ความชั่วไม่มีทางเอาชนะความดี
และวันนี้ของ “นพดล เผือกโสมณ” รองผู้การกระดูกเหล็ก
วัสยศ งามขำ
ปกรณ์ พึ่งเนตร
สถาบันข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
เป็นเวลาร่วมเกือบ 4 เดือน แล้วที่ พล.ต.ต.นพดล เผือกโสมณ
รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส)
เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
หลังจากเหยียบกับระเบิดของคนร้ายที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา แรงระเบิด
ทำให้นายตำรวจผู้นี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เสียขาไป 1 ข้าง
กระดูกมือซ้ายแหลกละเอียด และดวงตาเกือบจะมืดบอด
แต่ทีมแพทย์ของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ก็เยียวยาเขา
จนรอดชีวิตมาได้ราวปาฏิหาริย์
แม้วันนี้บรรยากาศที่ห้องพักฟื้นบนชั้น 12 ของอาคารเฉลิมพระเกียรติ
โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จะเงียบเหงาลงไปกว่าเดิมมาก
แต่ พล.ต.ต.นพดล ก็ยังคงเป็น “รองผู้การใจเพชร”
คนเดิมที่ไม่เคยทดท้อกับชะตาชีวิตของตัวเอง และทั้งๆที่ยังนอนอยู่บนเตียงคนไข้
แต่เขาก็ตั้งความหวังเอาไว้ว่าจะได้กลับไปปฏิบัติหน้าที่
ในดินแดนปลายสุดด้ามขวานที่เขาผูกพันอีกครั้ง
ทันทีที่ร่างกายพร้อมเต็มร้อย
“ตอนนี้ผมกำลังรอให้ขาขวาแข็งแรงพอที่จะเดินคู่กับขาเทียมข้างซ้ายได้คล่อง
จากนั้นก็คงออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปพักฟื้นต่อที่บ้าน
ส่วนอาการบาดเจ็บตรงจุดอื่นๆ ก็ยังพบของแถมตามมาเรื่อยๆ
คือพวกสะเก็ดระเบิดที่ฝังซ่อนอยู่ พอเราเริ่มออกกำลังกาย
เริ่มขยับกล้ามเนื้อ มันก็จะโผล่ออกมา ก็ต้องผ่าตัดเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง
เช่นเดียวกับตาข้างซ้ายที่ยังมีสะเก็ดระเบิดเล็กๆ ฝังอยู่รอบๆ
“หลังออกจากโรงพยาบาลผมคงไปทำงานที่ภาค 9 สักระยะ
(กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 จ.สงขลา) เพื่อปรับร่างกายให้พร้อมเต็มที่
เพราะถ้าเข้าไปทำงานในพื้นที่ทันทีอาจจะเป็นภาระกับคนอื่น
เราต้องดูร่างกายของเราด้วย เนื่องจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ต้องการคนที่มีความแข็งแกร่งทางร่างกายและจิตใจ
ไม่ใช่อาศัยแค่ใจอย่างเดียว แต่ผมไม่มีทางทิ้งงานในพื้นที่แน่นอน
เพราะเป็นพื้นที่ที่ผมรักและผูกพันมานาน”
พล.ต.ต.นพดล เล่าว่า เกือบตลอดชีวิตราชการของเขา
ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในภาคใต้เสียเป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่ จ.ระนอง ไล่ลงมาถึง จ.สงขลา
และนราธิวาส เคยดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.อ.ระแงะ จ.นราธิวาส
ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ “โจรนินจา” จนตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส
แทบเอาชีวิตไม่รอดมาครั้งหนึ่งแล้ว
ฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือสถานการณ์จะร้ายแรงสักเพียงใด
เขาก็พร้อมจะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัด หากไม่ได้ลงไปบุกตะลุยเหมือนเดิม
ก็อาจหันไปทำงานใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ความรู้ที่ได้รับการอบรมมาตลอด
ไปฝึกตำรวจรุ่นน้องๆ ในพื้นที่
เมื่อถามถึงสาเหตุที่ทำให้ไม่ยอมหมดหวังกับชีวิต พล.ต.ต.นพดล บอกว่า
เป็นเพราะถูกฝึกมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ให้ย่อท้อต่อความยากลำบากทุกชนิด
“ผมจะไม่ยอมแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น ผมผ่านการฝึกหนักมาหลายหลักสูตร
เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ออกกำลังกายตลอด จึงมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ
ที่จะเผชิญกับเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์"
“ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อผมได้รับบาดเจ็บ ก็ได้รับแรงใจจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ
ทั้งสวดมนต์ให้ ส่งกระแสจิตมาให้ และที่สำคัญที่สุดคือพระมหากรุณาธิคุณของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๙) สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทั้งหมดนี้เป็นกำลังใจที่ทำให้ผมสู้ต่อไป
และผมเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรอดตายมาได้ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์”
รองผู้การกระดูกเหล็ก กล่าว
ระหว่างรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เกิดเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์หนึ่ง
ที่เกี่ยวพันกับ พล.ต.ต.นพดล โดยตรง ก็คือมีคนร้ายกลุ่มหนึ่ง
เหยียบกับระเบิดของตนเองเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสในพื้นที่ อ.เมือง จ.นราธิวาส
จนนำไปสู่การกวาดล้างจับกุมแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบครั้งใหญ่
รวมถึงมือระเบิดคนสำคัญที่ชื่อ มะนาเซ ยา ซึ่งภายหลังมือระเบิดรายนี้ยอมรับว่า
เป็นผู้วางกับระเบิดที่เกือบคร่าชีวิต พล.ต.ต.นพดล
“ผมไม่ได้โกรธแค้นอะไรเขาเลยนะ” รองผู้การใจเพชรเผยความรู้สึก
“ผมคิดว่าสิ่งที่เขาทำมันเป็นหน้าที่ของเขา เราก็ทำหน้าที่ของเรา
ในการรบมันต้องมีความสูญเสีย ใครพลาดก็โดน
ไม่บาดเจ็บก็ต้องตาย เป็นเรื่องธรรมดา”
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.นพดล บอกว่า รู้สึกดีใจที่การถูกลอบวางระเบิดของเขา
เป็นจุดเริ่มต้นของการจับกุมคนร้ายรายสำคัญกลุ่มนี้
“เวลาวางระเบิดคนอื่น ไม่เคยจับได้ พอมาวางระเบิดผม กลับโดนจับได้
มิหนำซ้ำชุดที่วางระเบิดยังเหยียบกับระเบิดตัวเอง และนำไปสู่การจับกุมครั้งใหญ่ด้วย
อย่างนี้ถือว่าเป็นกฎแห่งกรรม
ใครทำชั่วอะไรไว้ก็จะได้รับผลตามที่กระทำ อย่าไปโทษคนอื่น”
ส่วนการเปิด “ยุทธการพิทักษ์แดนใต้” ของ
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ที่ปูพรมปิดล้อม ตรวจค้น
จับกุมในพื้นที่สีแดงทุกอำเภอ จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นในระยะยาวหรือไม่นั้น
พล.ต.ต.นพดล มองว่า ปัญหาภาคใต้ก็เหมือนกับการเป็นโรคชนิดหนึ่ง
เมื่อให้ยาแรงเข้าไป อาการของโรคก็จะชะงักไปสักระยะ
จากนั้นก็จะพยายามแสดงอาการใหม่
“ตอนนี้ฝ่ายโน้นคงกำลังหาทางอยู่ แต่ผมเชื่อว่าเขาจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ
และสุดท้ายความชั่วไม่มีทางเอาชนะความดีได้
ผมคิดว่าถ้าเราเดินถูกทางแบบนี้ อีก 10 ปีสถานการณ์ในพื้นที่จะสงบ”
“ทุกวันนี้แม้ผมจะอยู่โรงพยาบาล แต่ก็ได้โทรศัพท์ติดต่อเพื่อนๆ และน้องๆ
ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่อยู่เสมอ เพื่อให้กำลังใจและแนะนำว่า
ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างระมัดระวัง แต่อย่าไประแวง เพราะถ้าระแวง
เราอาจจะทำอะไรผิดพลาดได้”
เป็นคำเตือนทิ้งท้ายจาก พล.ต.ต.นพดล เผือกโสมณ
นายตำรวจใจเพชรจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้!