Custom Search

May 13, 2007

seasons change



กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : 1 กันยายน 2549 16:00 น.
นันทขว้าง สิรสุนทร giengi@yahoo.com

วันคืนที่เรา ใช้จ่ายไปด้วยกัน วันนี้เดือนกันยายนแล้วใช่มั้ย ? ถ้าใช่....ช่วงเดือนหน้า ของปีที่แล้ว ผมจำได้ว่าตัวเองสั่งซื้อ dvd หนังเรื่องหนึ่งจำนวน 7 แผ่น เพื่อเป็นของขวัญประจำปีให้กับผู้หลักผู้ใหญ่หลายๆ คนในวงการ (หนึ่งในนั้นก็คือ คุณสุภาวดี บอสส์ใหญ่ของค่าย 'รักลูก')

หนังเรื่องนั้นก็คือ after life ของผู้กำกับ Hirokazu Koreeda ที่กำกับเรื่องไหนก็ดีทุกเรื่อง ผมชอบฉากหนึ่งในหนังที่ตัวละคร(ซึ่งตายไปแล้ว)ได้รับโอกาสให้เลือกช่วงที่น่าประทับใจ บางคนอาจจะเลือกตอนที่มีเงินมากๆ บางคนเลือกตอนที่มีความรัก

แต่มีอยู่คนหนึ่ง เลือกตอนที่ตัวเองยัง 'เยาว์วัย' ถ้าผมตายไปบ้างและยมทูตให้เลือกฉากช่วงของชีวิต ผมก็จะเลือกตอนเด็กและการเป็นวัยรุ่นเหมือนกัน ...วัยรุ่นเหมือนอากาศยามเช้าที่เบิกบาน... ไม่ร้อนรนเหมือนยามบ่าย หรือโพล้เพล้เหมือนเย็น
ผมคิดเอาเองว่า คงจะมีใครหลายคนคิดคล้ายๆ กันแบบนี้บ้าง เราหลายคนจึงรู้สึกอ่อนไหวทุกครั้งไปเวลาได้ดูหนังที่เกี่ยวกับเยาว์วัยของใครๆ
มีใครไม่ชอบ 'เพื่อนรักเมื่อเรายังเล็ก' แบบ 'แฟนฉัน' บ้าง
หรือมีใครชิงชัง 'รักเก่าของวันก่อน' แบบ 'เพื่อนสนิท' หรือ ?

ผมชอบบอกใครต่อใครว่า 'แฟนฉัน' กับ 'เพื่อนสนิท' น่ะเป็นพี่น้องกัน แต่ทั้งคู่ดูอายุห่างกัน ราวกับว่าน่าจะมี 'พี่น้องคนกลาง' อยู่อีกคน ...แล้วค่ำวันอังคารที่ผ่านมา ผมก็เจอพี่คนโตของน้องคนเล็ก หรือนัยหนึ่ง..น้องคนรองจากพี่คนโต ที่พารากอน

เขาชื่อ season change
'แฟนฉัน' เล่าเรื่องของ 'เจี๊ยบ-น้อยหน่า-แจ๊ค' ...และ 'เพื่อนสนิท' เกาะเกี่ยวความสัมพันธ์ระหว่าง 'ไข่ย้อย-ดากานดา-นุ้ย' ใช่มั้ยครับ ..season change ก็มีสามคนเหมือนกัน แถมหล่อและนางเอกของเรื่องน่ารักน่าหลงเสียด้วย

นางเอกที่น่ารักน่าหลงมีสองคนครับ คนแรกคือ ดาว (ยุวนาถ อาระยานิมิตรสกุล) สาววัยรุ่นที่เรียบร้อยและสอบเข้าวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล ซึ่งสอนเกี่ยวกับดนตรีล้วนๆ เธอมาจากบดินทร์เดชา โดยไม่รู้ว่ามีชายหนุ่มที่หลงรักเธอชื่อ ป้อม (วิทวัส สิงห์ลำพอง) อุตส่าห์ตามมาเรียนที่นี่เพราะว่าหลงรักเธอ

ความรักมักพาเราไปทุกหนทุกแห่งใช่ไหมครับ ความรักของ ป้อม ก็ด้วย มันพาเขาไปที่เรียนแห่งใหม่ พาเข้าไปสนามหญ้า...ริมทางเดิน...ตึกรามบ้านช่อง...และห้องดนตรี
จากที่มีพรสวรรค์เกี่ยวกับการเล่นกลองในดนตรีสากล ..ป้อม พยายามจะเข้าไปในพื้นที่คลาสสิกเพราะ ดาว คือหนึ่งนักไวโอลินในนั้น ระหว่างความรักของ ป้อม จูงมือเขาเดินตาม ดาว นั้น เขาได้รู้จักกับสาวน่ารักมากอีกคน คือ อ้อม (ชุติมา ทีปะนาถ)

ผมเคยไม่เชื่อว่า คนสองคนที่ไม่มีใจต่อกันจะรักกันได้เพราะความชิดใกล้ ...แต่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดเพราะเห็นคนหลายคู่ที่ชิดใกล้กัน เปลี่ยนจาก 'เพื่อน' มาเป็น 'แฟน' เปลี่ยนจาก 'คนสนิท' มาเป็น 'คนรัก' ...และเปลี่ยนจาก 'คู่หู' ไปเป็น 'คู่ชีวิต'
ระหว่างหัวใจของ ป้อม ชายตามอง ดาว ..หัวใจของ อ้อม ก็เหมือน 'ลอบมอง' ป้อม ไปด้วย ผมชอบสายตาที่ อ้อม มอง ป้อม มันเป็นสายตาแบบหนึ่ง ที่คนตกหลุมรักหรือมีความรักจะทำได้

ในโลกนี้มีเรื่องน่ารักอยู่หลายเรื่องนะครับ หนึ่งในนั้นก็คือ มนุษย์มักไม่ค่อยรู้ตัวว่ากำลังรักอีกคนอยู่ แถมเข้าใจไปว่าตัวเองรักคนอื่น ..แต่ความรักก็ดีแบบนี้ มันไม่บอกเราตรงๆ (เพราะเราก็คงไม่เชื่อ) แต่มันให้ช่วงเวลาที่ต้องจากกันไป ส่งเสียงบอกเรา

นี่คือเรื่องราวแค่ 48.7% ของเนื้อหาทั้งหมด อีก 51.3 นั้น ท่านผู้อ่านต้องลองไปชมกันเอง (จริงๆ อยากเล่าแต่ขี้เกียจถูกปรักปรำว่า เป็นอาชญากรต้องขอโทษขอโพยที่เล่าเรื่อง เพราะไม่ค่อยเชื่อครับว่า นักวิจารณ์จะต้องขอโทษขอโพยทุกครั้ง เวลาจะเล่าเรื่องส่วนสำคัญบ้าง ..เพราะเชื่อว่า วิจารณ์คือ critic + analyse แต่ preview คือแนะนำชักชวน ฉะนั้น อย่างแรกจึงสามารถพูดถึงทุกอย่างได้หมด เช่น อาจจำเป็นต้องบอกตอนจบเพื่อเสนอทัศนะว่า

ช่วงแรกๆ ที่ดูมานั้นดีไม่ดีอย่างไร มีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไร)
ผมจะเขียนถึงสิ่งที่ผม 'ไม่ชอบ' ก่อนสิ่งที่ผม 'ชอบมาก'
ผมไม่ชอบการ 'คลี่คลายเรื่อง' ของบท ไม่ว่าจะเป็นการยอมรับของพ่อแม่ที่ ป้อม เรียนดนตรี หรือการไม่ติดค้างอะไรต่อกันระหว่าง ดาว กับ ป้อม เมื่อฝ่ายหลังเลือกทางเดินตัวเองแบบหนึ่ง

ความสัมพันธ์ที่บทหนังให้เวลากับ ดาว และ ป้อม นั้น มันไม่ควรดูเหมือนไม่มีอะไรแบบในหนัง เหมือนหนังขาดซีเควนซ์เพื่อกระจ่างตรงนั้นไป อีกอย่างหนึ่ง...การทำใจไม่ได้ของพ่อแม่ ป้อม กับการยอมรับได้ในภายหลังนั้น บทหักอย่างห้วนๆ จนไม่น่าเชื่อ (อันไม่เกี่ยวกับการแสดงที่ดีทุกคนเลย)
เทียบกับการคลี่คลายเรื่องราวของ 'เพื่อนสนิท' ที่ 'ไข่ย้อย' ค่อยๆ เรียนรู้และแผลทางใจที่เริ่มค่อยๆ หาย(แม้จะไม่หายขาด) เนื่องเพราะได้พานพบกับ นุ้ย นั้น เพื่อนสนิท มีภาพรวมที่ดีกว่า season change อย่างชัดเจน

ยกเว้นการแสดงที่ 'กินกันไม่ลง' และความลงตัวด้านงานโปรดักชั่นนั้น season change ดีกว่า 'เพื่อนสนิท' ทีนี้มาถึงเรื่องที่ตัวเองชอบบ้าง...

season change คืองานที่คิดมาอย่างรัดกุมและรอบคอบพอสมควรแล้ว สำหรับกลุ่มเป้าหมายของหนัง มันแสดงให้เห็นความจริงข้อหนึ่งว่า ถ้าสิ่งที่หนังพูด แม่นยำและหนักแน่นเสียแล้ว จะพูดเรื่องอะไรก็ได้ทั้งนั้น (เหมือน star wars ขายธรรมะชนะอธรรม หรือ the matrix พูดเรื่องปรัชญาเรขาคณิต และ blue gate crossing พูดเรื่องการค้นพบตัวตน)

ป้อม ใน season change มีทิศทางที่ละม้ายกับ เมิ่ง เค่อเรอ ใน blue gate crossing(2002) โดยเฉพาะส่วนที่ค่อยๆ ค้นพบตัวตนของตัวเอง (หรืออย่างก็เริ่มพบ 'พื้นที่' ตัวเอง) นี่ไม่ใช่ coming-of-age แบบ 'เด็กหอ' และ' เพื่อนสนิท' และไม่ใช่งาน nostalgia แบบ 'แฟนฉัน' แต่เป็นงานที่อยู่ในกลุ่มของ self-discovery ที่คาแรคเตอร์นำได้เดินทางและพบความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง

ต้นทางของ ป้อม นั้นออกย่ำเท้าด้วยดนตรีสากล เล่นเพลงร็อคตามวัยรุ่นนิยม กระทั่งมารู้จักกับ ดาว และหางเสือไปสู่ดนตรีคลาสสิก ...ถ้าเพลงสากลคือ 'อ้อม' ดนตรีคลาสสิกก็คือ 'ดาว'
รายละเอียดที่น่ารักอย่างหนึ่งที่ผมชอบก็คือ การวางตำแหน่งของตัวละคร 'ป้อม-อ้อม-ดาว' ให้เล่นดนตรีแตกต่างกัน (ป้อม-กลอง, อ้อม-ฉาบ และ ดาว-ไวโอลิน) ซึ่งเครื่องดนตรี ก็มีนัยอธิบายบุคลิกของคนเล่นไปด้วย

ระหว่างสัดส่วนของ comedy กับพื้นที่ของ romance นั้น หนังทำหน้าที่ในส่วนหลังได้ดีกว่า มุขตลกหลายอย่างดูน่ารักดีครับ แต่บางทีก็ไม่น่ามีเข้ามา เช่น ตอนที่ อ้อม กำลังงอน ป้อม และปาร่ม...บทหนังไม่น่าห่วงมุขด้วยการใส่ใครคนหนึ่งเข้ามาพูดอะไรในฉากนั้น ถ้าปล่อย mood นี้ไหลออกไปสัก 4-5 วินาที รับรองเนียน...

หนังแบบ season change จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย ...แต่เวลาใครว่าทำง่าย ผมเห็นเขาทำหนังเจ๊งทุกที มันคงไม่ใช่แค่สูตร มีตัวตลกน้ำจิ้ม มีตัวเดิน ตัวชงและตัวตบ แต่ต้องมีไม้ตายมาขาย และมีไม้งามมาอวด

ไม้ตายและไม้งามของหนังคือการแสดงของ วิทวัส สิงห์ลำพอง, ยุวนาถ อาระยานิมิตรสกุล และคนที่แต้มสีสันให้กับหนังมากที่สุดอย่าง ชุติมา ทีปะนาถ

ผมว่าผู้กำกับคือ นิธิวัฒน์ ธราธร นั้นเก่งด้วยที่รู้ว่า จะถ่ายนักแสดงอย่างไร และดึงมุมไหนออกมา พวกเขาและเธอถึงจะดูดีที่สุด บทที่มีกรอบการแสดงระดับหนึ่ง แต่ ยุวนาถ ก็แสดงให้เห็นว่าเธอตอบโจทย์ของ ดาว ได้ดีเท่าที่จะดี, ขณะที่หน้าตาของ วิทวัส นั้น รับใช้คาแรคเตอร์ของ ป้อม ที่เป็นแกนกลางของเรื่องได้อย่างน่าติดตาม ผมว่าเวลาเขาอยู่ในฉากเดียวกับเพื่อน วิทวัส เป็นนักแสดงที่เด่นขึ้นมาในหนัง

สำหรับ ชุติมา ทีปะนาถ เธอกลายเป็นคนที่แสดงได้ดีที่สุดในหนัง เป็นคาแรคเตอร์ที่แต้มสีสันแดงเหลืองฟ้าให้กับพล็อต เล่นได้หลากทางกว่า เวลา อ้อม เศร้าก็ดูมีเสน่ห์ และเวลาเธอสนุก ก็กลายเป็นผู้หญิงที่น่ารักและเซ็กซี่ (มีใครไม่ชอบฉากที่เธอนั่งซ้อนจักรยานบ้างหรือ...แหม ผู้กำกับจะเล่นอะไรเอาตายขนาดนั้น)

แม้หนังจะเจตนาเซตฉากบางฉากอย่างจงใจ แต่เราก็ยอมรับเถอะว่า เราต่างเคยมี 'เรื่องราวแบบนี้' ในชีวิตที่เติบโตมา
เราเคยมี 'หนึ่งหวานในความทรงจำ' ที่เคยแอบรักสาวข้างห้อง
เคยมีบางเรื่องไม่เลือนหาย ด้วยฉากนั่งกลางสนามบอล เมื่อใกล้อำลาเรียนจบ
เคยมี รักเก่าของวันก่อน ที่นึกถึงเมื่อใด ก็ยิ้มได้ทุกครั้งไป...

หรือใครไม่เคยปฏิเสธรถเมล์ ยอมเดินกลับบ้านกับคนรัก ทั้งๆ ที่ระยะทางนั้นยาวไกล..
เช่นนี้เอง, ที่คุณจึงเคยชอบ 'แฟนฉัน' และยังรัก 'เพื่อนสนิท' โดยที่คงรู้สึกอะไรอีกมากมายกับ season change

season change ที่ไม่ใช่แค่ 'อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย' แต่เป็นเรื่องทำนอง..ก่อนคืนวันจะผันผ่าน
ที่เมื่อนึกถึงเมื่อใด คืนวันเหล่านั้นก็คือ 'หนึ่งหวานในความทรงจำ'
ที่หวานกว่า..คำพูดในปากคนรัก
ที่ไพเราะกว่า..เพลง four seasons ของวิวัลดี้

และที่แม้พานพบชีวิตมากมาย ก็ไม่มีใครลืมเลือนเรื่องราวแบบ season change
นิธิวัฒน์ ธราธร กับ ป้อม,
ดาวกับอ้อม ก็เช่นกัน