Custom Search

Apr 1, 2011

คิดถึงคุณหมอสงวน


มติชน
นายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน
วันที่ 01 เมษายน พ.ศ. 2554

http://teetwo.blogspot.com/2009/02/blog-post_05.html


เผลอแพล็บเดียว คุณหมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์
ถึงแก่กรรมไปกว่าสามปีแล้ว


คุณ หมอสงวน เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 55 ปี เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2551
ได้อุทิศร่างกายเพื่อให้นักศึกษาแพทย์ที่คณะแพทยศาสตร์ รามาธิบดี
ใช้ศึกษากายวิภาคศาสตร์
และกำหนดวันพระราชทานเพลิงศพในวันเสาร์ที่ 2 เมษายน นี้
ที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์


ผลงานชิ้นสำคัญที่คุณหมอสงวนได้สร้าง ไว้ให้แก่ประชาชนชาวไทย
คือการผลักดันและพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจนสำเร็จ
ส่งผลอันเป็นคุณูปการแก่สังคมไทยคือ แม้โดยธรรมชาติทุกคนจะต้องเจ็บไข้ได้ป่วย
และค่ารักษาพยาบาลก็แพงขึ้นเรื่อยๆ
แต่ประชาชนคนไทยทุกคนไม่ต้องห่วงพะวงเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแล้ว

แต่ ก่อน มีประชาชนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะที่ยากจน
เมื่อเจ็บป่วย นอกจากต้องทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บแล้ว
ยังไม่มีหลักประกันว่าจะมีเงินพอเป็นค่ารักษา มีคนจำนวนไม่น้อยต้องขายทรัพย์สิน เช่น
วัว ควาย ไร่ นา บางคนต้องขายแม้แต่ลูกสาว
เพื่อแลกเงินมาเป็นค่ารักษาตัว ทุกปีจะมีประชาชนถึงหนึ่งในสาม
ที่ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะป่วยเป็นโรคร้าย
และต้องใช้เงินค่ารักษาราคาแพง แต่บัดนี้ปัญหาดังกล่าวไม่ควรจะเกิดขึ้นในสังคมไทยแล้ว

ในการผลัก ดันระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
จนเกิดเป็นพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 นั้น
มีงานสำคัญสองอย่างที่คุณหมอสงวนยังผลักดันไม่สำเร็จ เรื่องแรกคือ การรวม 3 กองทุน
ได้แก่ สวัสดิการข้าราชการ ประกันสังคม และบัตรทอง เข้าด้วยกัน
เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม (Equity)
คุณภาพ (Quality)
และประสิทธิภาพ (Efficiency)
และเรื่องที่สองคือ การสร้างหลักประกัน
เพื่อคุ้มครองความเสียหายของผู้รับบริการให้สมบูรณ์ คือ
มีการจ่ายชดเชยค่าเสียหายที่มากพอเพียง และครอบคลุมประชาชนคนไทยทุกคน


ในเรื่องแรก คุณหมอสงวนและคณะสามารถผลักดันได้เพียงกำหนด
เป็นเจตนารมณ์ไว้อย่างชัดเจนใน กฏหมายดังกล่าว
และเปิดทางให้สามารถดำเนินการได้ในอนาคตโดยเพียงออกเป็นพระราชกฤษฎีกาเท่า นั้น

อันที่จริง หลักการเรื่องให้ประชาชนมีสิทธิในทั้ง 3 กองทุน
มีความเท่าเทียมกัน โดยได้รับบริการที่มีคุณภาพและมีระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
เป็นหลักการพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย
และเป็นหลักการที่ส่งเสริมระบบคุณธรรมจริยธรรมของวิชาชีพทั้ง
แพทย์ พยาบาล และบุคลากรอื่น ให้บริการด้วย “หัวใจของความเป็นมนุษย์”
(Humanized health care)
ตามอุดมการณ์แห่งวิชาชีพ ที่กำหนดไว้ชัดเจน
ในข้อบังคับจริยธรรมแห่งวิชาชีพของทุกวิชาชีพว่า

จะให้การดูแลรักษาทุกคนอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกฐานะ
เชื้อชาติ ศาสนา ความเชื่อทางการเมืองหรืออื่นๆ แต่ ณ ปัจจุบัน
ทุกคนต้องพากันเหยียบย่ำจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพดังกล่าว
ด้วยการถูกกำหนดให้ถาม คนไข้เป็นคำถามแรกๆ ว่า “ใช้สิทธิอะไร”

ตอนที่ผลักดันเรื่องนี้ใน ขั้นตอนการออกกฎหมาย
ผู้มีอำนาจหน้าที่ในเรื่องสวัสดิการข้าราชการและประกันสังคมออกโรงคัดค้าน
และขัดขวางอย่างเต็มที่จนไม่สามารถสร้างความเท่าเทียมได้สำเร็จ
แต่คุณหมอสงวนมิได้ยอมแพ้

และได้พัฒนางานในส่วนของตนคือระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทอง
จนสามารถให้สิทธิประโยชน์แซงหน้าทั้งสองกองทุน
โดยเฉพาะคือระบบประกันสังคม จนบัดนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า
ประกันสังคม มีปัญหารุนแรงทั้งเรื่องความไม่เป็นธรรมที่เป็นกองทุนเดียวที่บังคับเก็บ
เงินค่าประกันสุขภาพจากผู้ประกันตน แต่ให้สิทธิประโยชน์น้อยกว่าบัตรทอง
และใช้เงินแพงกว่าหรือประสิทธิภาพต่ำกว่ามากด้วย

ส่วนระบบสวัสดิการ ข้าราชการ ก็มีปัญหาเรื่องใช้เงินแพงลิบลิ่ว
ขณะที่สิทธิประโยชน์หลายอย่างน้อยกว่าบัตรทอง และยังมีเรื่องการทุจริต
รวมทั้งปัญหาแพทย์บางคนไร้จรรยาบรรณที่รับสินบลทางตรงหรือทางอ้อมจากการสั่ง
ตรวจรักษา หรือออกมาให้ความเห็นสนับสนุนการจ่ายยา
หรืออุปกรณ์ราคาแพงหรือที่ไม่มี ประโยชน์หรือไม่คุ้มค่าอีกด้วย

เป็นภาระที่คนที่อยู่ข้างหลังคือพวก เรา จะต้องช่วยกันแก้ไขต่อไป

สำหรับ เรื่องการคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข
ซึ่งปัจจุบันมาตรา 41 แห่ง พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545
ให้ความคุ้มครอง เฉพาะผู้มีสิทธิ์บัตรทอง ไม่ครอบคลุมประกันสังคมและข้าราชการ
และจ่ายเฉพาะ “ค่าเสียหายเบื้องต้น” เท่านั้น
ภาคประชาชนได้มีการเสนอกฎหมายขยายสิทธิ์ครอบคลุมคนไทยทุกคน
และให้จ่าย “ค่าชดเชยเบื้องต้น”

แก่ผู้เสียหายด้วย กฏหมายดังกล่าวรัฐบาลก็เห็นชอบ
และ สส.หลายคนก็เสนอร่างกฏหมาย

เข้าประกบจ่อรอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทน ราษฎรแล้ว
น่าเสียดายที่รัฐบาลไม่มีความกล้าหาญเพียงพอที่จะผลักดันจนสำเร็จ
ทั้งๆ ที่ประกาศเป็นนโยบายอย่างชัดเจนแล้ว

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน นี้ สรีระของคุณหมอสงวนก็จะกลายเป็นเถ้าถ่านแล้ว
และไม่นานผู้คนส่วนใหญ่ก็จะลืมไปแล้วว่า คุณหมอสงวนคือใคร
ทำอะไรไว้ให้สังคมไทยบ้าง
แต่หวังว่าดวงวิญญาณของคุณหมอสงวน
จะยังอยู่ในหัวใจของคนบางคน ตามบทเพลงแสงดาวแห่งศรัทธา
ที่เป็นเพลงในดวงใจของคุณหมอสงวน ที่ว่า

ดาวศรัทธายังส่อง แสงเบื้องบน

ปลุกหัวใจปลุกคน อยู่มิวาย