อรวรรณ บัณฑิตกุล
นิตยสารผู้จัดการ
กันยายน 2546
ผู้คนมากมายที่กำลังนั่งและยืนเรียงรายอย่างหนาแน่น
บริเวณหน้าหอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ
เลยเรื่อยไปยังบริเวณสวนแก้วด้านใน
ในช่วงเย็นวันหนึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คือผู้ที่รอคอยชม
นิทรรศการศิลปกรรม เชิดชูเกียรติ จักรพันธุ์ โปษยกฤต
เนื่องในวาระอันงดงามฉลองครบรอบ 60 ปี
คณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
เป็นครั้งแรกที่คณะจิตรกรรมจัดงานเชิดชูเกียรติให้รุ่นพี่อย่างเป็นทางการ
ส่วนปีต่อไปนั้นจะเป็นการจัดงานให้แก่รุ่นพี่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังชื่อ ถวัลย์ ดัชนี
หลังจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
ซึ่งเสด็จมาเป็นองค์ประธาน เสด็จกลับ
ฝูงชนที่มีทั้งบุคคลต่างๆ ที่สนใจติดตามงานของจักรพันธุ์ โปษยกฤต
และบรรดานักศึกษาที่เฝ้ารออยู่นานหลายชั่วโมงนั้นก็ทะลักเข้าไปในหอศิลป์
ซึ่งมีพื้นที่ไม่กว้างนักทันที จนเจ้าหน้าที่ต้องรีบปิดประตู
เพื่อกันคนส่วนหนึ่งไว้ด้านนอกและให้รอกันต่อไป
อาจจะเป็นเพราะไม่บ่อยนักที่ศิลปินท่านนี้จะจัดนิทรรศการแสดงผลงานให้ได้ชื่นชมกัน
และโอกาสนี้ก็ "พิเศษ" จริงๆ เพราะผลงานที่นำมาแสดงในครั้งนี้
ครบถ้วนสมบูรณ์แบบอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ทั้งหมดมีจำนวน 211 ชิ้น
มีทั้งผลงานทางด้านจิตรกรรมที่สร้างสรรค์ด้วยดินสอสีบนกระดาษ สีน้ำ สีน้ำมัน
ภาพเขียนจิตรกรรมไทยประเพณี สีฝุ่น ปิดทองคำเปลว
ภาพจากวรรณคดีและศาสนา ทั้งในแบบเหมือนจริงและแบบจิตรกรรมไทยประเพณี
และงานด้านวิจิตรศิลป์เกี่ยวกับศิลปะไทยหลายแขนง
เป็นครั้งแรกในการจัดงานนิทรรศการของมหาวิทยาลัยศิลปากรด้วยเช่นกัน
ที่มีการทำการประกันภัยป้องกันรูปวาดสูญหายเป็นมูลค่าสูงถึง 90 ล้านบาท
งานของจักรพันธุ์ชิ้นใหญ่ๆ โดยปกติแล้วไม่ได้หาดูกันง่ายๆ
เพราะนอกจากไม่มีแกลลอรี่แสดงผลงานของตนเองแล้ว
ส่วนใหญ่จะรับวาดภาพเหมือนให้บุคคลในครอบครัวชนชั้นสูง
ซึ่งทำให้ชิ้นงานเหล่านั้นถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีและไม่ตกมาอยู่ในงานประมูลต่างๆ
นอกจากผลงานภาพเขียนที่นำมาแสดงแล้ว
ในวันนั้น จักรพันธุ์ได้มีการเชิดหุ่นเบิกโรง ลิลิตตะเลงพ่าย
ตอนพระนางสุพรรณกัลยาไปพม่า ให้ชมด้วย
แม้เป็นการเชิดสั้นๆ เพียง 12 นาที แต่ความสวยงามของหุ่นพระนางสุพรรณกัลยา
และหุ่นตัวพระตัวนางอีก 10 ตัว ลีลาอันอ่อนช้อยของคนเชิด
เสียงปี่พาทย์ และดนตรีไทยที่สอดรับ กันอย่างกลมกลืนกับเสียงร้องอันไพเราะ
ทำให้หลายคนที่อาจจะไม่คุ้นเคยกับเพลงไทยนัก
ต้องยอมรับว่าเพลงอะไร ไพเราะเหลือเกิน
นอกจากเป็นศิลปินวาดภาพเหมือนและจิตรกรรมภาพเขียนประเพณีไทยแล้ว
เขายังเป็นนายโรงละครหุ่นที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง
มีความสามารถอย่างมากในเรื่องออกแบบเครื่องแต่งตัวละคร
ทำหุ่น ออกแบบหุ่น รวมทั้งเชิดหุ่นเองด้วย
ปัจจุบันจักรพันธุ์และคณะศิษย์กำลังจัดทำหุ่น
เพื่อเตรียมการแสดงอีกครั้งในเรื่องลิลิตตะเลงพ่าย
ซึ่งคาดว่าจะสมบูรณ์แบบ
ในอีกประมาณ 3-5 ปีข้างหน้า สาเหตุที่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นเป็นเพราะว่า
ปัจจุบันมีงานสำคัญอยู่ชิ้นหนึ่งที่กำลังเร่งทำอยู่คือ
การเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถใหม่วัดตรีทศเทพวรวิหาร
ซึ่งเริ่มเขียนมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 แต่ยังไม่แล้วเสร็จ
นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2532 ที่หุ่นกระบอกของจักรพันธุ์ โปษยกฤต
และคณะออกแสดงเรื่อง สามก๊ก ตอนโจโฉแตกทัพเรือ
จนกระทั่งเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
นับเป็นเวลานานถึง 14 ปีทีเดียวที่จักรพันธุ์ไม่ได้นำหุ่นกระบอกมาแสดงที่ใดอีกเลย
คืนนั้นนอกจากอิ่มตากับการได้ดูผลงานและการเชิดหุ่นแล้ว
ยังได้ฟังเพลงปี่พาทย์ที่มาจากวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน
ซึ่งบรรเลงไปพร้อมกับการฉายภาพสไลด์ผลงานจากเรื่องดังกล่าว
และจากภาพเรื่องอิเหนาและกากีให้ชมกันด้วย
ภาพเขียนที่ฉายชัดให้เห็นความสวยงามในหน้าตา
และเรือนร่างของนางวันทองกับความล่ำสันบึกบึนของขุนแผน
ในระหว่างที่ทั้งคู่มีอารมณ์สิเน่หาต่อกันนั้น
สะกดนิ่งให้คนดูเคลิบเคลิ้มไปราวกับว่าทั้งคู่มีชีวิตจริงอยู่ตรงหน้าทีเดียว
จากเย็นถึงค่ำล่วงเลยไปจนดึก ผู้คนก็ยังคงเดินชมผลงาน
และนั่งฟังเพลงกันอย่างไม่ยอมเลิกรา
ทำให้จักรพันธุ์ที่เหน็ดเหนื่อยจากการเตรียมงานมาหลายวัน
นั่งยิ้มอย่างปลาบปลื้ม และมีแรง ลุกขึ้นเชิดหุ่นให้ชมในค่ำคืนนั้นถึง 3 รอบด้วยกัน
ส่วนในวันอาทิตย์ถัดมาที่มีกำหนดการเชิดหุ่นไว้ 4 รอบนั้น
ต้องแสดงเพิ่มเป็น 6 รอบ และยังมีคนอีกมากที่มาชมผลงานตลอดทั้งวัน
จักรพันธุ์ โปษยกฤต เป็นช่างเขียนภาพที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของเมืองไทย
เป็นบุตรคนที่ 2 ของนายชุบ และนางสว่างจันทร์ โปษยกฤต
เกิดที่กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ.2486 ซึ่งเป็นปีเดียวกับการสถาปนามหาวิทยาลัยศิลปากร
ซึ่งหมายถึงว่าเขาอายุครบ 60 ปี ในปีนี้เช่นกัน
เริ่มเรียนหนังสือชั้นประถมถึงมัธยมศึกษาจากโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย
จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะจิตรกรรม และประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร
ได้รับปริญญาศิลปบัณฑิต สาขาจิตรกรรม ในปี 2511
และเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ ประจำปี 2543
เป็นคนที่ชอบเขียนรูปมาตั้งแต่เด็กโดยได้รับแรงกระตุ้นให้มีอารมณ์ศิลปินเพิ่มขึ้น
จากผู้เป็นแม่ ซึ่งเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี
อีกคนหนึ่งที่ชอบเล่นเปียโน ชอบดูละคร และชอบงานศิลปะอย่างมาก
ดังนั้นเธอจึงเข้าใจ และไม่เคยดุว่าเลย
เมื่อเห็นเด็กชายจักรพันธุ์ ลูกชายของเธอชอบนั่งวาดรูปครั้งละนานๆ ตั้งแต่เล็กๆ
ปัจจุบันนอกจากผลงานที่รวบรวมไว้ที่บ้าน
ได้มีการคัดเลือกผลงานบางชิ้นก๊อบปี้
เพื่อนำมาจัดแสดงไว้ที่โรงเรียนวชิราวุธฯ
ทั้งที่หอประวัติ และที่ห้องแสดงศิลปะ ตึกเวสสุกรรมสถิต
ซึ่งทางโรงเรียนจัดไว้ให้โดยเฉพาะ 1 ห้อง
ช่วงระยะเวลา 8 ปีในโรงเรียนประจำที่วชิราวุธฯ
ทำให้จักรพันธุ์ได้รับโอกาสในเรื่องงานวาดภาพมากขึ้นจากบรรดาอาจารย์ที่สอน
และท่านผู้บังคับการในสมัยนั้นคือ พระยาภะรตราชา
โดยสนับสนุนให้ส่งภาพไปประกวดตามงานต่างๆ
และได้เลือกภาพของเขาถวายเจ้านายต่างๆ
ที่เสด็จมางานโรงเรียน
และโรงเรียนแห่งนี้เป็นรากฐานสำคัญทำให้เขาได้มีเพื่อน
และรู้จักผู้คนในสังคมชั้นสูง
ผู้คนในแวดวงข้าราชการ ในแวดวงธุรกิจ
และกลายเป็นคอนเนกชั่นของเขาในการสร้างลูกค้า "เฉพาะกลุ่ม"
ที่มีฐานะและมีตำแหน่งในสังคมในเวลาต่อมา
ผลงานของจักรพันธุ์จึงทำให้คนธรรมดา
ไม่สามารถหาซื้อหรือ "เข้าถึง" ตัวเขา เพื่อว่าจ้างกันได้ง่ายๆ เลย
Chakrapan Posayakrit
ชื่อศิลปิน จักรพันธุ์ โปษยกฤต
วันเดือนปีเกิด 16 สิงหาคม 2486
สถานที่เกิด กรุงเทพฯ
การศึกษา 2511 : ศิลปบัณฑิต สาขาจิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร
เกียรติประวัติ
2510 : รางวัลเกียรตินิยมอันดับ 2 เหรียญเงิน การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 17
2512 : รางวัลเกียรตินิยมอันดับ 2 เหรียญเงิน การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 19
2514 : รางวัลเกียรตินิยมอันดับ 2 เหรียญเงิน การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 20
2515 : รางวัลเกียรตินิยมอันดับ 2 เหรียญเงิน การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 21
2517 : รางวัลเกียรตินิยมอันดับ 2 เหรียญเงิน การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 22
2543 : ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์
ชมตัวอย่างผลงานของ อาจารย์ จักรพันธุ์ โปษยกฤต