Custom Search

Mar 30, 2011

"หนุ่มเมืองจันท์" กับหนังสือเล่มใหม่ "ให้โอกาสกับสิ่งที่เราไม่รู้"


ฟาสต์ฟู้ด ธุรกิจ
หนุ่มเมืองจันท์
boycitychan@matichon.co.th

วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554


และแล้วก็ถึงเวลาของงานที่ "หนอนหนังสือ" รอคอย
งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 39
และหนังสือนานาชาติครั้งที่ 9 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

วันที่ 25 มีนาคม ถึง 6 เมษายน เวลา 10.00-21.00 น.
ปีนี้สำนักพิมพ์มติชนยังประจำการที่เดิม คือ โซนพลาซ่า

มี หนังสือใหม่ที่น่าสนใจหลายเล่ม
ตั้งแต่ "ต้นกำเนิด 100 สิ่งแรกของโลก"
หรือ The genius of china
เป็นเรื่องสิ่งประดิษฐ์ของจีนในอดีต
ที่เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งประดิษฐ์ยิ่งใหญ่ของโลกในวันนี้


หนังสือ "โยคะสีชมพู" หนังสือในชุด "ผู้หญิงเลือกได้"
"นิ้วกลม" มีหนังสือ "ความสุขโดยสังเกต"
"วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล" กับหนังสือ "สำรวจศรัทธา"
"ชาติ ภิรมย์กุล" มีหนังสือท่องเที่ยว "เที่ยวเมืองไทยหายเซ็งเป็ด"
ขอยืนยันว่าเที่ยวไปกับตัวอักษรของพี่ชาติ สนุกกว่าไปเที่ยวเอง
เพราะเที่ยวเองไม่ขำแบบนี้หรอกครับ

ส่วนผมก็มีหนังสือเล่มใหม่เช่นกัน ถือเป็นเทศกาลประจำปี

"ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ" เล่มที่ 16
วิ่งไล่ "เพชรพระอุมา" มาห่างๆ
หนังสือเล่มใหม่นี้ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ 2 เรื่อง
ในสำนักพิมพ์มติชนครับ


เรื่องแรก เป็นชื่อหนังสือที่ยาวที่สุด

ก่อนหน้านี้ชื่อหนังสือของผมยาวที่สุดประมาณ 8 พยางค์

"ชีวิตไม่ยาก ถ้าตั้งโจทย์ง่าย-ไม่ตั้งใจแต่ทำไมจึงสุข"

แต่เล่มนี้ 9 พยางค์ครับ

เรื่องที่สอง ผมส่ง "ชื่อหนังสือ" ก่อนส่ง "เนื้อเรื่อง"

ตามปกติ "ชื่อหนังสือ" จะต้องตามมาหลังจากส่ง "เนื้อเรื่อง"

แต่ครั้งนี้ส่งก่อนครับ

น้องๆ ตกใจเลย

เหตุผลที่ส่งก่อน เพราะคำนี้อยู่ในใจผมมานานแล้ว

พอเนื้อหาในเล่มเข้าล็อก

ก็เปรี้ยงเลย



ผมเชื่อเสมอว่าในโลกนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เรา "ไม่รู้"
แต่เราชอบคิดว่าเรา "รู้"
ความผิดพลาดในชีวิตของเรา คือ
การตัดสินใจหรือตัดสินคนด้วยความคิดว่าเรา "รู้" ทั้งที่เรา "ไม่รู้"

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก เพื่อน หรือการทำงาน
เราเสียเพื่อน เสียแฟน หรือเสียลูกน้องไปกี่คนแล้วในชีวิต
เพียงเพราะคิดว่าเรา "รู้" ทั้งที่เราไม่ได้ "รู้จริง"
ผมจึงเชื่อว่าความรู้ที่น่ากลัวที่สุดในโลก
คือ คำว่า "รู้แล้ว"
เพราะเมื่อคำว่า "รู้แล้ว" ดังขึ้น
ประตูแห่งการเรียนรู้ หรือการแสวงหา "ความจริง" เพิ่มเติมก็ปิดลงทันที
นี่คือ ความรู้ที่น่ากลัวและอันตรายอย่างยิ่ง
ผมเชื่อว่าหลายคนเคยเสียใจเมื่อรู้ภายหลังว่า
หลายสิ่งไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด

แต่เราตัดสินใจไปแล้ว

"เวลา" นั้นยุติธรรมกับทุกคน
เพราะเมื่อผ่านไปแล้ว ก็จะไม่หวนกลับมาอีก
และเมื่อเรารู้ว่าเราตัดสินใจผิดพลาด
สิ่งหนึ่งที่ค้นพบก็คือครั้งนั้นเรามองปัญหาไม่ครบ
มีบางสิ่งบางอย่างที่เรานึกไม่ถึง
มีบางเรื่องที่เราไม่รู้จริง แต่คิดว่ารู้
คำว่า "อาจจะ" เป็นอย่างนั้นก็ได้
ไม่ได้อยู่ในความคิดของเราในช่วงเวลานั้นเลย


แปลกไหมครับว่า จินตนาการสำหรับ
"สิ่งที่เราไม่รู้" ล้วนเป็นไปในทางลบทั้งสิ้น


"สิ่งที่เราไม่รู้" เหมือนกับ "ความมืด"
ทุกครั้งที่เราเดินไปในความมืด
จินตนาการสำหรับเส้นทางข้างหน้ามักจะน่ากลัวเสมอ
เราไม่รู้ เราไม่เห็น แต่เราไม่เคยคิดในทางบวก
ไม่เคยคิดว่าเส้นทางจะราบเรียบ
ไม่เคยคิดว่าอีกแป๊บเดียวก็ถึง
ไม่คิดว่าสักพักไฟฟ้าก็ติด ความสว่างก็จะมาเยือน ฯลฯ
เราไม่เคยให้ "โอกาส" กับ "สิ่งที่เราไม่รู้" เลย

"ให้โอกาสกับสิ่งที่เราไม่รู้"

เป็นชื่อหนังสือเล่มใหม่ของผม
9 พยางค์ครับ
คาดว่าถึงเล่มที่ 20 เมื่อไร
ชื่อหนังสือ อาจต้องมี "ย่อหน้า"

ผมชอบคำนี้มานานแล้ว และนำไปใช้อยู่เป็นประจำ
"ให้โอกาสกับสิ่งที่เราไม่รู้"
ชอบเหมือนกับคำอื่นที่กลายเป็นชื่อหนังสือ
มองโลกง่ายง่ายสบายดี, ฝันใกล้ใกล้ไปช้าช้า,
ชีวิตไม่ยากถ้าตั้งโจทย์ง่าย, เหยียบโลกไว้ไม่ต้องเครียด,
พลิกมุมคิดชีวิตเปลี่ยน, ฯลฯ


เพราะคำเหล่านี้ไม่ใช่แค่ "ชื่อหนังสือ"

แต่เป็นวิธีคิดและสิ่งที่ผมเชื่อ

ถ้าพูดให้เท่และดูขลังก็ต้องบอกว่ามันเป็น "ไบเบิลแห่งชีวิต" ครับ

ผมเชื่อว่านี่คือวิธีคิดหนึ่งที่ทำให้เรามองโลกในแง่ดี
เพราะไม่สรุปอะไรเร็วเกินไป


เราต้องให้โอกาสกับสิ่งที่เราไม่รู้บ้างครับ

ปีนี้ผมไปประจำการสักยันต์ในหนังสือแค่ 3 วัน

เสาร์ที่ 26 มีนาคม เวลา 14.00-15.00 น.

อาทิตย์ที่ 27 มีนาคม เวลา 15.00-16.00 น.

พุธที่ 6 เมษายน เวลา 13.00-14.00 น.

ส่วนเสาร์-อาทิตย์ที่ 2-3 เมษายน ติดงานสำคัญประจำปีของครอบครัว

งานเช็งเม้งครับ

ปีนี้สำนักพิมพ์มติชนคิดการใหญ่ จัดงานเปิดตัวหนังสือพร้อมกัน 3 เล่ม
ในวันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม เวลา 13.00-14.00 น.


นักเขียนที่ขึ้นเวทีประกอบด้วย "นิ้วกลม-วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล"

และ...ผม

มี "อริณธรณ์" เป็นผู้ดำเนินรายการ

ตอนที่น้องบอกว่าต้องขึ้นเวทีกับ "2 ซุป-ตาร์" ผมรีบเสนอตัวทันที

"ให้ผมเป็นผู้ดำเนินรายการดีกว่า"

เป็นกลยุทธ์สร้าง "ความแตกต่าง" เพื่อไม่ให้เกิดการเปรียบเทียบที่ชัดเจนเกินไป

แต่เมื่อน้องไม่ยอม

ผมก็เริ่มคิดแผนใหม่

...ใส่หน้ากาก "อินทรีแดง" ขึ้นเวที

เผื่อคนจะสับสน

และ "ให้โอกาส" กับ "สิ่งที่เราไม่รู้" บ้าง