ดุลยปวีณ กรณฑ์แสง
วันที่ 1 เมษายน 2553
- http://teetwo.blogspot.com/2006/08/blog-post_115604741263955351.html
- http://www.facebook.com/pages/Blue-Harbour/119541841408088
- http://teetwo.blogspot.com/2009/11/100.html
จากความผูกพันระหว่างช่างตัดผมกับลูกค้า
ที่กลายมาเป็นเพื่อนกันกว่า30ปี
สู่ร้านตัดผมคุณผู้ชายสุดเนี๊ยบ
ร้านแรกและร้านเดียวของนิธิ สถาปิตานนท์
เปิดประตูเข้ามาในร้าน Blue Harbour
ชั้น 2 เค-วิลเลจ สุขุมวิท 26
หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน
ที่นี่สวยเกินกว่าจะเป็นร้านตัดผม
เพราะเป็นความตั้งใจของเจ้าของร้านที่ชื่อ
นิธิ สถาปิตานนท์ สถาปนิกศิลปินแห่งชาติ
เจ้าของบริษัท A49
ที่อยากออกแบบร้านที่ดูไม่เหมือนร้านทำผม
บนความตั้งใจสร้างร้านตัดผมผู้ชายที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย
“นั่งคิดว่าจะใช้ธีมไหนดีมาทำร้านตัดผม เลยนึกถึงว่า
ปกติร้านตัดผมดีๆ ในยุโรปจะตั้งอยู่ตามท่าเรือ
เพราะชาวเรือต้องมาโกนหนวด ตัดผมหลังกลับขึ้นฝั่งร้านนี้เลยใช้ธีม
Blue Harbourในการตกแต่งและใช้เป็นชื่อร้านด้วย”
นิธิ สถาปิตานนท์ เจ้าของร้านตัดผมคนใหม่
ที่หมั่นเข้ามาคุมร้านเองแทบทุกวัน
บอกเช่นนั้นแต่เรื่องของเรื่องกว่าจะมาเป็นร้าน Blue Harbour
ที่สถาปนิกใหญ่ตั้งใจจะเปิดเพียงแค่ร้านแรก
และร้านเดียวต้องย้อนหลังไปไกลกว่านั้น...
30 กว่าปีมาแล้ว นิธิมีช่างตัดผมรู้ใจคนหนึ่งชื่อช่างสวัสดิ์ ละอาด
เป็นช่างมือดีที่ร้านประจำย่านสุขุมวิท
ตัดผมด้วยกันตั้งแต่หนุ่มๆ จนกลายเป็นความผูกพันระหว่าง
ลูกค้ากับช่างผมซึ่งก้าวพ้นวัยเกษียณทั้งคู่
วันหนึ่งปลายปีที่แล้วช่างสวัสดิ์คุยให้ฟังว่าร้านเดิมจะเลิกกิจการแล้ว
เขาจะทำอย่างไรดี ?
อย่างงั้นก็เปิดร้านตัดผมเองเลย
“ถ้าเขาเลิกตัด ผมก็คงต้องหาช่างคนใหม่
ทีแรกคิดว่าจะให้ร้านใหม่ให้เขาอยู่
ไปๆ มาๆ เห็นว่าที่เค-วิลเลจกำลังก่อสร้าง
และอยู่ใกล้ๆ กับออฟฟิศ A49
เลยคิดว่าอย่างนั้นมาเปิดร้านตัดผมเอง
ทำให้เป็นร้านตัดผมแนวอนุรักษ์
เลยชวนเขามาอยู่ด้วยกันที่นี่”
จากที่ทั้งชีวิตเคยทำแต่งานสถาปนิกออกแบบโครงการมามากมาย
พอจะเปิดร้านตัดผมซึ่งแทบจะเป็นคนละสายวิชาชีพ
จึงต้องแสวงหาความรู้เพิ่มเติมไม่น้อย
เพราะธุรกิจร้านตัดผมเป็นงานบริการ
ค่อนข้างจุกจิกรวมถึงการพิถีพิถัน
สรรหาข้าวของและอุปกรณ์ต่างๆ ในร้านเองทุกชิ้น
เฟอร์นิเจอร์ในร้านหลายชิ้น
ยังคงกลิ่นอายร้านตัดผมแบบโบราณดั้งเดิม
อย่างเช่นเก้าอี้ตัดผมไฟฟ้าโบราณของญี่ปุ่น
บังเอิญมีร้านตัดผมเก่าแก่เลิกกิจการแล้ว
ประกาศขายเลยได้มาไว้ที่ร้าน 4 ตัว
ปรับปรุงซ่อมแซมจนเอี่ยมอ่องอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีเฟอร์นิเจอร์เก๋ๆ โต๊ะ ตู้ เก้าอี้โซฟาตัวใหญ่
รวมถึงของประดับตกแต่ง เรือใบ กรอบรูป ห่วงชูชีพ
สร้างอารมณ์และบรรยากาศสบายๆ ผ่อนคลาย
เหมือนนั่งอยู่บ้านและยังมีหมวก และเสื้อเก๋ๆ วางขายในร้านอีกด้วย
"จากช่างตัดผมกับลูกค้าตัดไปตัดมา
เริ่มสนิทสนมจนวันหนึ่งกลายเป็นเพื่อนกัน
เลยอยากทำร้านที่คนเข้ามาแล้วรู้สึกสบาย
เหมือนอยู่บ้าน มีกาแฟมาเสิร์ฟ
ร้านเราจะเป็นร้านตัดผมแนวอนุรักษ์
ที่ช่างจะตัดผม โกนหนวด แคะหูให้
และมีบริการนวดด้วยทรงผมที่นี่จะออกแนวผู้ใหญ่ๆ หน่อย"
บริการเสริมนอกจากตัดผม ยังมีบริการนวดหน้า และนวดเท้า
เพราะเจ้าของร้านโปรดปรานการเล่นกอล์ฟเลย
อยากเอาใจลูกค้าที่เป็นนักกอล์ฟ
เหมือนกันอะไรจะมีความสุขเท่ากับเล่นกอล์ฟมาเหนื่อยๆ
แล้วมีคนมานวดหน้า นวดเท้า
แถมบริการตัดผม โกนหนวด แคะหู
จนรู้สึกโล่งสบายไปทั้งตัวเวลานี้เลยมีนักกอล์ฟทั้งญี่ปุ่น
และต่างชาติหลายคนที่ติดอกติดใจเข้ามาใช้บริการ
นิธิ บอกว่า ทั้งชีวิตนี้งานหลักของเขา
เคยทำแต่งานสถาปนิกออกแบบ
ธุรกิจที่มีทั้งหมด 14 บริษัท
ก็ทำเกี่ยวข้องกับด้านนี้ ทั้งหมด
เพิ่งจะมีร้านตัดผมนี่แหละที่เป็น
ธุรกิจแรกในชีวิตที่เปิดร้านรับเงินสดๆ
จาก ลูกค้าเปิดร้านมาได้ 2 เดือนกว่าๆ
แล้วแต่ ไม่ค่อยได้บอกใครเท่าไหร่
เพราะเปิดแบบเล็กๆเป็นงานสนุก
ที่ไม่ได้มุ่งหวังผลกำไร
แต่อยากให้กำลังใจ
ช่างที่เขามีฝีมือมากกว่า
เพราะเดี๋ยวนี้ช่างดีๆ หายาก
สนใจใช้บริการเชิญแวะไปได้ที่ Blue Harbour
ร้าน ตัดผมคุณผู้ชายสุดเนี้ยบ...ทุกกระเบียดนิ้ว
(ถ้าไม่อยากผิดหวัง
แนะนำให้จองคิวช่างล่วงหน้า
ที่โทร. 0-2661-2901-2 สามารถระบุได้ว่า
ต้องการห้องตัดผมแบบไพรเวท
สำหรับคนที่หวงแหนความเป็นส่วนตัวยิ่งชีพ)