Custom Search

Aug 14, 2010

ถอดหมวกประภาส !






นันทขว้าง สิรสุนทร
LIFE STYLE
วันที่ 9 ตุลาคม 2552

ทวงถามวันวานกับ โก๋ ลำลูกกา ทักทายตัวตนวันนี้ของบิ๊กบอส เวิร์ค พอยท์

ประภาส ชลศรานนท์ ผู้ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 23 CEO แห่งปีจากกรุงเทพธุรกิจ

ตัวตน ของ "ประภาส ชลศรานนท์" นั้น เริ่ม ต้นมาจากที่ใดหรือ ?

..จากวันที่เป็นเด็กเมืองชลฯ แอบนั่งรถไปดูหนังในเมืองคนเดียว
หรือจากวันที่เป็น โก๋ ลำลูกกา หามิตรกินยาดองเหล้า ?

..จากวันที่ความคิดแรกเดิน ทาง ผ่านถ้อยคำและถ้อยความโดยปลายปากกา
หรือจากอิฐ ก้อนสุดท้ายของ "เวิร์คพอยท์" โบกก่อเสร็จ ?

จะมีต้นทางมาจากอะไรก็ตาม แต่ระหว่างทางที่ผ่านมา
เขาคือ "นักคิดนักเขียน" และคนทำงานผู้หนึ่ง
ซึ่งคนหนุ่มสาวมากมายใฝ่ฝันอยากจะเดินตาม
และในวาระที่ ประภาส ชลศรานนท์ ถูกเลือกให้เป็น 1 ใน 23 CEO ปี 2009
จาก "นสพ.กรุงเทพธุรกิจ"
..นี่อาจเป็นโอกาสอันดี ที่ "จุดประกาย" จะมา "ทักทาย" ตัวตน
และ "ทวงถาม" ถึงความคิดของบุรุษ นามนี้

@เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องมั้ยว่า
ผู้ชายคนนี้ไม่มีเวลาเป็น โก๋ ลำ ลูกกา
เพราะวุ่นวายกับการเป็น ประภาส ชลศรานนท์

ถ้ามองว่า โก๋ ลำลูกกา คือไอ้หนุ่มลูกทุ่งแบบเฮๆ
มันก็อาจจะเป็นไปได้ว่า ถ้าวันนี้ ไอ้หนุ่มคนนั้นก็กลายเป็นลุงแก่ๆ
เอามะขามเปียกกินกับยาดองอยู่ แต่เขาก็ยังเป็นโก๋ ลำลูกกาได้
อันที่จริง ตลอดการทำงานมา ผมเป็น ประภาสมากกว่าโก๋ ลำลูกกานะ

@แล้ว โก๋ ลำลูกกา เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว กับ ประภาส วันนี้ ต่างกันอย่างไร

โก๋ นิ่งลง อาจจะรีแลกซ์มากขึ้น หัวใจที่เคยร้อนแรงในวัยหนุ่มมันเย็นลง
เหมือนไฟในเตาที่ไม่ลุกโชน แต่บอกได้เลยว่าไม่มอด
ผมยังมีความสุขทุกครั้งที่คิดโปรเจคใหม่ๆ ขึ้นมา
แต่ก่อนอยากทำนั่นอยากทำนี่แบบอยากแล้วจะทำเลย หกล้มมั่ง
ไม่เหมาะกับยุคสมัยบ้าง ทะเลาะ กับคนบ้าง
เดี๋ยวนี้อยากแล้วนั่งนึกก่อน แล้วหาวิธีทำออกมาให้ดี
ให้สำเร็จ ให้กลมกล่อม แล้วก็หาทางส่งเสริมคนรุ่นใหม่

@แล้ว คนชื่อประภาส แบ่ง "ร่างเงา-หัวโขน" อย่างไร

จะว่าไป ผมเป็นพวกงานกับเล่นเป็นชิ้นเดียวกันอยู่แล้ว
งานที่ผมรับผิดชอบส่วนใหญ่เป็นพวกงานครีเอทีฟ
แม้จะโจทย์ยาก ผม ก็รู้สึกว่ามันเป็นของเล่นที่ผมสนุกกับมัน
ส่วน เรื่องงานบริหารผมก็ว่าไปตามสไตล์ของผม
คือไม่มีฟอร์ม จะ ทำอะไรตัวเองต้องชอบและคนอื่นชอบด้วย
ส่วนนอกงาน ผมคุยสนุกกับน้องๆ ที่ร่วมงานเหมือนเพื่อนเหมือนพี่เหมือนน้อง
ยิ่งเวลาไปเฮๆ กับเพื่อนเก่าก็จะเหมือนคนเดิมครั้ง ยังหนุ่ม
พวกผมเป็นอย่างนี้ เวลามาเจอกัน ไม่ว่าใครจะหมวกสูงหมวกใหญ่แค่ไหน
ถ้ายังมัวแต่ใส่ หมวกอะไรมาอยู่นะก็จะถูกตบหัวเอา (หัวเราะ)
คนที่ เรียนอาร์ตมันเป็นแบบนี้แหละ
มีฟอร์มแล้วเด๋อ ใครยิ่งมีฟอร์มยิ่งตลก

@ทำงานมากมายหลายอย่าง มีเวลาหาวัตถุดิบใส่ตัวจากตรงไหน

นี่หมาย ถึงเชื้อเพลิงหรือไฟ

@เอา "ไฟ" แล้วกัน

ก็ ตลอดเลยนะ แค่เดินมาดูคนหนุ่มสาวเล่นละครเวที
ก็เหมือนจุดประกายไฟให้ มองเห็นภาพตัวเองอยู่บนเวที
มองเห็นตัวเองเคยเขียนบท

@แต่ ก็เห็นเดินตรวจงานตามเวทีบ่อยๆ

เชื่อมั้ยว่า ผมไม่ได้ตรวจอะไรเยอะเลย ผมแค่มองภาพรวม
แล้วก็อยากดู อยาก หาความสุข ผมเป็นคนโปรดักชั่นมาตั้งแต่เรียน
การได้เห็นแสงได้ยินเสียง มันทำให้มีความสุข
มันทำให้ไฟในใจปะทุได้ คนทั่วไปมักจะเห็นผมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
เอามือจับคาง หรือเหม่อๆ จริงๆ แล้วผมไม่เครียดอะไรเลย
สีหน้าผมมันเป็นอย่างนั้นเอง อย่างที่บอก
งานกับ เล่นของผมมันเป็นอันเดียวกัน
บางทีผมก็คิดเรื่องอื่นอยู่ บาง ทีผมก็แต่งเพลงอยู่
น้องๆ บางคนคิดว่าผมเครียด
ผมจริงจัง อัน ที่จริงจังน่ะผมจบมันไปตรงโต๊ะประชุมหมดแล้ว
ส่วนใหญ่นะ ผม ไปนั่งดูแบบคนทั่วไปอย่างมีความสุข

@ไม่เป็นคนแก่ที่รำคาญเด็กๆ?

ไม่เลย ทุกครั้งที่เห็นพวกเขาทำงาน กลับมองเห็นภาพตัวเองในอดีต
บาง ทียังคิดว่า ทุกวันนี้เราอายุเท่าไหร่วะ
เราใส่หมวกของอะไรอยู่วะ
สุดท้ายผมก็บอกตัวเองว่าผมแทบไม่รู้สึกแตกต่างอะไรกับเขา เลย

@บางคนดูหงุดหงิดกับอาการของ "คนหนุ่มคนสาวร่วมสมัย"

ยิ่งผมเห็นคนหนุ่มคนสาวทำ งาน ผมกลับกระปรี้กระเปร่าอยากทำงาน

@คุณ มีวิธี keepตัวเอง
ให้อยู่ในความเคลื่อนไหวกับความคิดคน หนุ่มสาวอย่างไร


มันเป็นธรรมชาติของผมเลย ผมเป็นแบบที่เขียน
ในเพลง "อื่นๆ อีกมากมาย" ของ เฉลียงมาตั้งแต่เรียนหนังสือ
ผมฟังเพลงได้ตั้งแต่เฮฟวี่ เมทัล ลูกทุ่ง แจ๊ส ร็อค ลูกกรุง
ผมชอบดูหนังดูละครที่หนักมากๆ
ขณะเดียวกันผมก็ชอบแบบตลกๆ ด้วย
มันคือตัวตนของผมที่เป็นมาแบบนั้น
ผมอ่านโดราเอมอนไปพร้อมๆ กับอ่าน อัลแบร์ กามูส์
จนถึงวันนี้ เรื่องที่คนหนุ่มสาวสมัยนี้สนใจ
ผมก็สนใจ สนใจ เหมือนตอนที่ฟัง ศรคีรี ศรีประจวบ
อยู่แล้วมีคนเอา พิงค์ ฟลอยด์ มาฟัง แล้วเราอยากฟังด้วย

@เป็นแบบนั้นตั้งแต่อยู่ชลบุรี หรือมาอยู่สถาปัตย์ฯ จุฬา

เป็นแบบ นั้นตั้งแต่เกิดนะ (หัวเราะกันครืน) แล้วยิ่งเจอไปเรื่อยๆ ยิ่ง
ทำเวิร์คชอปกับชีวิต ทุกวันนี้ ผมก็ยังอยากรู้ตลอดว่า
อะไรคือ facebook ไอ้เครื่องโทรศัพท์บีบีมันเอาไว้ทำอะไรได้บ้าง
ทำไม เพลงยุคใหม่ต้องขึ้นเสียงสูงๆ
มันมีโน้ตหรืออะไรที่เปลี่ยนสไตล์ไปหรือ
หรือเพลงแร็พ ทำไมต้องแร็พ
ผมชอบที่จะอยากรู้ว่า แก่นของแต่ละอย่างคืออะไร
แล้วก็ไม่เคยรังเกียจ ศิลปะแขนงไหนเลย

@บ้านเมืองเป็นแบบนี้ แนวคิดของงานในวงการบันเทิงต้องเปลี่ยนไหม

ผมมอง อุตสาหกรรมบันเทิงเป็นสองหน่วย
หน่วยแรกคือนักปฏิบัติ ไม่ ว่าจะเป็นผู้กำกับ ผู้ช่วย ตากล้อง นักแสดง ดนตรี
ผมว่าตรงนี้เราไม่ขาด เราไม่แพ้ใครด้วยนะ
ผมพูดไปถึงภาพยนตร์ดีกว่า ฝีมือนักปฏิบัติบ้านเรา
ผมว่าดี นอกจากขาดเงินทุนแล้ว
เรายังขาดอีกหน่วยหนึ่งคือ หน่วยความคิด หน่วยนักปราชญ์

@แล้วทำไมวงการบันเทิงบ้านเราไม่มีนักปราชญ์

ผมว่านัก ปราชญ์บ้านเราไม่สนใจวงการนี้ (หัวเราะ)
หรือไม่คน ในวงการนี้ไม่สนใจนักปราชญ์
แต่ถามว่าจำเป็นมั้ย ผมว่าแนวความคิดของคนตะวันออก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแนวความคิดแบบพุทธ เป็นต้นทุนอย่างหนึ่งของเรา

@คุณมีลูกทั้งสองคนอยู่ในวัยเรียนเป็นหนทางช่วยข้อมูลด้านยุคสมัยให้พ่อได้ไหม

เผอิญว่า ทั้งสองคนเนี่ย ไม่เหมือนวัยรุ่นทั่วไป
สิ่งที่เขาชอบจะเป็น หนังดราม่า ฟังเพลงพวกออร์เคสตรา
ดูหนังการ์ตูนจิบลิ เขาไม่ได้เห่ออะไรทางไหนแรงๆ
แบบเป็นแฟนคลับใคร ส่วนเรื่องไอที พ่อกับลูกรู้พอๆ กัน

@คุณต้องใช้ความพยายามที่จะเข้าใจคนรุ่นใหม่ตลอดเวลาไหม

ผม ว่าผมไม่ได้พยายามจะเข้าใจ มันอาจจะเป็นตัวตนของผม
เป็น นิสัยที่ชอบที่จะเข้าใจอะไรต่อมิอะไร
แล้วก็เป็นนิสัยที่มีความสุข ในวัยหนุ่ม
ในกลุ่มเพื่อนๆ บางคนอาจจะรังเกียจละครของคณะนู้นคณะนี้
แต่ผมไม่เคยรังเกียจ ผมชอบให้โอกาสตัวเองได้ลองชอบ
โดยไม่ต้องพยายาม และ ก็ไม่ฝืนด้วย
ผมไปตีสนุกเกอร์ เพราะเพื่อนตี
แต่ก็ไปฟังเพลงของ อาจารย์บรู๊ซ แกสตัน ด้วยนะ
และถ้าชอบอันไหนมากกว่า ถ้ามันมาพร้อมกัน ถึงเลือก

@แล้ว ประภาส มี facebook กับเล่น twitter ไหม ?

ไม่มี แต่รู้แล้วว่าคืออะไร ผมเล่น hi 5 บ้าง
ต้องบอกว่าไม่ค่อยสนุกเท่าไร แต่รู้ว่ามันมีประโยชน์ twitter ก็ด้ว
เดี๋ยวจะลองเปิดดู แต่เดาว่าคงไม่เหมาะกับวิถีชีวิตเราเท่าไร

@ลูก ฟังเพลง "เฉลียง" ไหม

ฟังครับ บางทีมาอำๆ ว่า พ่อเขียนเพลงอะไร
ฟังไม่รู้เรื่อง (ยิ้ม) บางทีเขา
อาจจะเข้าใจแต่อำผม เขาเล่นเปียโนเพลงของเฉลียง
ได้หลายเพลง เขาแกะเอง

@แล้วคุณพ่อของ ลูกสองคน เป็นนักโหยหาอดีตไหม

ไม่ต่างจากคนอื่นๆ หรอกครับ มันเป็นอาการแบบอยากกลับไปเห็นความสุขใน
วันนั้น ไม่ถึงขนาดโหยหามัน ว่างๆ ก็เอารูปเก่าๆ
มาดู รูปเพื่อนๆ ตอนวัยคะนอง รูปลูกตอนเล็กๆ เห็น
แล้วความสุขในวันนั้นมันก็ลอยขึ้นมาได้
เครื่องย้อนเวลานี่มีจริงๆ เสียด้วย
แค่ดูรูปหรือฟังเพลง มันก็พาเราย้อนไปแล้ว
บางครั้งถึงขนาดเอาหนังเก่าๆ มาดู

@เช่น เรื่องอะไร...

back to the future ภาค 2
เพราะผมจำความสุขตอนที่ดูในครั้งแรกได้และพอเอามา ดู
ก็พบแผลในหนังเต็มไปหมด แต่ก็มีความสุขที่ได้ดู
นี่ เพิ่งเอาหนังเถียนมิมี่มาดูอีกครั้ง และก็ยังชอบอยู่..

@คุณ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ของ Grammy ชอบ the sound of music,
คุณ ปกรณ์ พงศ์วราภา CEO ของ GM ชอบ the god father
แล้วหนังในดวงใจของ ประภาส ชลศรานนท์ คือ ?

ผมชอบเรื่อง "ดวง" ของ เปี๊ยก โปสเตอร์
มันเป็นหนังเรื่องแรกที่ผมไปดูด้วยตัวเอง

นั่งรถสองแถวไปคนเดียว กลับมายังถูกแม่ตีแต่ก็มีความสุข
จำได้ว่าผมไปเพราะผมเคยดูเรื่องโทนแล้วชอบ
ก็เห็น ตรงใบปิดหนังว่า

เปี๊ยก โปสเตอร์ เป็นผู้กำกับ พอมา
เรื่องดวงเลยอยากไปดูดวงเป็นเรื่องที่ดูในโรงหนั
แต่โทนเป็นเรื่องที่ผมดูในหนังกลางแปลง
หนังกลางแปลงสมัยก่อนนี่หนังจีนเยอะ
ที่สุด แล้วผมไม่ค่อยชอบดูหนังเกี่ยวกับจอมยุทธ์
เพราะมันจะเหมือนๆ กัน เดี๋ยวมันก็ไปล้างแค้นแล้วน่าเบื่อมาก
จนกระทั่งมาดู "โทน" เราคิดว่าหนังไทย
มีแบบนี้ด้วยหรือ เลยจำชื่อ เปี๊ยก โปสเตอร์ ไว้

@เมื่อกี๊บอกว่าหนังเรื่องดวงเป็นเรื่องแรกที่ไปดูด้วยตัวเองที่ โรงหนัง
ยังจำชื่อโรงหนังได้ไหม

ชื่อ อพอลโล่ เออ ผมมีเรื่องจะเล่าด้วย (เขาขยับตัวจิบน้ำ
ดูผ่อนคลาย และสนุกในการเล่าเรื่องมากขึ้น)ที่โรงหนังอพอลโล่ เป็
สถานที่แรกในเมืองชลที่มีบันไดเลื่อนนะ
ก่อนหน้านั้น พี่ชายผมเคยพาไปที่นั่นเพื่อไปขึ้นบันไดเลื่อนอย่างเดียว
แล้วเด็กๆ ก็เข้าแถวเพื่อขึ้นบันไดเลื่อนเล่น ขึ้นแล้วก็วนใหม่แบบนั้น จนโรงมาไล่

@การ ไปดูหนังบ่ายวันนั้นเหมือน adventure ของเด็กผู้ชาย ?

ผมชวนเพื่อนไปดูด้วย แต่ไม่มีใครไป ผมเลยไปเอง กำตังค์มัดใส่เสื้อ
แล้วจำได้ว่าจะต้องลงตรงไหน เพราะเคยไปแล้ว
ผมว่า "ดวง" ไม่เหมือนหนังไทยเรื่องอื่นๆ ตัวอักษรเป็นกราฟฟิกโค้งๆ ยังจำได้
และให้ความสำคัญกับนักแสดงสมทบมาก ตอนนั้นไม่รู้ว่าหนังมันดีไหม
แต่รู้ว่าตัวเองดู แล้วมีความสุข จนถึงวันนี้ ก็ไม่เคยมีโอกาสดูหนัง
เรื่องนั้นเป็นครั้งที่สองอีกเลย ไม่รู้จะไปหาที่ไหน
แต่ นึกถึงทุกครั้งก็มีความสุข และก็ยกให้เป็นหนังในดวงใจไปแล้ว
จะว่าไปมันคงเหมือนเด็กชายที่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถโดยสาร
แล้วเห็นว่าผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามนั้นน่ารักเหลือเกิน
แล้วเธอก็ลงรถไป แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
แต่เมื่อนึกถึงก็ยังเห็น ภาพความน่ารักของเธอไปตลอด ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ ตาม

@คุณคิด "คุณพระช่วย" คุณทำอัลบั้ม "เยื่อไม้"
คุณเป็นแฟนเพลงลูกทุ่ง "ศรคีรี" ..มันสะท้อนไหมว่าคุณ "ผูกพัน" กับ วัฒนธรรมไทย

อย่างที่ผมเคยบอกนะ ทุกอย่างที่ผมเป็นผมไม่ได้พยายามจะเป็นเลย
ผมเป็น ลูกคนจีนที่ชลบุรี ผมมีเพื่อนเป็นเด็กวัดหลายคน
หลายๆ ครั้ง ไปนอนค้างกับเพื่อนถือปิ่นโตตามพระ
ไม่กลับบ้านจนโดนแม่ตี หนอง มนสมัยนั้นบ้านนอกนะ
มีแต่เพลงลูกทุ่ง ที่วัดเวลามีงานก็มีแต่ลำตัด ลิเก
ความบันเทิงใหญ่สุดคือหนังขายยา
ปีปีหนึ่งก็รองานแห่เทียนพรรษา
รอเล่นสงกรานต์ รอก่อกองทราย
ทุกอย่างมันซึมซับอย่างไม่รู้ตัวหรอก

@มี เรื่องลุยๆ เฮๆ แล้วมีเรื่องโชคดีไหม ในแง่ของชีวิต

ผม โชคดีที่ผมได้เจอครูดีๆ ผมได้เรียนกับอาจารย์แสงอรุณ รัตกสิกร
ท่านปลูกฝังและจุดประกายความรักธรรมชาติให้ผม
ตอนเรียนอยู่กับท่านก็ไม่เคยรู้สึกอะไรมาก มันคงเหมือนเมล็ดพืช
อยู่ๆ วันหนึ่งพอเราจะเขียน อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
สิ่งที่ท่านปลูกฝังเรา มัน งอกใหญ่เลย
แล้วก็ยังได้เจออาจารย์สดใส พันธุมโกมล
ท่านนี้เหมือนกับเป็นผู้เปิดประตูให้
ผมได้รู้จักศิลปะแขนงการแสดงอย่างจริงๆ
ผมไม่ได้เรียนกับท่านในห้อง ได้เรียนกับท่าน
เพราะไปสมัครเล่นละครกับท่าน ก็เลย ได้ครูพักลักจำบ้าง
ได้สนทนากับท่านบ้าง ท่านไม่ได้ สอนแต่เรื่องการแสดง
ท่านสอนไปถึงวรรณศิลป์ สอนไป ถึงเรื่องในใจของมนุษย์
แถมยังได้เจออาจารย์บรู๊ซ แกสตัน
ผมโชคดีจริงๆ ที่มีครูดีๆเยอะ
อาจารย์หลายท่านที่คณะสถาปัตย์
ก็สอนให้ผมรู้จักศิลปะของการมองภาพรวม

@กลิ่น ของวันวาน "อบอวล" ในการพูดคุยครั้งนี้
ถ้าให้เลือก "ของ เล่นสักชิ้น" ในวัยเด็ก คุณเลือกอะไร ?

ลูกข่าง ! (ตอบทันที) มีอีกอย่างที่ไม่เคยเป็นเจ้าของมัน
แต่ นึกได้ว่าชอบมากก็คือ เรือป๊อกแป๊ก
เรือสังกะสี ที่มันแล่นในน้ำได้
(คนรอบวง รวมทั้งผู้สัมภาษณ์พากันอธิบายที่มาของมันกันยกใหญ่)
ผมตื่นเต้นกับมันนะ ไม่รู้ว่ามันแล่นได้ยังไง

@คุณวิสูตร พูลวรลักษณ์ CEO ของ GTH
บอกว่าอยากเป็น "สตรีเหล็ก" มากกว่า
เป็น "นางไม้" คุณประภาส ชลศรานนท์ ล่ะ
ยากเป็น "เทวดา ตกสวรรค์" หรือ "มังกรไฟไม่เรียนหนังสือ"

ผมไม่เป็นอะไรเลย (หัวเราะ) จริงๆ ไม่เป็นสุธี (สามสี่ชาติ) ด้วย
ผมล้วนสร้างตัวละครขึ้นมา และสุธีที่คนเข้าใจว่าเป็นผม
จริงๆ ก็ไม่ใช่ผมเลย มันแค่แอนตี้ฮีโร่คนหนึ่งที่ผม
สร้างขึ้นมา มันไม่มีส่วนผสมของผมเลย เทวดาตกสวรรค์ ยิ่งไม่ใช่
ผมสร้างเขาขึ้นมาเพื่อต้องการถามอะไร
บางอย่างจากสวรรค์เท่านั้น มังกรไฟก็
เหมือนกัน มันไม่เรียนหนังสือใช่ไหม
แต่ผมเป็นเด็กที่ชอบเรียนหนังสือมาก

@เรา สนทนากันอยู่ในโรงละคร M theatre
น่าสังเกตว่าระยะหลังๆ เวิร์คพอยท์ ลงมาทำโชว์มากขึ้น
เข้าใจได้ไหมว่า จะเป็นตลาดใหม่ของบริษัท

ถ้า มองในภาคอุตสาหกรรมแล้ว คอนเสิร์ตก็คือมีเดียหนึ่ง
ฉะนั้น การ ทำคอนเสิร์ตกับการทำทีวีนั้น มันแตกต่างที่สดกับไม่สด
แต่ มันคือมีเดียอย่างหนึ่ง วิธีการคิดเหมือนกัน
ราย ละเอียดอาจจะไม่เหมือนกัน เรื่องเวลาในการทำงาน
แต่ ที่สุดแล้วมันเหมือนกัน
เหมือนเขียนเรื่องสั้น เหมือนแต่งเพลง ผมมองว่ามันคล้ายๆ กันหมด

@กด ดันมั้ยเวลามีแฟนเฉลียงบ่นว่า
มี ใครคนอื่นเอาเพลงเฉลียงไปร้องเป็นอื่นๆ อีกมากมาย

ไม่ รู้สึกกดดัน แล้วยังเข้าใจพวกเขาด้วย
เราพยายามจะ อธิบายให้เขาเข้าใจว่า
เพลงต้นแบบมันบันทึกเสียงไปแล้ว
ถ้า ของใหม่มันไม่ดีเท่า ก็ยังมีของเก่าให้ฟังอยู่
ถ้าของใหม่มันดี ยิ่งบวก เพราะของเก่าก็ยังอยู่
ของใหม่ก็เพิ่มขึ้นมา ถ่ายทอดต่อไปให้คนรุ่นใหม่
เหมือนเวลามีคนมาบอกว่า ไม่ชอบเลยถ้ามีคนเอา "สุธีสามสี่ชาติ" ไปทำใหม่
ผม ก็จะบอกเขาว่า เอ้า ถ้าไม่อยากดูหรือไม่ชอบ หนังสือ
มันก็ยังอยู่ก็ไปอ่านหนังสือได้นะ
..ผมชอบการต่อยอด ผม ยังเคยเอาเพลงสุนทราภรณ์มาทำใหม่เลย

ผมเข้าใจความรู้สึกของคน ที่ยึดติดในของเก่านะ
มันผูกพันกันมากกว่าชอบ เหมือน ฟังบีจีส์น่ะ ไม่มีใครทำเสียงสูงได้แบบ
เดอะ บีจีส์ จริงๆ แต่ ถ้าไม่มีคนรุ่นใหม่เอามาร้องใหม่
อีกหน่อยใครจะรู้จักเพลงของบีจีส์ อย่างล่าสุด
ละครเดอะเลเจนด์ออฟเร่ขายฝัน ที่ได้น้องๆ เอเอฟมาเล่น
มีคนพยายามค้านว่า เด็กๆ พวกนี้จะร้องเพลงเฉลียงได้ดีหรือ
ผมไม่คิดอย่างนั้น เลย ผมรู้เลยฝนกำลังตั้งเค้า
ใบอ่อนกำลังรอแทงยอด แล้ว มันก็ออกมาดีสมใจ
น้องๆ ร้องเพลงเฉลียงกันดีเหลือเกิ แฟนๆ เพลงเฉลียงก็ยอมรับละครเพลงเรื่องนี้ดี

@นี่ คือ วิธีคิดแบบ "อื่นๆ อีกมากมาย"

ใช่ ถ้าชีวิตลองเปิดใจ
คุณจะเจอของใหม่ไปเรื่อยๆ
แล้วก็เจอความรู้สึกดีๆ ใหม่ๆ ด้วย