Custom Search

Feb 26, 2008

สถาปนิกสี่เหลี่ยมสิบสองมุม

www.A49.com
ตอน นักร้อง ดารา และอาชีพสถาปนิก ไปกันได้หรือไม่ ในคราวเดียวกัน

ผู้เขียน
:นิธิ สถาปิตานนท์

มีคำถามพรั่งพรูมามากมายจากนิสิต นักศึกษาว่า ถ้าจะเป็นนักร้อง เป็นดารา และเป็นสถาปนิก ในคราวเดียวกันนั้นเป็นได้หรือไม่ เพราะมีตัวอย่างให้เห็นว่าเมื่อเรียนจบสถาปัตย์ แล้วก็ออกไปเป็นดารา เป็นนักร้อง เป็นพิธีกรกันหลายคน บางคนก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ กลายเป็นคนของประชาชน เป็นบุคคลตัวอย่าง เป็นแบบอย่างของเด็กรุ่นใหม่ ๆ

โดยเฉพาะเด็กที่เรียนมาทางสายวิชาสถาปัตยกรรม หลาย ๆ คนใฝ่ฝันว่า วันหนึ่งจะเจริญรอยตามไปในแนวทางนั้น ใจหนึ่งนั้นก็รักที่จะเป็นสถาปนิก มีโอกาสที่จะได้ออกแบบงานสถาปัตยกรรมสวย ๆ งาม ๆ อาจเป็นด้วยใจรัก และได้ร่ำเรียนมาหลายปี เลือดของการเป็นสถาปนิกก็ฝังลึกอยู่ในจิตใจอีกใจหนึ่งนั้นก็มีไฟ มีพลัง มีความเชื่อมั่นว่า มีความสามารถพอที่จะก้าวไปสู่ธุรกิจบันเทิงเป็นดารา เป็นนักร้องได้ ที่นักศึกษาหลาย ๆ คนตั้งคำถามนี้ขึ้นมาก็ด้วยความลังเลไม่แน่ใจ ใจหนึ่งก็ยังห่วง ยังรักการเป็นสถาปนิก

อีกใจหนึ่งก็ร้อนรุ่มเมื่อมีโอกาสมีข้อเสนอมาหยิบยื่นให้ และก็เป็นข้อเสนอที่เด็กรุ่นใหม่ ๆ ใฝ่ฝันกันทุกคน กรณีของการทำอาชีพทั้งสองควบคู่กันไป และประสบความสำเร็จได้ด้วยนั้นมีให้เห็นเป็นตัวอย่างไม่มาก มีกรณีศึกษาน่าเล่าสู่กันฟังได้ จากที่ได้พบเห็นได้สัมผัสมาในวงการมาช่วงหนึ่งของชีวิต ผมมีโอกาสได้รู้จักสถาปนิกนักร้อง นักดนตรี และสถาปนิกดารา พิธีกรหลายคน

ในหลายคนที่กล่าวนี้ได้พยายามที่จะทำงานเป็นสถาปนิกและเป็นดาราควบคู่กันไป เป็นลูกจ้างในสำนักงานสถาปนิกบ้าง เป็นเจ้าของสำนักงานเองบ้าง กลางวันทำงานออฟฟิศ กลางคืนหรือวันเสาร์อาทิตย์ไปทำงานในวงการบันเทิง มีหลายคนทีเดียวที่ประพฤติปฏิบัติตัวเช่นนี้อยู่ได้สักพักหนึ่งก็หมดเรี่ยวหมดแรง ทำได้ไม่ดีทั้งสองอย่าง จนต้องมานั่งตัดสินใจว่าจะเดินไปในทางไหนดี หลายคนตัดสินใจเข้าสู่วงการบันเทิงเต็มตัว ละทิ้งอาชีพสถาปนิกไปโดยสิ้นเชิง ปลดคราบของการเป็นสถาปนิกไปแบบไม่เหลือหลอ

เมื่อถึงคราวที่จะมีบ้านช่องเป็นของตัวเอง ก็ต้องไปว่าจ้างสถาปนิกคนอื่นออกแบบและดูแลการก่อสร้างให้ ได้พูดได้คุยกับคนพวกนี้ก็ทราบว่าเป็นความยากลำบากอย่างยิ่งที่จะทำงานทั้งสองอย่างนี้ควบคู่กันไปในคราวเดียว ชีวิตดูสับสนวุ่นวาย งานการก็พาลจะเสียหาย ไม่ได้ดีทั้งสองอย่าง เอาเข้าจริง ๆ ชีวิตการเป็นสถาปนิกก็แร้นแค้นไม่รุ่งโรจน์เหมือนอย่างที่ฝันไว้ทำงานเหน็ดเหนื่อยต้องคอยบริการ เอาอกเอาใจคนอื่น

ท้ายที่สุดก็ไม่ร่ำรวยอย่างที่เป็นดารา เป็นนักร้องเสียอีก ถ้าหน้าตาดีเป็นที่รู้จักในวงการ ทุกเวลา ทุกนาที มีค่ามีความหมาย แค่เดินออกไปปรากฎตัวก็มั่นใจได้ว่าจะได้เงินได้ทองเป็นค่าตอบแทน เป็นสถาปนิกเสียอีก พูดจาเป็นวัน ๆ ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะได้งานทำ จะได้ค่าตอบแทน หลายคนคิดทบทวนชั่งน้ำหนักดูแล้วก็ต้องบอกร่ำลา มุ่งมั่นไปทำอย่างอื่น มีให้เห็นมาหลายยุค หลายสมัย ผมมีโอกาสได้รู้จักใกล้ชิดกับเพื่อนสถาปนิกหลายคนที่มีโอกาสได้ทำงานทั้งสองด้านนี้ บางคนมีโอกาสทำควบคู่กันไป ได้ดีบ้าง ไม่ได้ดีบ้าง สิบปีผ่านไปก็ต้องมานั่งเลือกว่าจะมุ่งไปทางไหนดี

ผมมีโอกาสได้รู้จักเกียรติศักดิ์ เวทีวุฒาจารย์ (เกี๊ยง) และสัญญา คุณากร (ดู๋) ทั้งสองเป็นนักศึกษาสถาปัตย์ฯ จุฬาฯ รุ่นเดียวกัน และเป็นรุ่นน้องของผม เมื่อตอนเรียนทั้งคู่มีโอกาสได้ร่วมกิจกรรมในมหาวิทยาลัย เป็นนักร้อง เป็นดาราละครกันมาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ เป็นขวัญใจของนักศึกษานักเรียนในยุคนั้นเลื่องลือข้ามไปมหาวิทยาลัยอื่นๆ

เมื่อ “เกี๊ยง” เรียนจบก็มาสมัครงานกับผมด้วยประวัติการเรียนดี ผลงานวิทยานิพนธ์ได้เกรด “A” ได้เกียรตินิยม พร้อมกับมอบเทปเพลงของ “วงเฉลียง” ที่เกี๊ยงเป็นหนึ่งในนักร้องนำที่เพิ่งออกสู่ตลาดสดๆ ร้อนๆ ในยุคนั้นให้กับผม
เกี๊ยงและวงเฉลียงในยุคปี พ.ศ. 2530 โด่งดังติดตลาด เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เกี๊ยงมานั่งอยู่ข้างหน้าผม ด้วยมาดของบัณฑิตสถาปัตย์ฯฝีมือดี และด้วยบุคลิกถ่อมตัวที่ไม่อยากให้ผมเห็นภาพพจน์ของการเป็นนักร้อง

เกี๊ยงบอกว่าอยากเป็น “สถาปนิก” อยากออกแบบ และให้คำมั่นสัญญาว่า จะไม่รบกวนเวลาของบริษัทไปทำธุรกิจอย่างอื่น และไม่คิดที่จะยึดอาชีพนักร้องนักแสดงเป็นอาชีพหลักตลอดไป


ผมรับเกี๊ยงเข้าทำงานด้วยไม่มั่นใจว่า เกี๊ยงจะทำอาชีพสถาปนิกนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะวงการบันเทิงเป็นวงการมายาที่ใครเข้าไปสัมผัสแล้วก็หลงใหลถอนตัวออกมาได้ยาก เป็นอาชีพที่ไต่เต้าขึ้นสู่ความสำเร็จได้รวดเร็วและไม่ยาก

ถ้าจังหวะดีและโอกาสเอื้ออำนวย วันที่มาสมัครงาน เกี๊ยงก็ได้โอกาสนั้นไปแล้ว มีแฟนเพลงห้อมล้อมทุกแห่งที่ไปปรากฏตัว เช่นเดียวกับ ดู๋ (สัญญา คุณากร) ที่มีคนรู้จักไปทั่วแล้วว่า เป็นดาราละครที่มีชื่อเสียง ทั้งดู๋ และเกี๊ยง เริ่มต้นคล้ายๆ กันคือ อยากเป็นสถาปนิก อยากทำงานหลักในสำนักงานสถาปนิก และทำงานวงการบันเทิงเป็นส่วนประกอบ ดู๋เข้าทำงานในบริษัทสถาปนิกของเพื่อนผม ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมเยียนก็เห็นดู๋นั่งทำงานอยู่เสมอๆ ผมไม่ได้เป็นนักร้อง ไม่ได้เป็นดารา และไม่รู้ว่าการเป็นนักร้อง เป็นดารานั้นจะต้องทำตัวอย่างไร

แต่ตลอดเวลา 14 ปีที่ได้ทำงานใกล้ชิดกับเกี๊ยงมา ก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างว่า การเป็นดารา เป็นนักร้องที่ได้นั้น ก็ต้องเป็นคนมีจริยธรรม มีจรรยาบรรณ มีความอดทน มีความอดกลั้น ต้องซื่อสัตย์ในวิชาชีพของตนอย่างถ่อมตน ไม่โอ้อวด ต้องพูดจาไพเราะ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ทั้งยังต้องเป็นคนที่รักษาคำมั่นสัญญา รักษาคำพูด ตรงต่อเวลา

เกี๊ยงมีหลายๆ สิ่งที่ผมพูดถึงอยู่ในจิตใจ เกี๊ยงจึงเป็นทั้งนักร้อง เป็นทั้งดารา และสถาปนิกได้ในคราวเดียวกัน ถ้าจะพิสูจน์กันด้วยเวลาสั้นๆ คงทำได้ยาก แต่เมื่อทำงานร่วมกันมานานถึง 14 ปี เกี๊ยงพิสูจน์ตัวเองว่า ทำได้ เกี๊ยงเป็นสถาปนิกเต็มตัว

เมื่อแรกเริ่มที่มีโอกาสได้พบลูกค้า มีโอกาสต้องไปเสนองาน ด้วยภาพพจน์ของการเป็นดารา เป็นนักร้อง ลูกค้าหลายคนไม่แน่ใจ แต่เมื่อได้ทำงานให้เห็น ได้แสดงฝีมือให้ปรากฏ ได้บริหารจัดการโครงการต่างๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยเสร็จตรงตามเวลา

ผลงานออกมาตรงตามความต้องการ ลูกค้าหลายๆ คนพอใจ เชื่อมั่น และท้ายที่สุดลูกค้ามีความมั่นใจ มีความศรัทธา และมีความเอ็นดูที่จะให้ทำงานในโอาสต่อๆ ไป สถาปนิกหลายๆ คนคงทำไม่ได้ และคงตัดสินใจเลือกทางหนึ่งทางใดไปในที่สุด

แต่เกี๊ยงผ่านช่วงเวลาทดสอบนี้ไปแล้ว และปักหลักยึดอาชีพของการเป็นสถาปนิกเต็มตัว ในส่วนลึกของผมนั้นผมชื่นชมที่เขามีความแน่วแน่ที่จะทำงานด้านนี้ ไม่วอกแวกให้เสียงาน

เขายึดมั่นในคำพูดที่ว่า จะไม่ทำให้เสียการงานและจะยึดการทำงานของบริษัทเป็นสำคัญ ตลอดเวลา 14 ปี เกี๊ยงมีโอกาสได้ออกเทป ต้องไปแสดงคอนเสิร์ต ต้องร่วมเล่นละครในบางโอกาส ต้องปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์บ้างเป็นครั้งคราว แต่เกี๊ยงก็มานั่งทำงานไม่เคยขาด ยังคงรักษาเวลาการทำงานไม่เคยพลาด ไม่เคยสร้างปัญหาให้กับเพื่อนร่วมงาน ถ้าจะมีช่วงวิกฤตจริงๆ ที่ต้องไปแสดงคอนเสิร์ตต่างจังหวัด เกี๊ยงก็ลาพักร้อนล่วงหน้า มอบหมายฝากฝังงานให้คนอื่นๆได้ช่วยดูแล ร่ำลาให้ลูกค้ารู้ล่วงหน้า

เกี๊ยงปฏิบัติได้เช่นนี้มาตลอด 14 ปีที่อยู่ด้วยกัน ผมพูดถึงเรื่องจริยธรรมและจรรยาบรรณของทั้งสององค์การคือ สถาบันการเป็นดารานักร้อง และสถาบันสถาปนิก ก็เพราะเรื่องนี้มีส่วนสำคัญมากที่ทำให้เกี๊ยงทำงานทั้งสองส่วนนี้ควบคู่กันไปได้ ไม่ทำความเสียหายหรือเสื่อมเสียกับานทั้งสองส่วน เรื่องหนึ่งที่เห็นว่าเกี๊ยงพยายามทำและทำได้มาตลอดก็คือ เกี๊ยงไม่คิดกอบโกยผลประโยชน์จากการทำงานทั้งสองส่วน ยึดมั่นในหลักการที่ถูกต้อง ไม่หาประโยชน์จากแฟนเพลง ไม่หาประโยชน์จากลูกค้าในวิชาชีพ ไม่รับสินจ้างที่ไม่ถูกต้อง

เขียนมายืดยาวเหมือนกับตั้งใจจะสดุดีใครสักคนหนึ่ง จริงๆ แล้วมิได้มีเจตนาเช่นนี้ การพูดถึงเกี๊ยงในลักษณะเช่นนี้เป็นเพียงกรณีศึกษาที่จะชี้แนะให้น้องๆ นักศึกษาสถาปัตย์ฯทั้งหลาย ที่ยังลังเลไม่รู้ว่าจะเดินไปทางใด หรือเดินไปแล้วควรจะทำตัวอย่างไรจึงจะสำเร็จได้ทั้งสองทาง

เกี๊ยงก็เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง ที่ฟันฝ่าและอุตสาหะมาได้ถึงจุดนี้
วันนี้เกี๊ยงยังมีงานร้องเพลงออกเทปและแสดงคอนเสิร์ต
ครั้งสุดท้ายนี้ก็เมื่อปลายปี พ.ศ. 2543 นี้เอง ช่วงตระเตรียมตัว
เกี๊ยงก็ไม่เคยรวบกวนเวลางาน จะอดหลับอดนอนอย่างไร เช้าขึ้นก็ต้องมาทำงานตรงเวลา และนี่แหละคือสิ่งที่อยากให้หลายๆคนที่ตั้งคำถามได้เข้าใจ และยึดถือเป็นแนวทางในการทำงานและปฏิบัติตัวต่อไป