Custom Search

Jan 20, 2010

หมอประเวศมองเชิงยุทธศาสตร์ประเทศไทยปี2553



คมชัดลึก :นายแพทย์ประเวศ วะสี พลเมืองอาวุโส
ได้เขียนบทความเรื่อง มองเชิงยุทธศาสตร์ประเทศไทย2553 ความว่า
การมอง มองได้หลายแบบ เช่น
มองเชิงลบ มองเชิงบวก มองเชิงวิเคราะห์

หรือมองเชิงชำแหละ
มองเฉพาะด้านหรือมองด้านเดียว มองสองด้าน ฯลฯ

การมองอย่างไรมีผลมากต่อการได้อย่างนั้น เช่น
การชำแหละก็จงทำให้ขาดจากกันเป็นส่วน ๆ ดังเช่น

การชำแหละสุกร ชำแหละโค ทำให้หมดชีวิต
การมีชีวิตเกิดจากการเชื่อมโยง

การมองเชิงยุทธศาสตร์หมายถึง
การมองเพื่อการปฏิบัติไปสู่ผลสำเร็จ ยกตัวอย่างเช่น

วจีสุจริตที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เป็นอันมาก
ในพระไตรปิฎกว่าการจะพูดสิ่งใดนั้นต้อง

(๑) เป็นความจริง
(๒) พูดเป็นปิยวาจา
(๓) พูดถูกกาละเทศะ
(๔) พูดแล้วเกิดประโยชน์ วจีสุจริต
ตามที่ตรัสสอนนี้อาจเรียกว่าเป็นการพูดเชิงยุทธศาสตร์ก็ได้
เพราะมุ่งที่การเกิดประโยชน์ ไม่ใช่สักแต่ว่าเป็นความจริงก็พูด
(อย่าว่าแต่เอาความไม่จริงไม่พูดเลย)
ถึงเป็นความจริงถ้าไม่ถูกกาละเทศะก็ไม่พูด
เพราะพูดเพื่อให้เกิดประโยชน์ไม่พูดเพื่อความสะใจ
หรือเพื่อระบายอารมณ์หรือเพื่อทำร้ายคนอื่น ฯลฯ
วจีสุจริตจึงเป็นเรื่องทำได้ยาก
เพราะคนส่วนใหญ่มีอารมณ์และพูดตามอารมณ์
วจีสุจริตต้องมีสติกำกับจึงจะทำได้
ต่อไปนี้คือการมองประเทศไทย ๒๕๕๓ เชิงยุทธศาสตร์
๑. ประเทศไทยมีปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่มีใครแก้ปัญหาได้
โดยไม่แก้โครงสร้าง ในรอบ ๑๐๐ ปี
ที่ผ่านมามีความพยายามที่จะทำอะไรดี ๆกันมากพอสมควร
แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาพื้นฐานได้ ปัญหาพื้นฐานคือ
ความยากจนและความอยุติธรรม ความยากจนเกิดจากขาดความเป็นธรรม
ประเทศไทยขาดความเป็นธรรมทุกทาง
ทั้งทางเศรษฐกิจ ทางสังคม ทางกฎหมาย
ทางการเมืองการปกครอง
การขาดความเป็นธรรมเกิดจากโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรม
ปัญหาเชิงโครงสร้างส่งผลแรงมากและแก้ไขได้ยาก
การพยายามแก้ปัญหาต่าง ๆ
โดยไม่แก้โครงสร้างนั้นไม่ได้ผลจีรังยั่งยืน
ส่งผลให้คนไทยขัดแย้งกันมากขึ้นจนมาถึง
ปากเหวที่อาจเกิดความรุนแรงนองเลือด
ท่ามกลางปัญหาที่ซับซ้อนและยากนี้ ไม่มีรัฐบาลใด ๆ ที่จะแก้ปัญหาได้
รวมทั้งรัฐบาลทักษิณที่มีนายกรัฐมนตรี
ที่มีอำนาจมากที่สุดก็ไม่สามารถสร้างสังคมสันติสุขได้
ฉะนั้นจึงไม่ควรคาดหมายว่ารัฐบาลใด ๆ จะแก้ปัญหาได้
แต่คนไทยทุกภาคส่วนควรทำความเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้างและใช้วิกฤต
ให้เป็นโอกาสที่จะก้าวข้าม (Transcend) ความขัดแย้งไปสู่จุดลงตัวใหม่
โดยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ๒. สี่ก๊กค้ำยันกันไม่มีใครกินรวบได้
สภาพการต่อสู้ทางการเมืองระดับบนเหมือนสงคราม ๔ ก๊ก
ซึ่งค้ำยันกันไม่มีก๊กใดก๊กหนึ่งกินรวบได้ คือ
(๑) ก๊กกองทัพ ก๊กกองทัพมีอำนาจทางการเมืองมานาน
แต่ปัจจุบันการรัฐประหารทำได้ยากและไม่ควรทำ
จะมีคนต่อต้านมากและปกครองไม่ได้
แต่ก๊กนี้ก็มีอำนาจทางการเมืองมาก
(๒) ก๊กคุณทักษิณ (ก๊กสีแดง)
เป็นก๊กที่มีพลังและอิทธิฤทธิ์มาก

เคยถืออำนาจรัฐสูงสุดและใช้อำนาจมาก
แต่ในสังคมสมัยใหม่ที่ซับซ้อน
การใช้อำนาจอย่างเดียวไม่สามารถฝ่าความเสียดทา

ไปสร้างสังคมสันติสุขได้ เพราะเกิดแรงต้าน
แรงต้านที่แรงที่สุดมาจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ทำให้คุณทักษิณไม่สามารถกินรวบได้
การพลาดไปทั้ง ๆ ที่มีโอกาสสูงทำให้กลับมามีอำนาจอีกได้ยาก
แต่ก็ทรงพลังอย่างยิ่งที่จะต่อต้านก๊กอื่น ๆ ไม่ให้กินรวบได้
(๓) ก๊กพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (ก๊กสีเหลือง)
ก๊กนี้เกิดขึ้นเพื่อต่อสู้ไม่ให้คุณทักษิณกินรวบ
เป็นการรวมพลังของประชาชนที่แข็งแรงที่สุดที่ทำให้
คุณทักษิณแม้ทรงอานุภาพเพียงใดก็อ่อนกำลังและเพลี่ยงพล้ำลงได้
แต่ก๊กนี้ก็มีศัตรูดังที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำถูกลอบยิงเพื่อสังหาร
พันธกิจของก๊กเหลืองคงจะเพื่อป้องกันคุณทักษิณกลับมามีอำนาจ
มากกว่าตัวเองจะเข้าไปมีอำนาจทางการเมืองเสียเอง
(๔) ก๊กประชาธิปัตย์และพันธมิตรพรรคการเมืองที่ไม่ใช่ทักษิณ นำโดย
คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก๊กนี้ถืออำนาจรัฐอยู่ในปัจจุบัน
ที่ต้องอาศัยความสนับสนุนจากเครือข่ายที่ไม่เอาทักษิณ
รัฐบาลต้องประสบการต่อต้านจากก๊กแดงทุก ๆ ทาง
ซึ่งทำให้บริหารบ้านเมืองได้ยาก และไม่สามารถปกครองบางพื้นที่ได้
ทั้ง ๔ ก๊กค้ำยันกันอยู่ไม่มีก๊กไหนกินรวบได้ ในสภาพอย่างนี้ข้อเสียก็คือ
ทำให้พัฒนาบ้านเมืองได้ยาก ข้อดีก็คือไม่มีก๊กใดก๊กหนึ่งกินรวบได้หมด
ถ้ากินรวบได้หมดก็จะไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง
ซึ่งก็จะวิกฤตอีก ในสภาพการค้ำยันกัน ๔ ฝ่าย
ถ้าสามารถป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงนองเลือดได้
หน้าต่างแห่งโอกาสอาจเปิดที่ทำให้แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้ด้วยสันติวิธี
ฉะนั้นเรื่องเฉพาะหน้าที่สำคัญที่สุดคือ ป้องกันความรุนแรงนองเลือด
๓. ภารกิจเฉพาะหน้าที่สำคัญที่สุดคือ ป้องกันความรุนแรงนองเลือด
หากเกิดความรุนแรงนองเลือด
กองทัพก็คงจะเข้ามาปราบจลาจลและยึดอำนาจเกิดการปกครองแบบเผด็จการ
แต่ก็จะไปไม่รอด เพราะประชาชนจะรวมตัวกันต่อสู้
บ้านเมืองจะประสบความยุ่งยากและถอยหลังไปอีกนาน
ฉะนั้นภารกิจเฉพาะหน้าที่สำคัญที่สุดของทุกฝ่ายคือ
การป้องกันความรุนแรงนองเลือด

ไม่ควรจะมีใครที่คิดจะมีอำนาจ
โดยตั้งใจก่อเหตุการณ์ให้มีผู้เสียชีวิต

ชีวิตแต่ละชีวิตมีค่ามาก
ไม่ควรจะมีใครคิดให้มีคนตายเพื่อปูทางไปสู่อำนาจ

เพราะจะบาปมากและไม่มีทางทำได้สำเร็จ
ในสภาพที่ยากและค้ำยันกันอยู่นี้ไม่มีก๊กใดจะทำได้สำเร็จ
โดยใช้ความรุนแรงโค่นล้มก๊กอื่น
มีแต่สันติวิธีเท่านั้นที่จะทำให้ทะลุความติดขัดที่ยากนักหนาไปได้
ไปดูเถอะอินเดียได้อิสรภาพเพราะ
การต่อสู้ด้วยสันติวิธีที่นำโดยมหาตมะคานธี

แอฟริกาใต้พ้นจากความติดขัดแห่งการปกครองแบ่งแยกผิวได้
โดยสันติวิธีที่นำโดยเนลสัน แมนเดลา สหรัฐอเมริกามาถึง
จุดที่คนผิวดำอย่างโอบามาเป็นประธานาธิบดีได้เพราะ
กระบวนการต่อสู้ด้วยสันติวิธีของคนดำที่นำโดยมาร์ติน ลูเธอร์คิง
คนไทยทั้งปวงควรทำความเข้าใจว่า
เราไม่มีทางออกจากสภาพวิกฤตสุด ๆ

ด้วยความรุนแรงและต้องช่วยกันทุกวิถีทาง
ที่จะป้องกันความรุนแรงนองเลือด

เพื่อจะให้เวลาประเทศไทยในการหาทางออกด้วยสันติวิธี
ถ้ารัฐบาลไม่เป็นผู้ใช้ความรุนแรงเสียเองก็จะไม่รุนแรง
แต่ถ้าเป็นความรุนแรงโดยรัฐ (State violence) ก็จะรุนแรง
ลองทบทวนประวัติศาสตร์ของความรุนแรงดูเถิดครับ
จะพบความรุนแรงโดยรัฐ

ทุกฝ่ายควรสนับสนุนและร่วมมือกับรัฐบาลที่ไม่ใช้ความรุนแรง
และช่วยกันสอดส่องป้องกันและระงับความรุนแรง
ประเทศไทยต้องดำเนินไปบนสันติวิธี
๔. การทำงานเชิงรุกของนายกรัฐมนตรีในปี ๒๕๕๓
ในปี ๒๕๕๒ เนื่องจากยุทธการป่วนบ้านป่วนเมือง
รัฐบาลต้องทำงานในเชิงตั้งรับในปี ๒๕๕๓
ถ้าสามารถป้องกันความรุนแรงนองเลือดดังกล่าวในข้อ ๓
นายกรัฐมนตรีน่าจะสามารถทำงานเชิงรุกได้ เช่นใน ๘ ประเด็นดังต่อไปนี้
(๑) สร้างกลุ่มทำงานยุทธศาสตร์ของนายกรัฐมนตรีหรือ PMDS
(Prime Minister Delivery System)
รัฐบาลต่างๆ ไม่มีเครื่องมือทำงานให้เห็นผลโดยรวดเร็ว จาก ครม.
หรือจากความริเริ่มของนายกรัฐมนตรีก็ส่งไปให้กระทรวงที่เกี่ยวข้อง
กระทรวงเป็นกลไกทางดิ่งและแยกส่วนไม่มีประสิทธิภาพในการทำงานให้ได้ผล
ยากที่จะเกิดความสำเร็จ นายกรัฐมนตรีต้องมี
ทีมนักทำงานทางยุทธศาสตร์ที่มีความสามารถสูง
ทำงานในเรื่องที่ต้องการผลสำเร็จสูง ให้สำเร็จเป็นเรื่องๆ ไป
มิฉะนั้นถึงมีความคิดดีก็ไม่เกิดผล
(๒) ยุทธศาสตร์การสื่อสาร ประเทศมีเครื่องมือสื่อสารมาก
แต่ขาดยุทธศาสตร์การสื่อสาร
ถ้าสามารถสื่อสารให้คนไทยรู้ความจริงโดยทั่วถึง ใช้ความรู้ ใช้เหตุผล
และประชาชนสามารถเป็นผู้สื่อสารเอง
จะเป็นการปฏิวัติประชาธิปไตยและสร้างความเป็นพลเมืองที่มีส่วนร่วม
ในการพัฒนาประเทศอย่างมีคุณภาพและสร้างสังคมสันติสุขได้
(๓) ยุทธศาสตร์ฐานพระเจดีย์ สร้างสวรรค์บนดินใน ๗๖,๐๐๐ หมู่บ้าน ๗,๖๐๐ ตำบล
ความล้มเหลวของประเทศไทยในทุกด้านเกิดจากการสร้างพระเจดีย์จากยอด
ไม่มีพระเจดีย์องค์ใดสร้างสำเร็จจากยอด เพราะอะไรที่ไม่มีฐานก็จะพังลงๆ
ประเทศไทยพัฒนาทุกอย่างจากยอด ใช้อำนาจจากบนลงล่าง (Top down)
จึงไม่สำเร็จ ฐานพระเจดีย์ของสังคมคือชุมชนท้องถิ่น
เรามีหมู่บ้านทั้งหมดประมาณ ๗๖,๐๐๐ หมู่บ้าน และประมาณ ๗,๖๐๐ แห่ง
ไม่เป็นการยากเลยที่จะส่งเสริมให้ทุกหมู่บ้าน
และตำบลเข้มแข็งทุกด้านอย่างบูรณาการ

หมู่บ้านและตำบลที่มีการพัฒนาอย่างบูรณาการ
จะมีสุขภาวะประดุจสวรรค์บนดิน

เมื่อฐานของสังคมเข้มแข็งและสงบสุข
ก็จะรองรับให้สังคมทั้งหมดหายวิกฤต

ประชาธิปไตยชุมชนท้องถิ่นจะทำให้
ประชาธิปไตยระดับชาติมีคุณภาพและมั่นคง

(๔) ยุทธศาสตร์สังคมเข้มแข็งและนวัตกรรมทางสังคม
โครงสร้างของประเทศที่ภาครัฐมีอำนาจมาก (รัฎฐานุภาพ)
ภาคเงินมีอำนาจมาก (ธนานุภาพ) แต่ภาคสังคมอ่อนแอ
เป็นโครงสร้างที่เสียศูนย์และไม่สามารถทำให้เกิดความเป็นธรรมได้
ต้องส่งเสริมภาคสังคมให้มีอำนาจมาก (สังคมานุภาพ)
โดยรวดเร็ว มิฉะนั้นทำอย่างไร ๆ

ความเป็นธรรมก็ไม่เกิดและประเทศไม่หายวิกฤต
ทั้งนี้โดยสนับสนุนให้มีการรวมตัวร่วมคิดร่วมทำในทุกพื้นที่

ในทุกองค์กร และในทุกเรื่อง ซึ่งจะทำให้เกิดสังคมทางราบหรือประชาสังคม
ซึ่งจะเป็นปัจจัยให้เศรษฐกิจดี การเมืองดี และศีลธรรมดี
ควรส่งเสริมนวัตกรรมทางสังคม และนวัตกรรมเพื่อสังคม

(๕) ยุทธศาสตร์ความโปร่งใสและขจัดคอร์รัปชั่น
ปัญหาคอรัปชั่นเป็นเหมือนมะเร็งที่กัดกินประเทศไทย

คนไทยต้องร่วมกันขจัดคอรัปชั่นให้ได้
รัฐบาลต้องทำให้เกิดความโปร่งใสในการบริหารราชการแผ่นดิน
ที่สาธารณะสามารถตรวจสอบได้

สนับสนุนให้สื่อมวลชนสามารถทำข่าวเชิงสืบสวนได้
สร้างความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างระบบราชการกับระบบการเมือง

นำระบบราชการออกจากการครอบงำโดยสิ้นเชิงจากนักการเมือง
สนับสนุนความเข็มแข็งของ ปปช.

ภาคประชาชนอย่างจริงจัง ถ้ารัฐบาลไม่เอาจริง
ปัญหาคอรัปชั่นจะล้มรัฐบาลทุกรัฐบาล

(๖) ยุทธศาสตร์ผนึกประเทศอาเซียนและเตรียมตัวโลกเปลี่ยนขั้ว
ถ้าประเทศอาเซียน ๑๐ ประเทศ

ผนึกกันจะมีประชากรเป็น ๒ เท่าของสหรัฐอเมริกา
ประเทศไทยอยู่ตรงศูนย์กลางอาเซียน

ควรมีบทบาทนำในการผนึกอาเซียน
ประเทศจีนกำลังเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นสัญญาณบ่งว่า

กำลังจะเกิดขั้วเอเซียซึ่งมีขนาดใหญ่มาก
เปลี่ยนแปลงจากการที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นศูนย์กลางของโลกอยู่เพียงขั้วเดียว

การที่โลกเปลี่ยนขั้วนี้จะมีผลกระทบมหาศาลทุก ๆ
ทาง ประเทศไทยควรรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่
ประดุจการเคลื่อนของเทคโทนิคเพลตนี้

เพื่อป้องกันผลกระทบทางลบ และเพิ่มประโยชน์ทางบวก
ประเทศไทยต้องผนึกกำลังคนจากสาขาต่างๆ

ทำยุทธศาสตร์ชาติในการวางตำแหน่งประเทศไทย ?(Positioning)
ในภูมิศาสตร์การเมืองและเศรษฐกิจอย่างที่ทำให้ประเทศไทยเข็งแรง
เป็นผู้ใหญ่ได้ประโยชน์มหาศาล และช่วยประเทศอื่นๆ อย่างน้อยในภูมิภาคนี้
ให้มีความก้าวหน้าและสันติสุข ถ้าเราเป็นผู้ใหญ่อย่างนี้
เรื่องฮุนเซนก็จะกลายเป็นเรื่องเด็กเล็กที่เกเร ซึ่งจะหมดไปกับความเป็นอนิจจัง
(๗) ยุทธศาสตร์จิตสำนึกใหม่ ความยุติธรรม และสันติภาพ
จิตสำนึกเก่าที่เล็กและคับแคบเป็นปัญหาทั้งของไทยและของโลก
ที่นำมนุษย์มาสู่วิกฤตการณ์จิตเล็กทำให้มองใกล้ใจแคบ

เกิดความขัดแย้งและรุนแรง ในขณะที่จิตใหญ่ทำให้มองไกลใจกว้าง
ทำให้เป็นไปเพื่อการอยู่ร่วมกันด้วยสันติ
จึงควรมีการปฏิวัติจิตสำนึก
ความยุติธรรมเป็นเครื่องทำให้อยู่ร่วมกันด้วยสันติ

ประเทศต้องปฏิรูประบบความยุติธรรม
สันติภาพเป็นทุนและผลอันยิ่งใหญ่ของการพัฒนา

ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างโลกตะวันตกกับโลกอิสลาม
ถ้าประเทศไทยตั้งรับจะถูกดึงเข้าไปสู่ความขัดแย้ง
ซึ่งเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวง

จึงควรปรับยุทธศาสตร์เป็นรุกเพื่อสันติภาพ
ควรรวมตัวกันสร้างสมรรถนะ

เรื่องสันติสุขและตั้งเป้าให้ประเทศไทย
เป็นมหาอำนาจด้านสันติภาพ

(๘) ยุทธศาสตร์การเงินการคลังเพื่อการพัฒนา
ประเทศไทยตกอยู่ในสภาพแก้ปัญหาเก่าไม่ได้

และปัญหาใหม่อันซับซ้อนโถมถั่งเข้ามา
กลไกการทำงานแบบเดิมๆ

ของประเทศไม่มีกำลังพอ
หรือกลับเป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาทั้งเก่าและใหม่

ทำให้ไทยวิกฤตสุดๆ อย่างในปัจจุบัน
มีความจำเป็นที่จะแสวงหากลไกใหม่ๆ

ในการแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศ
กลไกการเงินการคลังมีพลังมหาศาล

ยุทธศาสตร์การเงินการคลังเพื่อ
การพัฒนาจะทำให้เราก้าวพ้นข้อจำกัด (Transcend)

ทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เป็นไปได้
เพื่อนำประเทศออกจากวิกฤตไปสู่การลงตัวในระนาบใหม่

ที่กล่าวข้างต้น ๘ ประการไม่ได้ครอบคลุมเรื่องที่ควรทำทั้งหมด
แต่ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นทิศทางใหม่ประเทศไทย
บนสันติวิถี
ที่จะดึงคนไทยทุกภาคส่วนเข้ามาถักทอ
สร้างจินตนาการใหม่ สร้างจิตสำนึกใหม่

สร้างโครงสร้างใหม่
สร้างสมรรถนะใหม่เพื่อการพัฒนาอย่างมีดุลยภาพ

ดุลยภาพทำให้เกิดปรกติสุขและความยั่งยืนโลกวิกฤต
เพราะการพัฒนาที่ขาดดุลยภาพทุก ๆ ด้าน
ร่วมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม
ดังกรณีปัญหาโลกร้อนที่กำลังคุกคามสรรพชีวิตบนพื้นพิภพ
การพัฒนาอย่างมีดุลยภาพ
จึงมิได้สำคัญเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น

แต่สำคัญสำหรับโลกด้วย
ถ้ามนุษยชาติจะอยู่รอดได้

ระบบสังคมที่มีดุลยภาพ
มีความละเอียดอ่อนในทุกมิติ ไม่สามารถสร้างได้

โดยการโค่นล้มหรือยึดอำนาจ
เพราะถึงยึดอำนาจได้ก็ทำไม่เป็น

แนวทางที่เสนอมานี้คือ
การเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานเพื่อไปสู่สิ่งใหม่ที่ดี

ด้วยการเรียนรู้ร่วมกันใน
การปฏิบัติด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์

เพื่อให้เกิดสมรรถนะใหม่ โครงสร้างใหม่
และความสามารถในการทำให้
โครงสร้างใหม่ทำงานได้อย่างราบรื่น

และมีคุณภาพพร้อมกันไปในตัว
ผมขอฝากไว้ให้คนไทยพิจารณาด้วยใจอย่างใคร่ครวญ