วันที่ 06 เมษายน พ.ศ. 2554
http://teetwo.blogspot.com/2010/01/httproundfinger.html
หากจะพูดถึงนักเขียนรุ่นใหม่ที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น "นิ้วกลม" กำลังเป็นแบรนด์นักเขียนที่อินเทรนด์แรงมากทีเดียว
"นิ้ว กลม" เป็นนามปากกาของ "สราวุธ เฮงสวัสดิ์" งานหลักของสราวุธคือเป็นผู้กำกับโฆษณา บริษัทไฟร์เดย์คลับ แต่หลังจากเวลางานเขาก็แปลงร่างเป็น "นิ้วกลม" มีงานเขียนคอลัมน์ถึงเดือนละ 8 ชิ้นด้วยกัน ทั้งในนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, อะเดย์, จีเอ็ม และสุดสัปดาห์
หากจะไล่ชื่อผลงานหนังสือที่วางขายบนแผงของเขา ต้องบอกว่ามีมากมายจนลายตา อย่างเช่น "อิฐ" "โตเกียวไม่มีขา" "กัมพูชาพริบตาเดียว" "เนปาลประมาณสะดือ" "สมองไหวในฮ่องกง" "นั่งรถไฟไปตู้เย็น" "ปอกกล้วยในมหาสมุทร" "ฝนกล้วยให้เป็นเข็ม" "บุกคนสำคัญ" "สิ่งที่ค้นพบระหว่างนั่งเฉยเฉย" ส่วนที่ออกกับสำนักพิมพ์มติชนก็มี "ณ" "อาจารย์ในร้านคุกกี้" "บุกคนสำคัญ" "สิ่งมหัศจรรย์ธรรมดา" และเล่มล่าสุด "ความสุขโดยสังเกต"
แรงไม่แรง ดูกระแสจาก "สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 39 และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 9" ซึ่งเป็นครั้งที่ผ่านมาก็ได้ โดยในบูทของหนังสือพิมพ์มติชน หนังสือของนิ้วกลมจำนวน 5 เล่ม ล้วนแล้วแต่ติดอันดับหนึ่งในสิบหนังสือขายดี อย่าง "ความสุขโดยสังเกต" (พิมพ์ครั้งที่ 2) เป็นหนังสือขายดีอันดับ 1, "สิ่งมหัศจรรย์ธรรมดา" (พิมพ์ครั้งที่ 7) ขายดีเป็นอันดับ 4, "อาจารย์ในร้านคุกกี้" (พิมพ์ครั้งที่ 11) ขายดีเป็นอันดับ 5, "บุกคนสำคัญ" (พิมพ์ครั้งที่ 5) ขายดีเป็นอันดับ 6 และ "ณ" (พิมพ์ครั้งที่ 8) ขายดีติดอันดับ 9
|
ยอดขายรวมทั้ง 5 เล่ม ในงานสัปดาห์หนังสือที่จัดในระยะเวลา 2 สัปดาห์ ก็ปาไปหมื่นกว่าเล่มแล้ว แรงเอาเรื่องจริง ๆ !
แถม วันไหนที่ "นิ้วกลม" ไปงานสัปดาห์หนังสือ เราอาจจะต้องเปลี่ยนไปเรียกเขาว่า "นิ้วเมื่อย" เพราะว่าต้องแจกลายเซ็น ตั้งแต่ตอนเที่ยง ถึงตอนงานเลิกประมาณ 2-3 ทุ่มทุกที
ถามว่า เหนื่อยไหม ? นิ้วกลมตอบด้วยโทนเสียงของคนอารมณ์ดีว่า
"ถ้า บอกว่าไม่เหนื่อย ก็ดูจะโกหกตัวเองไปครับ มันเหนื่อยอยู่แล้ว แต่ตอนเซ็นหนังสือ ผมรู้สึกดีมากเลยครับ คือมันจะรู้สึกทั้งเหนื่อยทั้งรู้สึกดีไปพร้อมกัน งานในบางลักษณะ ตอนที่เราจมอยู่กับมัน มีสมาธิกับมัน สารความสุขจะหลั่งออกมา เราจะรู้สึกสนุกมาก จนลืมความเหนื่อยไปเลย เหมือนอย่างนักฟุตบอล เวลา เตะบอลก็มุ่งมั่นที่จะทำประตูให้ได้ แต่พอกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา นักเตะบางคนจะรู้สึกเหนื่อยมากจนนอนในสนามเลย ผมเองก็เหมือนกัน ตอนเซ็นหนังสือรู้สึกดี แต่พอลุกจากเก้าอี้ที่นั่งในตอนเลิกงาน รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาทันที (หัวเราะ)...
...บอกตามตรงว่า พอเห็นแฟนหนังสือของเราในงานสัปดาห์หนังสือแล้ว รู้สึกช็อกปนดีใจครับ ช็อกที่เยอะมาก ต่อแถวกันยาวเลย แต่ก็ดีใจครับที่มีคนสนใจงานของผมมากขนาดนี้ ทำให้เรามีกำลังใจ อยากจะเขียนให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ผมสังเกตว่า ใน แถวที่รอลายเซ็น คนอ่านหนังสือเราส่วนใหญ่จะมีตั้งแต่เด็กมัธยมศึกษาไล่มาจนถึงกลุ่มคนที่ เริ่มทำงานใหม่ ๆ อายุก็ประมาณ 15 ปีไปจนถึง 30 ปี ก็เป็นคนรุ่นใหม่ครับ แต่จะสรุปว่า นี่คือกลุ่มคนอ่านเราร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ไม่ได้ เพราะผู้ใหญ่อาจไม่สะดวกที่จะมายืนรอคิว แต่ผมดีใจมาก หากมีผู้ใหญ่มา เข้าแถวรอเซ็นหนังสือ ดีใจที่ได้คุยกับพวกเขา"
นอกจากการพบปะแฟนหนังสือที่งานสัปดาห์หนังสือแล้ว ช่องทางในการติดต่อกับนิ้วกลมที่สำคัญก็ได้แก่ เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์...
"ใน เฟซบุ๊กของผมที่ใช้ชื่อว่า "Roundfinger" ผมเอาไว้คุยกับแฟนหนังสือของผม ตอนนี้มีคนเข้ามาประมาณ 4 หมื่นกว่าคนแล้ว ส่วนในทวิตเตอร์ ผมจะมีอยู่ 2 บัญชี อันแรกคือ @RoundPoetry อันนี้ใช้เขียนบทกวีสั้น ตอนนี้ก็เอาสิ่งที่เขียนไว้ในนี้ รวมเล่มเป็นหนังสือ "สิ่งที่ค้นพบระหว่างนั่งเฉยเฉย" ส่วนอีกบัญชีหนึ่งชื่อว่า @roundfinger อันนี้เอาไว้พูดคุยทั่วไป ชวนคนที่ติดตามเราในทวิตเตอร์ทำนั่นนี่ อย่างเช่น ช่วยกันคิดคำขวัญท้ายรถ หรืออย่างเช่น ถ้าแม่ค้าหรือคนรอบตัวเรา เขาอยากจะทวีตบ้าง เขาจะทวีตว่าอะไร ? ก็เป็นที่แลกเปลี่ยนกันสนุก ๆ ตอนนี้ทั้งสองบัญชีมีคนฟอลโลว์ (ติดตาม) ทวีตของเราประมาณแอ็กเคานต์ละ 4 หมื่นคน ส่วนใหญ่จะเป็นคนกลุ่มเดียวกัน"
นิ้วกลมบอกว่า การที่หนังสือของเขาขายดี ไม่ใช่เพราะเขาคนเดียว เครดิตของความสำเร็จนี้ต้องมอบให้กับคนหลายคนที่ช่วยเหลือเขาด้วย
"ที่ เห็นว่าหนังสือขายดี ไม่ใช่เพราะจากการเขียนของผมคนเดียว ผมว่ามีหลายปัจจัย คล้ายกับที่พี่ตุ้ม หรือที่คนรู้จักกันในชื่อ "หนุ่มเมืองจันท์" เคยบอกไว้ว่า ตัวหนังสือของผมมันให้ความรู้สึกฟีลกู้ด เหมือนกับคนดูหนัง ก็อยากดูเพื่อความบันเทิง พอมาอ่านหนังสือเรา เขาอ่านแล้วรู้สึกดี แต่บางทีก็ได้แฟนหนังสือมาจากกลุ่มอื่นเหมือนกัน อย่างเช่น มีอยู่คนหนึ่งที่เข้ามาขอลายเซ็น เขาซื้องานของเราเป็นชุดเลย เพราะเขาฟอลโลว์เราในทวิตเตอร์ เห็นเราทวีตสนุกดี เวลาเขียนหนังสือก็น่าสนุกด้วย อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ มีคนช่วยผมเยอะ อย่างทางสำนักพิมพ์มติชน พี่ตุ้มและทางสำนักพิมพ์ก็คอยช่วยเหลือ หรือสำนักพิมพ์อื่น อย่าง อะเดย์ อมรินทร์ วงกลม ระหว่างบรรทัด ที่ผมไปออกหนังสือด้วย เขาก็ช่วยเหลือเราเต็มที่ มันทำให้ผมมีกำลังใจในการเขียนงานไปเรื่อย ๆ"
ฟังนิ้วกลมบอกกล่าวแล้ว แฟนหนังสือหลายคนคงจะคิดเหมือนกันว่า กำลังเฝ้ารองานชิ้นใหม่ของนิ้วกลมเช่นเดียวกัน
............
นักสังเกตการณ์ความสุข
http://teetwo.blogspot.com/2011/03/blog-post_637.html
สิ่ง หนึ่งที่สังเกตเห็นในเรื่องเล่าของ"นิ้วกลม" ก็คือ กลิ่นของน้ำหมึกของนิ้วกลมเต็มด้วยแง่มุมของความสุขที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ประจำวันของเขา เรื่องเล่าของนิ้วกลมสามารถหาแง่มุมคิดบวกได้เสมอ ไม่ว่าตัวละครที่เขาเขียนถึงจะเป็นคนขายตั๋วที่โรงหนังไปจนถึงไมเคิล แจ๊กสัน นิ้วกลมเล่าว่า
"ผมชอบสังเกตสิ่งรอบตัว แล้วเก็บมาคิด สิ่งรอบตัวเรา หากสังเกตให้ดี มีความสุขแฝงอยู่ทั้งหมดนั่นแหละ เรื่องความสุข มันเป็น ธีม (theme) ใหญ่ของชีวิต ที่ทุกคนตามหากันเป็นเรื่องปกติ หลายคนอาจจะตามหาความสุขผ่านศาสนา หรืออาจจะผ่านของกิน เพียงแต่ว่า เรามีสติกับมันหรือไม่ อาจจะฟังดูเป็นพุทธมาก แต่อย่างเวลากินลูกชิ้น หรือรสชาติมันเหมือนเดิม แต่หากลองเปลี่ยนวิธีกิน จากการเคี้ยวเร็ว ๆ เป็นค่อย ๆ เคี้ยวเพื่อสัมผัสความอร่อย อาจจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้นจากการกินลูกชิ้นก็ได้...
...เรื่อง บางเรื่อง เวลาเจอสถานการณ์จริง ตอนแรกอาจจะไม่สนุก อาจจะทุกข์ด้วยซ้ำ แต่พอผ่านเหตุการณ์นั้นมา เราก็อาจจะเห็นวิธีคิดอีกแบบหนึ่ง อย่างเช่น มีอยู่วันหนึ่งที่ผมรู้สึกแย่มาก ผมขับรถยนต์แล้วเกิดอุบัติเหตุ ผมไม่เป็นอะไร แต่รู้สึกว่ามันเป็นวันที่ยุ่งเหยิงมาก พ่อแม่ก็มาช่วยดู เรียกประกันภัยให้ พอกลับมาคิดอีกที มุมอีกมุมหนึ่ง มันก็ทำให้เราเห็นความอบอุ่นของครอบครัวที่มาช่วยเหลือเราในวันนั้น"