From T2 |
มติชน
เสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้นทันทีที่เท้าซ้ายสวมใส่รองเท้าคอมแบตของ
พ.ต.อ.นพดล เผือกโสมณ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ย่ำลงไปบนระเบิดกับดัก
ตอกย้ำการพัฒนาวัถตุระเบิดอีกขั้นหนึ่งของกลุ่มก่อความไม่สงบ
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จากเดิมที่ใช้ระเบิดแสวงเครื่อง
จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือรีโมทคอนโทรลสายชนวนลากยาว
หรือตั้งเวลาด้วยนาฬิกาดิจิตอลอานุภาพของระเบิด
และทิศทางพุ่งขึ้นตรงส่งผลให้ขาซ้ายท่อนล่างปลิวหายไป
พร้อมกับตัดมือซ้ายตั้งแต่ข้อมือขาดออก
สะเก็ดระเบิดทำอันตรายต่อร่างกายซีกซ้าย
บางส่วนหลุดเข้าไปฝังในดวงตาข้างซ้าย
โชคดีที่ร่างกายท่อนบนรวมทั้งอวัยวะภายในไม่ได้รับผลกระทบสื่อทุกประเภท
รายงานเหตุการณ์อย่างละเอียดถึงความกล้าหาญ
เสียสละของนายตำรวจผู้กล้ารายนี้
เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่ พ.ต.อ.นพดลต้องเสี่ยงอันตรายและประสบเคราะห์กรรม
จากการปฏิบัติหน้าที่
ย้อนหลังไปเมื่อปี พ.ศ.2546 ขณะดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.อ.ระแงะ จว.นราธิวาส
เขาเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด เมื่อบุกเข้าไปช่วยเหลือ ตชด. 2 นาย
ที่พลัดหลงเข้าไปในกลุ่มชนผู้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นโจรนินจาเหตุการณ์ครั้งนั้น
ตำรวจพลร่ม 2 นาย ต้องเสียชีวิตจากการถูกกลุ้มรุมทำร้าย พ.ต.อ.นพดล
ได้รับบาดเจ็บสาหัส สมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก
ต้องพักรักษาตัวนานกว่า 2 เดือนวีรกรรมดังกล่าว
พ.ต.อ.นพดลได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
พระราชทานดอกไม้และเงินขวัญถุงจำนวนหนึ่งซึ่ง พ.ต.อ.นพดล
มิได้นำมาใช้จ่ายแต่อย่างใด หากแต่ได้เก็บไว้เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง
และครอบครัวครั้งนี้ก็เช่นกัน
ทันทีที่ความทราบถึงพระเนตรพระกรรณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีรับสั่งผ่านราชเลขานุการไปยัง
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ให้ พ.ต.อ.นพดลเป็นคนไข้
ในพระบรมราชานุเคราะห์ ยังความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นต่อ
ครอบครัว"เผือกโสมณ" และเพื่อนข้าราชการตำรวจที่รักใคร่ใกล้ชิด พ.ต.อ.นพดล
ตัวตนของ พ.ต.อ.นพดลเป็นอย่างไร สื่อมวลชนทุกประเภทได้นำเสนอแง่มุมต่างๆ
อย่างต่อเนื่อง ผู้เขียนในฐานะเป็นครู, พี่,และเพื่อนร่วมงานที่รู้จักสนิทสนมกับ
พ.ต.อ.นพดลมาช้านาน
ตั้งแต่เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจชั้นปีที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2521
โดยเฉพาะในช่วง 3 ปี ของสงครามแย่งชิงประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง
ความสัมพันธ์ของเราเปลี่ยนแปลงเป็นลักษณะเพื่อนร่วมตาย (Buddy)
เพราะทุกครั้งที่ผู้เขียนลงมาปฏิบัติภารกิจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
พ.ต.อ.นพดลจะต้องเป็นผู้กำหนดการ วางแผน และร่วมเดินทางไปด้วย
โดยตลอดเวลาเราสองคนสวมเครื่องแบบตำรวจใช้ยานพาหนะเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล
ปราศจากการเฝ้าระวังพื้นที่ในทุกจุดที่ต้องเข้าไปเยี่ยมเยียนครอบครัวตำรวจที่บาดเจ็บ
หรือเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ยะหา บันนังสตา เจาะไอร้อง ระแงะ กรงปีนัง ฯลฯ
เหตุผลที่ไม่ปิดบังอำพรางการแต่งกาย เป็นเพราะคำพูดของ พ.ต.อ.นพดล
ที่บอกกับผู้เขียนบ่อยครั้งว่า
"ตายในเครื่องแบบตำรวจ เป็นการทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์สมบูรณ์แบบ"
ทุกเส้นทาง พ.ต.อ.นพดลจะบรรยายเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ณ จุดนั้นๆ พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นถึงวิธีการแก้ไขปัญหา
ตัวอย่างเช่น การถูกซุ่มโจมตีเป็นเพราะการเข้า-ออกในเส้นทางซ้ำกัน
การเคลื่อนจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งเป็นระยะเวลาที่แน่นอน
เปิดช่องว่างให้ฝ่ายตรงข้ามทำอันตรายได้ข้อมูลทั้งสถานที่และตัวบุคคล
หรือแม้กระทั่งชื่อของผู้ต้องหา ผู้ต้องสงสัยเป็นภาษาอาหรับ
หลั่งไหลจากสมองของ พ.ต.อ.นพดลเหมือนเก็บไว้ด้วยคอมพิวเตอร์
แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ เรียนรู้ และแม่นยำในข้อมูลเป็นอย่างมาก
ที่น่าประทับใจมากก็คือ พ.ต.อ.นพดลได้รับการยอมรับจากส่วนราชการอื่น
พ่อค้าและประชาชน เพราะทุกครั้งที่ต้องหยุดพักเพื่อตั้งหลักหรือรับประทานอาหาร
จะต้องมีผู้คนมาสนทนาแสดงความดีใจที่ พ.ต.อ.นพดลได้แวะมาเยี่ยมเยียน
บ่อยครั้งจะได้รับของฝากทั้งอาหารและผลไม้จากชาวบ้าน
พ.ต.อ.นพดลมีภาวะผู้นำสูงยิ่ง
ตั้งแต่เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจได้รับคัดเลือกจากผู้บังคับบัญชาให้เป็นนักเรียนปกครอง
ที่สำคัญยังเป็นนักกีฬาระดับหัวหน้าทีมรักบี้ฟุตบอลของ ร.ร.นรต.อีกด้วย
คุณสมบัติดังกล่าวจึงหล่อหลอมตัวตนของ พ.ต.อ.นพดลให้มีจิตใจสูงรู้จัก แพ้ ชนะ
และให้อภัย
ภายหลังสำเร็จการศึกษาออกมารับราชการในพื้นที่ภาคใต้จนได้รับเลื่อนยศเป็น ร.ต.อ.
จึงได้ย้ายกลับไปเป็นนายตำรวจฝ่ายปกครองนักเรียนนายร้อยตำรวจ
ในตำแหน่งผู้บังคับกองร้อยที่ 1นรต.รุ่นที่ 48 ใต้ปกครองดูแลของ ร.ต.อ.นพดล
กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า
"ผู้กองป๋อง" เป็นแบบฉบับของนักเรียนนายร้อยตำรวจ
ประพฤติตนเป็นแบบอย่างนักเรียนจะวิ่ง ฝึก ผู้กองป๋องวิ่งด้วย
ฝึกด้วย ถึงเวลากระโดดร่ม ผู้กองป๋องกระโดดดิ่งพสุธา (กระโดดร่มแบบกระตุกเอง)
ให้นักเรียนได้ดูก่อนเป็นตัวอย่างเพื่อสร้างความเชื่อมั่น
สร้างขวัญให้ทุกคนเห็นว่าความกลัว ระงับได้ด้วยสติ
บรรเทาได้ด้วยการฝึกอย่างหนัก อดทน เหนือสิ่งอื่นใด
ผลสะท้อนที่เกิดขึ้นภายหลังประสบเคราะห์กรรมล่าสุด
จึงทำให้ชาวอำเภอหาดใหญ่ แห่แหนกันไปบริจาคโลหิตจนล้น
โรงพยาบาลสงขลานครินทร์และชาวนราธิวาสหลายร้อยได้
รวมพลังชุมนุมให้กำลังใจถือป้ายยกย่องเป็น
"วีรบุรุษของชาวนราธิวาส"
"พ.ต.อ.นพดล ตำรวจตงฉิน เสียสละเพื่อชาติ ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคนดี"
ทั้งที่ในความเป็นจริง ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่ พ.ต.อ.นพดลจะคุยโตโอ้อวดว่า
ตนเป็นคนกล้าหาญ เป็นนักรบ เป็นวีรบุรุษ หรือเป็นผู้เสียสละ
หากแต่เป็นผู้ลงมือปฏิบัติให้ผู้อื่นเห็นเป็นที่ประจักษ์
เป็นแบบอย่างของผู้ใต้บังคับบัญชาและกล่าวขวัญของประชาชนสังคมปัจจุบัน
ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง จึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีบุคคลที่
(ทึกทักเอาเองว่าตน)เป็นวีรบุรุษ ออกมาป่าวประกาศถึงความองอาจกล้าหาญ
หน้าตาเฉยต่อสาธารณชนพฤติกรรมของ พ.ต.อ.นพดลจึงเป็นเรื่องอปกติอย่างยิ่ง
เป็นอปกติที่ตรงกับคำว่า "ปิดทองหลังพระ" ซึ่งมีความหมายว่าทำความดีเพื่อความดี
และให้ความดีนั้นเตือนตน มุ่งมั่นทำความดีงามยิ่งขึ้นไป
โดยไม่จำเป็นต้องหวังผลตอบแทนจากการทำความดี
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของ ลาภ ยศ สรรเสริญ
ตราแผ่นดินหน้าหมวกตำรวจมีข้อความเป็นธรรมะว่า
สัพเพสัง สังฆภูตานัง สามัคคี วุฑฒิสาธิกา
ซึ่งแปลว่า ความพร้อมเพรียงในหมู่ชน ยังความเจริญให้สำเร็จ
และมีคำว่า "พิทักษ์สันติราษฎร์" อยู่ตรงกลางคำบาลีดังกล่าวความเสียสละทั้งอวัยวะ
หรือแม้แต่ชีวิตของ พ.ต.อ.นพดล เผือกโสมณ
จึงเป็นไปเพื่อรักษาธรรมข้างต้นโดยแท้..!