Custom Search

May 28, 2007

ของขวัญแห่งความสุขที่ต้องค้นหาเอง : Dr. Varakorn Samakoses



อาหารสมอง
วีรกร ตรีเศศ
มติชนสุดสัปดาห์ 2547


"จงมีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่ ดีกว่ามีความทุกข์กับสิ่งที่ยังไม่มี"
"ความกังวลเหมือนเก้าอี้โยก คือทำให้เรามีอะไรทำแต่ไม่ได้ช่วยให้เราไปไหนเลย"
"สุขหรือทุกข์อยู่ที่ใจ"

คำพูดเหล่านี้ได้ยินมานาน
แต่เมื่อได้อ่านหนังสือน่าสนใจอย่างยิ่งที่เพิ่งออกมาใหม่เมื่อเร็วๆ นี้
ชื่อ "THE PRESENT" ของ นายแพทย์นักเขียน DR.SPENCER JOHNSON
ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นหนังสือฮิตติดอันดับโลกแน่นอนในเวลาอันใกล้นี้
ก็ทำให้สามารถเข้าใจความโยงใยของคำพูดเหล่านี้
และได้รู้หลักการในการทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้นจากอีกแง่มุมหนึ่งDR.JOHNSON
คือผู้เขียนหนังสือฮิตติดอันดับหนึ่งของโลกเมื่อ 3-4 ปีก่อน
"WHO MOVED MY CHEESE ?"


หนังสือเล่มเล็กแทรกรูปวาดที่สอนให้เข้าใจเรื่องการเปลี่ยนแปลง
และการเตรียมตัวรับกา รเปลี่ยนแปลงในรูปแบบของนิทานสมัยใหม่ครั้งนี้
ก็มาในรูปแบบเดียวกัน คือ
เป็นหนังสือเล่มเล็กหนาเพียง 104 หน้า
เป็นเรื่องเล่าของคำสอนที่ผู้เฒ่าอุดมปัญญาให้แก่เด็กน้อย
ถึงวิธีที่จะมีความสุข ประสบความสำเร็จในชีวิต
และในการทำงานหนังสือเล่มนี้โดยแท้จริงแล้ว เขียนขึ้นในสไตล์ใหม่
จากเนื้อหาที่ปรากฏอยู่ในหนังสือของผู้เขียนคนเดียวกันนี้
ที่ตีพิมพ์ในปี 1984 ในชื่อว่า
"THE PRECIOUS PRESENT"
ผู้เฒ่าใจดีผู้อยู่ข้างบ้านบอกเด็กน้อยว่า ในโลกนี้มีของขวัญ (PRESENT)
อยู่ชิ้นหนึ่งที่เลิศกว่าของขวัญใดๆ ทั้งสิ้นที่เจ้าหนูจะได้รับในชีวิต
เพราะมีคุณค่าอย่างที่สุดเจ้าหนูถามว่าทำไมมันจึงมีค่ามากนัก
ผู้เฒ่าก็ตอบว่าเพราะเมื่อใครได้รับ THE PRESENT นี้แล้วจะมีความสุขมากขึ้น
และสามารถทำสิ่งต่างๆ ตามที่ต้องการได้ดีกว่าเดิม

เมื่อเจ้าหนูโตขึ้นในเวลาว่างก็รับจ้างตัดหญ้า
มีความสุขร้องเพลงไปทำงานไป ใจจดจ่ออยู่กับงานที่ทำอย่างเต็มที่
และมักถามผู้เฒ่าว่า THE PRESENT คือไม้วิเศษที่ชี้และ
เสกคาถาบันดาลให้เกิดอะไรก็ได้ให้รวยก็ได้ ไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ ฯลฯ
ใช่ไหมผู้เฒ่าตอบว่าไม่ใช่โดยตรง
แต่ THE PRESENT นี้จะทำให้เจ้ารวยได้ในหลายลักษณะ
มูลค่าของมันไม่อาจวัดได้ด้วยทองคำหรือเงินเจ้าหนูก็รู้สึกมึนๆ
กับคำตอบนี้หลายปีผ่านไป เจ้าหนูก็โตขึ้นเป็นหนุ่มและเริ่มทำงาน
เมื่อพบกันก็รบเร้าถามอีกว่า THE PRESENT นั้นคืออะไร
จะทำให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไรและความสำเร็จคืออะไรผู้เฒ่าก็ตอบว่า
ความสำเร็จคือการก้าวกระเถิบเข้าใกล้สิ่งอะไรก็ได้ที่เราคิดว่าสำคัญ
อาจเป็นการได้คะแนนส่วนดีขึ้น เล่นกีฬาเก่งขึ้น มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อแม่
ได้เงินเดือนขึ้น
มีความสุขกับชีวิต ร่ำรวย ได้รับการยอมรับจากคนอื่นๆ ฯลฯ
ความสำเร็จคือสิ่งที่เราทุกคนต้องให้คำจำกัดความด้วยตัวของเราเอง
ในแต่ละขั้นตอนของชีวิต



เมื่อเจ้าหนูทำงานก็ประสบปัญหาผิดหวังที่ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง
รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับชีวิตเพราะทำงานหนัก และผิดหวังกับความรัก
เวลาทำงานใจก็คิดล่องลอยว่าถ้าทำงานที่อื่นจะมีความสุขกว่าไหม
ทำงานนานกว่านี้จะได้เป็นอะไร


หรือจะถูกไล่ออกไหม ถ้าได้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ก็คงไม่ต้องเลิกกับแฟน
โกรธผิดหวังที่ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ฯลฯ กล่าวคือ
ขาดความสนใจในงานที่ทำอย่างแท้จริง
เพราะไปอยู่ในอดีตและในอนาคตเสียหมด
ไม่ได้อยู่กับปัจจุบันจนการงานตกต่ำ



ชีวิตขาดความหวังเมื่อหาทางออกไม่ได้ก็ไปหาผู้เฒ่า ทวงถาม THE PRESENT
เพื่อจะเอามาแก้ปัญหาผู้เฒ่าก็ถามว่าทำไมตอนเป็นเด็กตัดสนามหญ้าจึงมีความสุขมาก
เจ้าหนุ่มก็บอกว่า เพราะตอนนั้นคิดแต่เรื่องตัดหญ้ายิ่งตัดได้ดีก็ยิ่งมีคนจ้างผู้เฒ่าก็บอกว่า
ฟังให้ดีนะ THE PRESENT นั้น คือของขวัญที่เจ้าจะต้องหาให้ตัวเอง ไม่มีใครให้ใครได้
และตัวเองเท่านั้นที่จะมีอำนาจค้นพบว่ามันคืออะไร

เจ้าหนุ่มหลบไปอยู่กระท่อมบนภูเขาคืนหนึ่งคนเดียว
ได้ไปเห็นเตาผิงที่เรียงด้วยก้อนดินสวยงามยิ่ง ก็ฉุกคิดว่า
ตอนสร้างเตาเขาคงต้องให้ความสนใจและทำงานอย่างเต็มที่แก่งานนั้น
โดยไม่ได้นึกถึงสิ่งอื่นใดเลยจึงสามารถสร้างสิ่งที่สวยงามเช่นนี้ได้
และนึกถึงคำพูดของผู้เฒ่าที่ว่า หากจะหา THE PRESENT ให้พบ
ต้องพยายามนึกถึงเวลาเมื่อมีความสุขที่สุด
และรู้สึกประสบความสำเร็จที่สุด คิดไปๆ ก็นึกได้ว่าคนเรา
เมื่อมีจิตมุ่งเต็มที่ต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง



ในขณะนั้น ไม่วอกแวกนึกถึงเรื่องอดีตหรือกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า อยู่กับปัจจุบันอย่างให้ความสำคัญเต็มที่
และมีความพอใจกับสิ่งที่ทำอยู่
ซาบซึ้งสิ่งที่ตนเองเป็นอยู่และกระทำอยู่แล้ว
ก็จะมีความรู้สึกดีมีความสุขเขานึกขึ้นมาได้ทันทีว่า
THE PRESENT (ของขวัญ) ที่เขามองหาอยู่นั้น ที่แท้ก็คือ


THE PRESENT ที่หมายถึง ปัจจุบันนั่นเอง


(PRESENT มีความหมายว่าของขวัญหรือปัจจุบันก็ได้)



การหา "ของขวัญ" เจอ ก็คือการตระหนักว่า ต้องอยู่กับห้วงเวลาปัจจุบัน
เน้นความสำคัญกับสิ่งที่เกิดขึ้นและกระทำอยู่ในปัจจุบัน
ซาบซึ้งในสิ่งที่เกิดขึ้นและที่มีอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น
คนเราเมื่ออยู่ในปัจจุบันโดยไม่ถูกกระทบกระทั่งโดยสิ่งที่เรียกว่า noises หรือ
disturbances (สิ่งกวนใจ) จากการกระทำในอดีต หรือจากความฝันเฟื่อง
หรือจากความกังวลใจกับอนาคต ก็จะรู้สึกมีความสุข และรู้สึกว่าประสบความสำเร็จ



เขาดีใจมาก รีบไปหาผู้เฒ่า ๆ ก็หัวเราะชอบใจและบอกว่า
เจ้าได้พบ the present แล้ว มันเป็นของขวัญที่เจ้าให้กับตัวเอง
นั่นก็คือการมุ่งเน้นคิดถึงแต่สิ่งที่เกิดอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น
เพราะมันจะทำให้เจ้ามีพลังและศักยภาพในการทำงานได้เต็มที่
และจะมีความรู้สึกเป็นสุข
ในเวลาปัจจุบันเมื่อประสบบางสิ่งที่เลวร้าย
ขอให้นึกถึงสิ่งดี ๆ ที่เจ้ามีอยู่ พยามมองหาสิ่งดี ๆ
ที่อาจเกิดขึ้นจากสิ่งที่ร้าย ๆ นั้น
เพื่อให้มีพลังและความเชื่อมั่นไปสู้กับสิ่งเลวร้ายนั้น





หลัก 3 ข้อ ที่ต้องจำก็คือ
(ก) เน้นให้ความสำคัญแก่ห้วงเวลาปัจจุบัน
(ข) ซาบซึ้งและหาความสุขจากสิ่งที่มีอยู่ และ
(ค) ให้ความสำคัญต่อสิ่งที่สำคัญในปัจจุบัน





ในกรณีของเจ้า ถึงไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ผิดหวังในความรัก
เจ้าก็ยังมีงานที่ดีทำในองค์กรที่มั่นคง มีอนาคต
มีโอกาสพบผู้หญิงอีกมากมาย อย่าปล่อยให้ความผิดพลาด
หรือความเจ็บปวดในอดีต หรือความกังวลเกี่ยวกับอนาคตมารบกวน



วันเวลาผ่านไป เจ้าหนุ่มก็กลับมาหาผู้เฒ่าอีกและถามว่า
ผมไปคิด ๆว่าเราจะมุ่งเน้นแต่ปัจจุบันโดยไม่สนใจอดีตและอนาคตเชียวหรือ
ของขวัญชิ้นสำคัญนี้จะเพียงพอต่อการมีความสุขในชีวิต
และการทำงานตลอดไปจริงหรือ
ผู้เฒ่าก็บอกว่า เพียงพอแน่นอน
แต่เจ้าจะต้องจัดการเกี่ยวกับเรื่องอดีต อนาคต และปัจจุบันอย่างสมดุลกัน


เราต้องเรียนรู้อดีตที่ผิดพลาด เพื่อเอาไว้เป็นบทเรียน
หรือถ้าเป็นสิ่งที่ทำไว้ดีในอดีตก็ต้องเอามาศึกษาเช่นกัน
ส่วนอนาคตนั้นเราต้องวางแผน เพราะการวางแผน
จะช่วยลดความกลัวและความกังวลใจลง
เราต้องมีการวางแผนตราบที่เราต้องการให้อนาคตดีกว่าปัจจุบัน
ผู้เฒ่ากล่าวต่อว่า ลองจินตนาการกล้องถ่ายรูปที่ตั้งอยู่บน ฐานสามขา
ขาแรกคือการเรียนรู้จากอดีต
ขาที่สองคือการมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน
และขาที่สามคือการวางแผนสำหรับอนาคต


ทั้งสามขาต้องสมดุลกันเพื่อค้ำจุนกล้องถ่ายรูปที่หาค่ามิได้นั้น
ถ้าไม่อยู่กับปัจจุบัน ก็จะไม่ตระหนักถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบตัวเรา
ถ้าไม่เรียนรู้จากอดีตก็วางแผนอนาคตไม่ได้
และถ้าไม่มีแผนสำหรับอนาคต ก็จะล่องลอยอย่างไร้ความหมาย



วันหนึ่ง ชายหนุ่มก็ประสบกับโลกแห่งความเป็นจริงว่าผู้เฒ่าจากเขาไปแล้ว
เขาเศร้าเสียใจ และยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นความยิ่งใหญ่ของผู้เฒ่าซึ่งประสบความสำเร็จในชีวิต
และการงาน เป็นคนที่มีความสุข มีความสงบ มีพลังล้นเหลือ
และเป็นที่รักเคารพของผู้คนทั่วไป



เขาสงสัยว่า ทำไมผู้เฒ่าถึงยอมเสียเวลามากมายกับเขาและเด็ก ๆ
แทนที่จะเอาเวลาเหล่านั้นไปหาความสุขอย่างอื่น
และเขาก็ตระหนักและได้คำตอบว่า เพราะผู้เฒ่ามีจุดมุ่งหมายในชีวิต (purpose)
ที่จะเผยแพร่เรื่อง the present และปัญญา (wisdom) แก่คนรุ่นใหม่
เพื่อให้พบความสุข ทุกอย่างที่ผู้เฒ่าทำไปล้วนมี sense of purpose ทั้งสิ้น
และเขาก็เข้าใจว่า sense of purpose
ในชีวิตนี่แหละที่เป็นตัวเชื่อมต่ออดีต ปัจจุบัน และอนาคตเข้าด้วยกัน
และให้ความหมายแก่ชีวิต

เขาเข้าใจว่า การมีชีวิตอยู่อย่างมีจุดมุ่งหมายนั้น
ไม่ได้หมายถึงการรู้ว่าจุดหมายคืออะไรหรือรู้ว่าต้องทำอะไรเท่านั้น
หากแต่ต้องรู้ว่า "ทำไม" ด้วย การมีชีวิตอย่างมีจุดหมาย อย่างคำนึงถึงแต่ปัจจุบัน
โดยเรียนรู้จากอดีตและมีการวางแผนชีวิต
ไม่ใช่การวางแผนการที่ใหญ่โตอะไร มันเป็นวิธีการปฏิบัติ
ในการดำเนินชีวิตประจำวันที่ได้ผล และทำให้รู้สึกมีความสุขในชีวิต
ซึ่งในที่สุดจะทำให้มีความสามารถในการนำ บริหารจัดการ
สนับสนุนช่วยเหลือเป็นมิตรกับผู้คน และให้ความรักแก่คนอื่น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น


เสียงหัวเราะของเด็ก เสียงร้องอันไพเราะของนก ความงดงามของต้นไม้
ดอกไม้ ใบหญ้า ความสุขจากการอยู่กับคนที่รัก
ความสุขจากความรักในครอบครัว
ความงดงามที่ได้รับจากเพื่อนมนุษย์
ความสุขจากการให้ ความสุขทางกายและใจต่าง ๆ แม้เล็กน้อยเพียงใด
ไม่ว่าจะมีเงินมากหรือน้อย
ล้วนเป็นเรื่องของปัจจุบันที่สามารถตักตวงความสุขมาได้อย่างเบิกบานทั้งสิ้น
โดยมิพักต้องกังวลกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว หรืออนาคตที่ยังมาไม่ถึง

ถ้าท่านชอบนิทานเรื่องนี้ กรุณาช่วยผู้เฒ่าใจดีของเราโดยการเผยแพร่ให้คนอื่น ๆ
ต่อไปด้วยครับ