรให้คนอื่นเข้
บวกกับความรักที่อยากให้ผู้อื่
เพราะถ้าคุณขาดความจริงใจ ไม่ช้าไม่นานก็จะถูกกระชากหน้
และสุดท้ายจะไม่มีใครคบหาด้วย
อย่าหลงเข้าใจผิดว่าความดีใจเป็
ถ้าคุณอยู่ในที่ทำงานที่มีสิ่
ต้องทนอยู่อย่างอึดอัดคับข้องใจ
แต่วันไหนเกิดผลงานเข้าตาผู้บริ
ทำให้ได้ปรับเงินเดื
คุณอาจจะดีอกดีใจ แต่นั่นไม่ใช่ความสุขที่จีรังยั
เพราะคุณจะดีใจได้ไม่นาน
เนื่
จากปัญหาที่คงอยู่
ที่น่าคิดที่สุดก็คือบทที่ว่าด้
".......ตำแหน่งสูง รายได้ดี ที่ต้องแลกมาด้วยการขายชีวิ
ไม่ได้ทำให้คนเรามีความสุขอย่
เราจะรู้สึกอยู่
เบื้องต้นอาจจะเกิดอาการซึมเซา เหงาหงอย
อาการหนักหน่อยก็จะดิ้
กระฟัดกระเฟี
หรือบางรายก็พยายามแสดงอาการที่
ไม่ควรเพื่
.......มนุษย์ที่ไร้ศักดิ์ศรี ยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อจะได้
มีรายได้สูงๆ ประจบเอาใจนายจนออกนอกหน้า
ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นที่เป็
มีแต่ "ดีครับนาย-ใช่ครับผม"
ชื่นชมป้อยอจนนายเสียผู้เสียคน
จะส่งผลเสียหายให้แก่องค์กร....
ผู้บริหารก็ควรมีสติตระหนักรู้
ที่คอยเข้
ความสามารถที่มีอยู่อย่
และไม่อาจสำแดงศั
มีแต่วิทยายุทธ์สอพลอเป็
.......เมธีเม่งจื๊อเคยกล่
"ยามร่ำรวยไม่ฟุ้งเฟ้อเสเพล
ยามยากจนไม่แปรเปลี่ยนปณิธาน
ยามเผชิญหน้ากับอำนาจก็ไม่
หากเรามีจุดยืนที่มั่นคง แหงนหน้าไม่อายฟ้า
ก้มหน้าไม่อายดิน
ก็ไม่จำเป็นต้องพรั่นพรึงกั
มนุษย์ที่ดีควรรักศักดิ์ศรี
เราจึงไม่ควร หยามหมิ่นหรือกัดกินศักดิ์ศรี
องค์กรจึงจะน่าอยู่และควรแก่
เพราะเป็นศูนย์รวมของผู้ที่มีศั
7-11 ปัจจุบันมี 4,700 สาขา
มีคนทำงานรวมประมาณ 42,000 คน
(ถ้านับทั้งบริษัท CP-ALL ที่ทำธุรกิจอื่นๆ
นอกจาก 7-11 ก็ประมาณ 72,000 คน)
แต่มีผู้บริหารระดับสูงของบริษั
และมีผู้ใต้บังคับบั
คุณก่อศักดิ์ได้ให้แง่คิดในเรื่
เพื่อขั
"ต้องมองให้เห็นแง่มุมที่ดี
เพื่อจะได้เกิดความรักและภาคภู
....... ต้องมองให้เห็นส่วนที่น่ารั
.......ต้องมองว่าการทำงานเป็
แบ่งแยกงานกับชีวิตให้ออกเป็
ที่เราต้องคอยกระโดดไปมาสลั
เราสามารถทำงานไปได้โดยไม่สู
สามารถรื่นรมย์กับชีวิตได้
เราจึงสามารถมีความสุขได้ในทุ
ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันหยุ
จึงจะอนุญาตให้ตัวเองมีความสุข
.......มองว่าการทำงานไม่ใช่
แต่เป็นการสร้างคุณค่าให้แก่ชี
ในอีกมิติหนึ่งที่สูงขึ้น การทำงานก็คือการปฏิบัติธรรม
การขัดเกลากิเลสตัวเอง ฝึกให้รู้จักเอาชนะความโลภ
ความโกรธ ความหลง บ่มเพาะความเสียสละ
เมตตากรุณา และสติปัญญาให้เพิ่มพูนขึ้นอยู่
ถ้าใครได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้
ปรากฏอยู่
ก็แสดงว่ายังไม่ได้เปิ
ต้องอ่านและไตร่ตรองอีกครั้ง
จึ
หน้า 6