Custom Search

Jan 6, 2008

เลือกคู่อย่างประหยัด


คอลัมน์ รื่นร่มรมเยศ

เสฐียรพงษ์ วรรณปก

มติชน

6 มกราคม พ.ศ. 2551



อาจารย์ ดร.ทวีรัสมิ์ ธนาคม ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องโภชนาการ
ได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ

"ชีวิตประหยัด" พิมพ์ครั้งที่ 3 เมื่อ พ.ศ.2531

อาจารย์ได้ให้ความหมายของคำว่า ประหยัด
ยกตัวอย่างเรื่องราวให้เห็นชัดเจนเป็นรูปธรรม แจกแจงว่า
การประหยัดทำได้อย่างไรบ้าง

เช่น มีบ้านอย่างประหยัด
แต่งงานอย่างประหยัด
มีเครื่องเรือนเครื่องใช้อย่างประหยัด
กินอย่างประหยัด
มีลูกอย่างประหยัด
เลี้ยงลูกอย่างประหยัด
รักษาสุขภาพอย่างประหยัด.....


ผมสะดุดใจตรงหัวข้อ "เลือกคู่อย่างประหยัด" จึงพลิกๆ อ่านดู
น่าสนใจ จึงขอถอดความมาให้อ่าน
ในสังคมที่ดูท่าจะไม่ประหยัดเรื่องเลือกคู่เลือกขากันสักเท่าไหร่
จนราชบัณฑิตยสถานรวบรวมศัพท์วัยโจ๋ กันหลายคำ เช่น
กิ๊ก เป็นต้นว่าไปทำไมมี Thai - English Dictionary
ของคุณดำเนินและเสฐียรพงษ์ ก็มีคำประเภทนี้อยู่ด้วย
(เรียกว่าไม่ตกเทรนด์ !) เช่น
กิ๊ก click (sound);
playmate,(one"s)boo (sl),
hooking up (sl)


การเลือกคู่อย่างประหยัด
ตำราฝรั่งบอกไว้ว่า ถ้าใช้เกณฑ์ต่อไปนี้
จะอยู่ด้วยกันยืนยาว คือมี
ปรัชญาชีวิตคล้ายคลึงกัน
มีการศึกษาไล่เลี่ยกัน
พื้นเพครอบครัวเดิมไม่ต่างกันมาก
เป็นผู้บรรลุวุฒิภาวะทางอารมณ์
และมีบุคลิกภาพที่กลมกลืนกัน


ผู้เขียน (คืออาจารย์ทวีรัสมิ์) ฟังท่านปัญญานันทะภิกขุ
เมื่อพุทธศักราช 2531 แสดงปาฐกถาว่า
คนที่มีสามัคคีนั้นจะต้องเสียสละเป็น
ฉะนั้นคู่ที่เลือกคงต้องมีคุณธรรมทั้งสองอย่างนี้
และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ
ความเข้าใจในความรู้สึกของอีกฝ่าย
ฝรั่งมีสุภาษิตว่า to understand is to forgive
เมื่อเข้าใจก็ให้อภัยกันได้ ที่เลิกร้างกัน
ทำให้ครอบครัวแตกสลายไปมากมายนั้น
ส่วนใหญ่เนื่องจากความไม่เข้าใจกัน
และไม่ยอมลดทิฐิมานะ

เลือกให้ลูกที่เกิดมาแข็งแรงและไม่มีโรค


เกณฑ์การเลือกคู่ ที่ทั้งสองคนควรจะใช้เป็นอย่างยิ่งคือ
ความมีสุขภาพทางกายและทางจิตสมบูรณ์ทั้งสองฝ่าย
คิดดี ประพฤติชอบ (feels well, thinks well and acts well)
คือเข้ากับผู้อื่นได้ หรืออยู่กับผู้อื่นได้อย่างเป็นสุข
ไม่คิดถึงประโยชน์ส่วนตัว
จนทำให้ส่วนรวมเสียหาย


ที่สำคัญที่สุดคือ ทั้งชายและหญิงควรจะไปตรวจเลือดอย่างน้อย
เพื่อจะดูว่าปราศจากโรคติดต่อทั้งมวล


ผู้เขียนมอบให้ผู้เรียนวิชาครอบครัวสัมพันธ์หลายชั้น
ไปสัมภาษณ์คนที่แต่งงานแล้ว
ว่าใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการเลือกคู่
เมื่อรวบรวมคำตอบแล้วก็พบว่า
ผู้ชายต้องการหน้าตาสะสวยของผู้หญิง
ผู้หญิงต้องการผู้ชายที่หล่อ สมาร์ท เป็นอันดับหนึ่ง
ความงามหรือความหล่อนั้นที่จริงเป็นอาหารตา
อาหารใจคือทำให้ใจสบายได้
แต่รูปโฉมนั้นเปลี่ยนได้ ความแก่เกิดขึ้นแก่มนุษย์ทุกรูปนาม
ทุกวินาที เมื่อไรความสวยเปลี่ยนเป็นไม่สวย
หรือน่าเกลียด ความสวยที่ผูกมัดเขาทั้งสองไว้
ก็เป็นเสมือนเชือกที่ผุกร่อน
ขาดทำให้สิ่งที่มัดไว้หลุดจากกันได้


คนที่เลือกมาเป็นคู่นั้น
นอกจากจะอยู่กับผู้อื่นได้อย่างเป็นสุขแล้ว
ต้องรู้จักอยู่คนเดียวเป็นด้วย
คือเวลาอยู่คนเดียวก็สามารถแสวงหา
ความสุขเพลิดเพลินให้ตนเองได้
จะหาจากการอ่านหนังสือ เลี้ยงสัตว์
หรือเล่นต้นไม้ก็ตามแต่
หรือทำตนให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นก็ได้
มีคนเป็นอันมากที่ "เซ็ง" ง่าย คือ
เมื่อทำอะไรไม่ได้อย่างใจบ่อยๆ
ก็เลยเกิดความรู้สึกไม่อยากทำอะไร หรือที่เรียกกันว่า
"เฉยเมย" เกณฑ์ข้อนี้ ต้องอาศัยเวลาดูกันให้ดี


คนที่เซ็งง่าย คือคนที่มีน้ำอดน้ำทนน้อย
คนที่ไม่อดทนนั้น ไม่ควรทำการสมรสเป็นอันขาด
เพราะชีวิตสมรสนั้นมีเรื่องที่ต้อง
อดกลั้น อดทน และเสียสละอยู่มากมาย


คนที่ช่างพูด ควรเลือกคู่ที่ใคร่พูด หรือพูดน้อย
มิฉะนั้นจะต้องแย่งกันพูดตลอดเวลา ไม่มีใครฟังใคร
ทำให้ผิดเป้าหมายของสมรส ซึ่งมีข้อหนึ่ง
เมื่อมีเรื่องอะไรจะปรึกษาหารือ จะมีคนฟัง
ให้ความสนับสนุนให้อีกฝ่ายหนึ่งเกิดความมั่นใจในตนเอง
หรือฟังเพื่อจะได้แนะนำได้ถูกต้อง


ผู้หญิงหรือผู้ชายที่เป็น "ลูกแหง่" ของพ่อแม่ ตลอดเวลา
ถ้าใครได้ไปก็ต้องอยู่กับลูกแหง่
มีเรื่องอะไรนิดหน่อยก็จะวิ่งไปหา
พ่อแม่ของตัวให้ช่วยแก้ปัญหาให้
เมื่อมีมือที่สามเข้ามา ก็ทำให้ยุ่งหนักขึ้น
แทนที่จะตกลงปรองดองกันได้ระหว่างคู่ผัวตัวเมีย


ฝรั่งว่า อะไรที่เริ่มต้นดีนั้น เท่ากับเสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ฉะนั้นถ้าเลือกคู่สมรสได้ถูกต้อง
ก็หมายความว่าการตั้งครอบครัวสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง


จะเลือกได้ดีถูกใจอย่างไรก็ตาม อย่าไปคาดหมายว่า
จะเป็นอยู่อย่างนั้นตลอดชีวิต
คนที่หวังมากย่อมผิดหวังมาก
ผู้จะทำการสมรสต้องทำใจเสียก่อนว่า
คนดีครบทุกประการนั้นหายากมาก
ลองพิจารณาเรื่องดังต่อไปนี้


สามีมณฑามีตำแหน่งการงานดี
เลิกงานก็กลับบ้านช่วยเลี้ยงลูก
เงินเดือนออกก็นำมามอบให้ทั้งหมด
แต่ก็ยังไม่ถูกใจ
ถามว่ามีปัญหาอะไร
มณฑาบอกว่า อธิบายยาก


"อย่างนี้ค่ะ เวลาเดินที่นอกชาน
มีตะปูโผล่ขึ้นมา เขาก็เดินไปเดินมาไม่ทำอะไร"


"อ้าว ก่อนแต่ง ตอนไปไหนมาไหนด้วยกัน
ไม่สังเกตเห็นอะไรทำนองนี้บ้างหรือ"


"มีเหมือนกันค่ะ อย่างเวลาจะไปไหนด้วยกัน
หนูต้องเป็นคนเรียกแท็กซี่"

ผู้หญิงทุกคนต้องการผู้ชายที่มีความเป็นผู้นำ
เป็นคนที่มีความรู้สึกไว
เมื่อมองเห็นผู้หญิงสวมเสื้อสวย ก็รู้จักชมเชย
เป็นคนที่ฝรั่งเรียกว่า pleasant
"ซื่อบื้อ" นักก็ไม่ไหวนั่นแหละ

ตอนเลือก ต้องหาโอกาสไปไหนมาไหนด้วยกัน
แบบ dating ของฝรั่ง
สังเกตดูให้ดีว่าเขาเป็นคนเช่นไร
ก่อนที่จะลงใจ "ตกล่องปล่องชิ้น"
กับเขาที่สำคัญที่สุดต้องรู้ว่า

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนั้นต้องมีการเปลี่ยนแปลง
ถ้าไม่อยากให้ความเปลี่ยนแปลงในทางไม่ดีเกิดขึ้น
ก็ต้องพยายามระมัดระวัง และถ้าระวังแล้วยังไม่สำเร็จ
ก็ต้องมองให้เห็นทุกสิ่งตามที่เป็นจริง
เข้าใจ ยอมรับ และทำใจให้สงบ
แหม อ่านข้อเขียนของอาจารย์ช้าไปครับ
แฮ่ะๆเห็นด้วยกับอาจารย์ครับ

ทุกคนใช่ว่าจะดีไปหมดทุกอย่าง
ย่อมมีข้อบกพร่องคนละอย่างสองอย่าง

ถ้าแต่ละฝ่ายเข้าใจ และให้อภัยกัน
ชีวิตคู่ย่อมยืนยาวผมมีมีเรื่องแถมนิด

สามีภรรยาคู่หนึ่ง สามีเป็นมหาเปรียญเก่า
สึกมาได้กับสาวชาวสวน

ฝ่ายสามีเป็นครูโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
ภรรยาเป็นแม่บ้าน บุคลิกช่างพูดช่างจา
ตรงข้ามกับสามีซึ่งไม่ค่อยพูด
(ก็เข้ากับหลักการเลือกคู่ ของอาจารย์ทวีรัสมิ์นั่นแหละ)


ภรรยาเมื่อว่างมากก็เล่นการพนัน แรกๆ ก็เพื่อสนุก
ฆ่าเวลา เพราะเป็นแม่บ้านไม่มีอะไรทำ
นานๆ เข้าก็ติด กลายเป็นหนี้สินอีนุงตุงนัง
เจ้าหนี้ก็ทวง ทวงภรรยาไม่ได้
ก็ตามไปทวงสามีถึงโรงเรียนที่สอนอยู่ พี่มหาอายไม่รู้จะทำอย่างไร

ผลที่สุดก็ลาออกจากโรงเรียน
วันหนึ่งคนข้างบ้านก็ได้ยินเสียงตุ้บตั้บๆ

เสียงข้าวของแตกเพล้ง พร้อมเสียงร้องขอความช่วยเหลือ

"ช่วยด้วยๆ ไอ้เนียงซ้อมฉันๆ"

ชาวบ้านก็สงสัยว่า ทำไมมหากลายเป็นคนละคน
จากคนที่สงบเสงี่ยม

เป็นคนมือเท้าไวซ้อมภรรยาไปเสียแล้ว
จึงเข้าไปเพื่อห้ามทัพ
แต่ก็ตาค้างภาพที่เห็น
พี่มหานั่งงอก่องอขิงอยู่มุมห้อง

เท้ายายตุ่มก็ประเคนลงเสียงตุ้บตั้บๆ ผสมเสียงร้อง

"ช่วยด้วย ไอ้เนียงมันซ้อมฉันๆๆ"

กรรมของท่านมหา
ทั้งๆ ที่ก่อนแต่งก็เลือกดีแล้ว
ตามตำราของท่านอาจารย์เปี๊ยบเลย