Custom Search

Apr 7, 2011

“เป็นประธานาธิบดีก็ติดคุกได้”


อาหารสมอง

วีรกร ตรีเศศ

มติชนรายสัปดาห์

วันที่ 05 เมษายน พ.ศ. 2554


เมื่อ ปลายเดือนมีนาคม 2011
ศาลตัดสินจำคุกอดีตประธานาธิบดีอิสราเอลเป็นเวลา 7 ปี
ในข้อหาข่มขืนและละเมิดทางเพศหญิงหลายคน
คนอิสราเอลและชาวโลกเรียกได้ว่า ช็อกกับข่าวนี้
เพราะอิสราเอลเป็นประเทศแห่งความสนใจของคนทั่วโลก
และยังไม่เคยมีอดีตประธานาธิบดีที่ติดคุกเหมือนเกาหลีใต้
การตัดสินครั้งนี้แสดงให้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายอิสราเอล

Moshe Katsav อดีตประธานาธิบดีผู้นี้เป็นยิวที่เกิดในอิหร่าน
อพยพมาอิสราเอลเมื่ออายุ 5 ขวบ ในปี ค.ศ.1951
ทั้งครอบครัวต้องอาศัยอยู่ในเต็นท์ของผู้อพยพเป็นเวลา 2 ปี
ครั้งหนึ่งโดนน้ำท่วมหนักจนเขาต้องเสียน้องชายวัย 2 เดือนไป
ครอบครัวมีชีวิตดีขึ้นเมื่อได้มาอยู่ในกระท่อมชั่วคราวอีก 5 ปี

Katsav เรียนจบมหาวิทยาลัยด้านศิลปะและเศรษฐศาสตร์
และเข้าเป็นสมาชิกพรรคฝ่ายขวา Likud Party
เมื่ออายุ 24 ปี ก็ได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง
ต่อมาเมื่ออายุ 31 ปี ก็ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
และในเวลาต่อมาอีก 4 ปี ก็ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงโยธาธิการ
ตามด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม
และรองนายกรัฐมนตรีพร้อมกับเป็น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ระหว่างปี 1996-1999

ในปี 2000 เขาพลิกล็อกชิงชัยได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอิสราเอล
โดยการลงคะแนนเสียง ของสมาชิกรัฐสภาด้วยคะแนน 63 กับ 57
เอาชนะนาย Shimon Peres ตัวเก็งอดีตนายกรัฐมนตรีไปได้ 6 แต้ม
และได้คะแนนเกินกว่ากึ่งหนึ่งเพียง 2 คะแนน Katsav
ได้เป็นประธานาธิบดีคนแรกที่มีเทอมยาวถึง 7 ปี
และเป็นประธานาธิบดีจากพรรคฝ่ายขวาคนแรกอีกด้วยนับตั้งแต่ตั้งประเทศเมื่อปี 1948

ประธานาธิบดีอิสราเอลทำหน้าที่ผู้นำประเทศแต่ในนาม
ไม่มีอำนาจอะไรนอกเหนือจากพิจารณาลดโทษผู้ต้องคำพิพากษา
งานส่วนใหญ่คือต้อนรับแขกต่างประเทศ เป็นประธานในงานพิธีต่างๆ
สิ่งที่ประชาชนมีความทรงจำเกี่ยวกับเขาในช่วงเวลานี้ก็คือการทวงสมบัติของ
ยิวคืนจากสมเด็จพระสันตะปาปาที่วาติกัน
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 2,000 ปีก่อน
และการนั่งติดกับประธานาธิบดี Khatami ของอิหร่าน
ในงานพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปา John Paul II
ในปี 2005 Katsav เล่าในสาธารณะว่าเขาจับมือและ
คุยกับประธานาธิบดีอิหร่านด้วยภาษาเปอร์เซีย
ที่เขายังไม่ลืม แต่ต่อมาประธานาธิบดี Khatami
ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ในเวลาอีกไม่นานต่อมา
ประชาชนก็เริ่มจำเรื่องเกี่ยวกับตัวเขาได้แม่นยำขึ้นทุกที
เรื่องก็มีอยู่ว่าในเดือนกรกฎาคม ปี 2006
เขาปรารภกับอัยการสูงสุดของอิสราเอลว่าเขากำลังถูกแบล็กเมล์โดยลูกน้อง
ผู้หญิงของเขาคนหนึ่ง เมื่ออัยการสูงสุดไปสืบสวนต่อก็พบว่า
เรื่องมันเป็นไปในทางตรงกันข้าม
(ประธานาธิบดีกินปูนร้อนท้อง ต้องรีบออกมาพูดกันไว้ก่อนว่ากำลังถูกแบล็กเมล์)
แท้จริงแล้ว Katsav เป็นผู้ปลุกปล้ำข่มขืนลูกน้องสาว
และพบอีกว่าไม่ใช่เพียงรายเดียว
เขาได้ทำกับหญิงสาวถึง 10 คน

เรื่องบานปลายเมื่อตำรวจบุกค้นบ้าน ประธานาธิบดี
(ใช่ครับค้นบ้านประธานาธิบดี)
ในเดือนต่อมาพร้อมกับยึดคอมพิวเตอร์และเอกสารไป
สื่อเริ่มเรียกร้องให้เขาลาออก
ซึ่งใกล้เคียงกับวันที่รัฐมนตรียุติธรรมลาออกในคดีที่คล้ายคลึงกัน
คนอิสราเอลตกตะลึงว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายผู้ทรงเกียรติ 2 คนนี้

ที่ จริงไม่ต้องตะลึงหรอก เพราะมนุษย์ผู้ชายถูกฝังชิพมาโดยธรรมชาติ
ให้เป็นผู้ผลิตลูก (procreate) เพื่อแพร่พันธุ์มนุษย์
ดังนั้น ผู้ชายกับการมีเซ็กซ์จึงเป็นของคู่กันมาชั่วฟ้าดินสลาย
ผู้ชายสามารถมีเซ็กซ์กับผู้หญิงได้ในทุกเวลา ทุกฤดูกาล
โดยไม่ต้องมีความรักแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ดี การศึกษา ความมีวุฒิภาวะ
ความรับผิดชอบ และจริยธรรมได้ขัดเกลาธรรมชาติ
เรื่องเพศของผู้ชายลงไป
แต่กระนั้นก็ตามบ่อยครั้งที่มันผุดขึ้นมาและถูกจับได้

Katsav ถูกสอบสวนโดยตำรวจหลายครั้งในข้อหาข่มขืน
และละเมิดทางเพศกับหญิงถึง 4 คน
คงมีคนสงสัยว่าขนาดระดับประธานาธิบดี
ไม่มีเส้นสายบ้างเชียวหรือในประเทศนี้ มีครับเพราะ
อัยการสั่งฟ้องหลังจากตกลงกับ Katsav
ผู้เป็นจำเลยว่าให้สารภาพและยอมจ่ายเงินชดเชย (plea bargaining)
โดยไม่เอาคดีข่มขืนเข้ามาพิจารณาด้วย

ผลที่เกิดขึ้นก็คือกลุ่มสิทธิ ผู้หญิงและสื่อต่างประโคมข่าวนี้
จนในที่สุดอัยการเปลี่ยนใจหันมาดำเนินคดีตามปกติ Katsav
ซึ่งลาออกก่อนวันที่จะครบเทอมการเป็นประธานาธิบดี 14 วัน
เพื่อให้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่ได้ตกลงกับอัยการไว้ก่อนหน้าการสั่งฟ้อง
ดังกล่าวจึงถูกห้อยโตงเตง
หมดทั้งอำนาจจากการเป็นประธานาธิบดี
และหมดโอกาสที่จะลดข้อหาข่มขืนไป

ในเดือนมีนาคม 2009 Katsav ถูกฟ้องคดีข่มขืน 2 คดี
และละเมิดทางเพศอีกหลายคดี หลักฐานของโจทก์หนักแน่น
ดังนั้น ในปลายปี 2010 ผู้พิพากษา 3 คน เห็นเป็นเอกฉันท์ว่า
เขาผิดข้อหาดังกล่าวจริง รวมทั้งขัดขวางกระบวนการยุติธรรมและขู่บังคับพยานด้วย
ในเดือนมีนาคม 2011 ศาลจึงตัดสินจำคุกเขา 7 ปี
และให้จ่ายเงินชดเชยหญิงทั้งสองเป็นเงินก้อนใหญ่ด้วย

คดีประวัติ ศาสตร์นี้นับว่าโด่งดังในโลก
แต่คำตัดสินจำคุกประธานาธิบดีถูกบดบังด้วยข่าวแผ่นดินไหวและปัญหา
กัมมันตรังสีในญี่ปุ่น ตลอดจนข่าวลิเบียถูกบอมบ์
ในแง่มุมหนึ่งคดีนี้แสดงให้เห็นว่าประชาชนทุกคนเท่าเทียมกันด้วยกฎหมายอันศักดิ์สิทธิ์
และในอีกแง่มุมหนึ่งเป็นความน่าสังเวชใจที่เขาไม่สามารถควบคุมชิบที่ถูกฝัง
ไว้ในร่างกายโดยธรรมชาติเพื่อไม่ให้มนุษย์สูญพันธุ์ได้
เขามิได้ใช้จริยธรรม ความรู้สึกผิดชอบ
และวุฒิภาวะจากตำแหน่งที่สูงส่งเข้าข่มพลังจากธรรมชาตินั้น

เมื่อสมองมันอยู่ผิดที่และเคลื่อนลงต่ำอย่างไม่สมควร
ไม่ว่าชายใดในฐานะสังคมใด ก็อาจเกิดเป็นปัญหาเช่นนี้ขึ้นได้เสมอ





เครื่องเคียงอาหารสมอง :

กัมมันตรังสี อยู่ในทุกแห่งหนอย่างไม่มีวันหลีกเลี่ยงได้
ประเด็นอยู่ที่ปริมาณของการรับของมนุษย์ในช่วงเวลาหนึ่ง
ขอยกตัวอย่างของการได้รับกัมมันตรังสี
(1) กินกล้วย
(2) นอนติดกับมนุษย์คนอื่น
(3) เอ็กซเรย์ฟัน/ปอด/ร่างกาย/สมอง
(4) สูบบุหรี่
(5) อาศัยใกล้โรงงานผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหิน
(6) ท้องฟ้า
(7) พื้นดิน
(8) ร่างกายมนุษย์
(9) หินแกรนิตที่สร้างตึก
(10) นั่งเครื่องบิน ฯลฯ

แต่ ละสถานการณ์มีการปล่อยกัมมันตรังสีออกมาไม่เท่ากัน เช่น กล้วย 0.0001 mSv
(mSv หรือ millisievert คือหน่วยวัดกัมมันตรังสี)
เอ็กซเรย์ปอด ประมาณครั้งละ 6-18 mSv
นอนติดกับมนุษย์คนอื่น 8 ชั่วโมง 0.0005 mSv

จากท้องฟ้าได้รับ 0.24 mSv ต่อปี จากพื้นดิน 0.28 mSv ต่อปี
สูบบุหรี่วันละ 1.5 ซองต่อวัน ได้รับ 13-60 mSv ต่อปี

ปริมาณที่เกินแล้วอาจก่อให้เกิดมะเร็ง คือ 100 mSV ต่อปี
หรือ 100,000 microsievert ต่อปี (1 millisievert =1,000 microsievert)



น้ำจิ้มอาหารสมอง :

If you tell the truth you don"t have to remember anything.

(Mark Twain นักเขียนอเมริกันผู้ยิ่งใหญ่ ค.ศ.1835-1910)

ถ้าคุณพูดความจริง คุณก็ไม่จำเป็นต้องจำอะไรสักอย่าง