มนุษย์ต่างดาว ถวัลย์ ดัชนี
โดย : พรชัย จันทโสก
กรุงเทพธุรกิจ
bangkokbiznews.com
ศิลปินไทยฝีมือระดับโลก ที่มีภาพเขียนมูลค่าสูงที่สุดในขณะนี้ .. คิดเป็นนาทีละล้านบาทเลยทีเดียว
ภาพวาดอลังการสีขาวดำทะมึนกำลังเยื้องย่างอย่างทรงพลังอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ ถวัลย์ ดัชนี ช่างวาดรูปนามอุโฆษเจ้าของภาพวาดระดับโลกและเป็นศิลปินไทยที่มีภาพเขียนมูลค่าสูงที่สุดในขณะนี้ หรือคิดเป็นนาทีละล้านบาทเลยทีเดียว
ถวัลย์ ดัชนี ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ปี 2544 ปัจจุบันเพิ่งมี
อายุครบ 70 ปี เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ล่าสุดนักเขียนปากกาทองอย่าง ไมตรี ลิมปิชาติ ได้สัมภาษณ์และเรียบเรียงเขียนออกมาเป็นหนังสือชีวประวัติ ถวัลย์ ดัชนี มนุษย์ต่างดาว ซึ่งกำลังจะตีพิมพ์ออกมาเร็วๆ นี้
กว่าจะออกมาเป็นเรื่องราวชีวิตที่เปลี่ยนจากเฟรมผ้าใบมาโลดแล่นอยู่บนหน้ากระดาษนั้น ไมตรี ลิมปิชาติ ยอมรับว่าไม่ง่ายเพราะชีวิตของเขาทั้งน่าทึ่งและเป็นยิ่งกว่านิยาย...
0 เริ่มต้นไปสนิทสนมหรือรู้จักมักคุ้นกับ'ถวัลย์ ดัชนี'ได้อย่างไร?
ส่วนตัวเป็นคนสนใจศิลปะและไปดูงานใครแสดงที่ไหนก็ไปดู ทำให้สนใจว่าทำไม 'ถวัลย์ ดัชนี' ถึงได้รับความเชื่อถือว่าเขียนรูปแต่ละรูปแล้วสามารถทำให้คนออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย ครั้งหนึ่งเคยเขียนรูปแสดงและมีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเข้าใจว่าเป็นนักศึกษาเอามีดไปกรีดไปทำลาย สมัยเมื่อประมาณ 30 กว่าปีได้ ยังไม่ดังด้วยซ้ำ เลยเริ่มรู้จัก คิดว่าน่าสนใจ ด้วยความเป็นคนชอบอ่าน แต่งานศิลปะก็ชอบ พอหลังจากนั้นก็เฉยๆ ไปเพราะไม่เคยคิดจะเขียนประวัติแกเลย ลำพังงานเขียนหนังสือของตัวเองมันก็เยอะแล้ว
บังเอิญ..ต้องใช้คำว่า 'บังเอิญ' ผมรู้จักกับ อาจารย์สุเทพ สังข์เพ็ชร เป็นคนสนิทกันมากเพราะทำงานอยู่การประปานครหลวงด้วยกัน สนิทกันเหมือนกับเป็นเพื่อนซี้กัน เรียกว่าไปไหนด้วยกัน แกเป็นนักเรียนเพาะช่างรุ่นเดียวกันกับถวัลย์ ดัชนี พอแกบอกเป็นรุ่นเดียวกันผมก็รู้สึกตื่นเต้นและอยากรู้จัก คุณสุเทพพาไปรู้จักกันครั้งแรกเลยที่เชียงราย เขาเรียก 'บ้านดำนางแล' จังหวัดเชียงราย เขาสนิทกันเพราะเรียนห้องเดียวกัน เจอกันเขากอดกันเลย พอบอกไปว่าผมคือใคร พี่ถวัลย์แกเป็นคนที่ไม่ค่อยได้พูดเรื่องส่วนตัวเท่าไรนะ แต่เท่าที่คุยกันแกก็รู้จักผมเหมือนกัน
0 เหมือนต่างคนต่างเคยรู้จักกันผ่านผลงานมาก่อน?
ตอนหลังพอรู้จักกันเลยได้คุยกัน มีความรู้สึกว่าถ้าจะเขียนประวัติส่วนตัวใครสักคน เล่มแรกต้องเอาแกมาเขียนนะ เพราะว่าพี่ถวัลย์หรือเรียกแกว่า 'พี่หวัน' ไม่ใช่นักวาดรูปธรรมดา แกเป็นนักปราชญ์ด้วย เป็นคนเรียนหนังสือเก่ง ไม่ใช่ว่าเด็กอาชีวะมาแล้วไม่รู้จะเรียนที่ไหน เลยมาเรียนวาดรูปนะ แต่เรียนได้ทุนจากเชียงราย ความที่เป็นคนเรียนเก่ง จบ ม.6 อายุแค่ 14 ปี สมัยก่อนเขาเรียก มศ.3 ถ้าจะมาต่อเตรียมอุดม เตรียมทหาร หรือไปเรียนแพทย์-วิศวะได้แน่นอน แต่แกไม่เอา แกเอาวาดรูป มันน่าทึ่งนะ และสิ่งที่ชอบแกคือความเป็นศิลปินแท้ เช่น ยกตัวอย่างไปเจอกันครั้งแรกที่บ้านดำนางแล ตอนนั้นแกมีบ้านประมาณ 30 กว่าหลัง ทาสีดำ และมีของเรียกว่าเป็น 'สมบัติบ้า' เต็มไปหมด
แต่จริงๆ มันไม่ใช่สมบัติบ้านะ มันมีพวกเขาทั้งเขาควาย เขากวาง เขาทุกชนิดที่มีอยู่ในโลกนี้ งาช้าง เครื่องทองเหลือง ทองแดง อาวุธ มีเยอะมากเป็นหมื่นๆ อย่าง และยังมีพวกกระดูกสัตว์ เขี้ยวสัตว์ ซึ่งเราเองคนธรรมดาเขาไม่ทำกันนะ กลายเป็นว่ายิ่งสนใจแกใหญ่ว่าเป็นศิลปินจริงๆ และคิดเอาเองว่าแกคงจะใช้จินตนาการของพวกนี้มาเขียนรูป
0 ความน่าทึ่งทั้งหลายมารวมอยู่ในตัวตนคนเดียวกัน?
ตอนแกเรียนเพาะช่าง 3 ปี แกเล่าให้ผมฟังว่าเรียนเพาะช่างเพราะอยากวาดรูป แต่สมองของแกคิดไปไกลแล้ว แกก็เดินไปที่หอสมุดบริติช เคาน์ซิล แล้วก็ไปเรียนภาษา เรียนอยู่สามปีนี้สามารถพูดภาษาอังกฤษ-ฝรั่งเศสได้ สามารถศึกษาอ่านรู้เรื่อง นักเรียนเพาะช่างคนอื่นเอาแต่วาดรูป แต่แกมองไปไกลแล้ว น่าทึ่งหลายๆ อย่าง และที่ทึ่งมากกว่านั้นอดพูดเป็นเงินไม่ได้ แต่พี่หวันแกไม่อยากให้ตีค่าเป็นเงินนะ บางทีไปบ้านแกก็พาไปดูห้องทำงาน เรียกว่าห้องทำงานไม่ได้ ตอบเรียกว่าเป็นโรงงานขนาดใหญ่มากเลย แกวาดรูปแล้วมีคนมาขอซื้อสิบกว่าล้านบาท ตอนนี้บ้านแกอยู่ในประเทศ 3-4 แห่ง ส่วนบ้านที่ต่างประเทศมีทั้งอยู่เยอรมนี อเมริกา และอีกหลายประเทศ
0 ในหนังสือได้เล่าถึงช่วงชีวิตวัยเด็กของเขาไว้บ้างไหม?
ถ้าย้อนไปนิดนึงที่รู้ประวัติของพี่หวันว่าท่านเป็นลูกคนมีอันจะกิน แต่ตอนมาเรียนเพาะช่างไม่ยอมจะไปพักหอพัก ไม่อยู่วัด เป็นคนที่ไม่ยอมไปสังสรรค์กับพวกเด็กวัด ไม่ใช่ดูถูก แต่เป็นคนชอบโลกส่วนตัว อาศัยอยู่ที่เพาะช่าง หลบซ่อนอยู่ตามซอกตึก มีมุ้งอยู่อันหนึ่งพันเอวไว้ กลางคืนนอนก็กางมุ้งซอกตึกนี้ พอมีคนรู้ก็ไปนอนอีกซอกตึกหนึ่งและอาบน้ำตามน้ำพุ จริงๆ เป็นลูกคนรวยมีสตังค์ แต่อยู่เพาะช่าง 3 ปี เขาเรียกว่าเป็น 'นินจา' ไม่มีบ้าน แต่ตอนนี้แกมีบ้านไม่ต่ำกว่า 40 หลัง ทั้งบ้านที่เชียงราย 30 กว่าหลังและต่างประเทศอีกไม่ต่ำกว่า 40 หลัง แต่ไม่ใช่มี 40 หลังแล้วมีเมีย 40 คนนะ (ฮา) ทั้งเนเธอร์แลนด์และเยอรมนีมีอยู่ทั่วไปหมดเลย
อีกอย่างคนรุ่นหลังไม่ค่อยมีใครรู้ว่าพี่หวันเป็นดอกเตอร์นะ แกจบปริญญาตรีศิลปากร ส่วนใหญ่ศิลปากรรุ่นนั้นเขาได้แค่อนุปริญญา แต่แกสามารถที่จะเรียนจบปริญญาตรี และได้รับทุนให้ไปเรียนต่อที่เนเธอร์แลนด์ ที่จริงแกจะสอบชิงทุนไปอิตาลีไปอะไรก็ได้ แต่แกเห็นคนอื่นไปกันเยอะ เลยเอาที่มันแปลกๆ และไปจบปริญญาโท-ปริญญาเอก อายุแค่ 28 ปีจบด้านปรัชญา และพูดได้ 7-8 ภาษา
0 มองว่าทำไมภาพเขียนของเขาถึงได้รับการยกย่องและมีชื่อเสียงระดับโลก?
ถ้าพูดถึงผลงานของแก 'กมล ทัศนาญชลี' ซึ่งเป็นศิลปินแห่งชาติเหมือนกัน ยืนยันว่าพี่หวันไม่ได้เป็นแค่ศิลปินอย่างเดียว แต่เป็นนักปราชญ์ด้วย ช่วงหลังสุดพี่หวันไปอเมริกาอยู่แค่ 10 กว่าวันได้เงินกลับมาเกือบ 20 ล้านบาท แกไม่เอากลับ คุณกมลบอกว่าไปพักบ้านแก จริงๆ พี่หวันมีบ้านให้พักนะ แต่ไปพักบ้านคุณกมลเพราะคงรู้ใจและความเป็นศิลปินด้วยกัน แล้วตอนเช้าคุณกมลพอว่างแกก็เอาเฟรมวาดรูปทาสีแดงบ้าง สีดำบ้าง ทิ้งไว้ให้แต่ไม่ได้บอกให้พี่หวันวาดนะ เหมือนกับเป็นการยั่วให้แกวาด คนเราเป็นศิลปินมีสีวางไว้ให้ มีแปรงวางไว้ให้ แกก็วาด วาดเสร็จก็มีคนมาซื้อ วาดเสร็จสียังไม่ทันแห้งเลย ขอยกขึ้นรถ แล้วรูปแต่ละรูปร่วมสองหมื่นเหรียญนะ คิดเป็นหลายแสนบาท แล้วเงินที่ได้แกให้ไว้ทางโน้นสำหรับต้อนรับศิลปินที่จะเที่ยวอเมริกา ตัวผมเองก็เคยไปเที่ยว
พี่หวันมีมูลนิธิช่วยเหลือโรงเรียนทุกโรงเรียนที่แกเคยเรียนและยังช่วยศิลปากร และช่วงหลังแกคงมีอารมณ์ในแง่ที่ว่ารัฐบาลสมัยทักษิณส่งคนเก่งๆ ทุกสาขาไปเรียนเมืองนอก ยกเว้นสาขาศิลปะ แกเลยส่งของแกเองเลยนะ ส่งมาหลายปีแล้ว ปีนี้คัดเลือกประมาณ 20 คนได้ เลือกเด็กทั่วประเทศและพาไปดูงานศิลปะที่อเมริกา แล้วให้แสดงงานที่นั่น ทุกคนมีเงินติดกระเป๋ากลับมาหมด แกช่วยสนับสนุนและแกรักเพื่อนด้วยนะ เพื่อนคนไหนลำบากแกให้เงินเดือนให้เงินใช้เพราะแกทำงานได้เยอะ งานแต่ละชิ้นของแกคือไม่อยากพูดเป็นเงิน
0 ก่อนจะมาถึงวันนี้ต้องผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกัน?
สิ่งที่อยากเล่าอีกอย่างหนึ่งคือพี่หวันนอกจากจะเป็นคนมีฝีมือดีแล้ว ดวงแกก็ดีด้วย ที่จริงพูดคำนี้อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับแกเท่าไร เพราะแกเก่งนะ แต่ว่าจริงๆ มันใช่ด้วย เช่น แกรู้จักกับหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช และมีเจ้าชายจากเยอรมนีมาเมืองไทยก็มาบ้านหม่อมคึกฤทธิ์ และหม่อมเองก็ชอบงานของพี่หวันมาก เอาไปติดโชว์ไว้ทั้งที่สยามรัฐและที่บ้าน เจ้าชายพระองค์นี้เห็นแล้วก็ชอบรูป ถามว่าใครวาด หม่อมคึกฤทธิ์บอกว่าคนวาดชื่อ 'ถวัลย์ ดัชนี' ถามหาว่าอยู่ที่ไหน ตอนนั้นพี่หวันยังไม่ได้ร่ำรวยมาก ยังเช่าห้องอยู่ กำลังต่อสู้ชีวิตอยู่ เจ้าชายก็ให้นามบัตรทิ้งไว้ พี่หวันไม่รู้ว่านั่นคือเจ้าชาย คิดว่าเป็นคนธรรมดา สั่งพี่หวันไว้ว่าถ้าไปสวิตเซอร์แลนด์ให้โทรศัพท์ไปหา
หลังจากนั้นนานเท่าไรจำไม่ได้แล้ว พี่หวันก็ไปแสดงภาพที่สวิส แกโทรศัพท์ไปบอกว่าอยู่ที่สนามบิน คนรับสายบอกว่าจะมารับ แกถามว่าเอาอะไรมารับ เขาบอกว่าเอาเครื่องบินส่วนตัวมารับ แกเล่าว่าขึ้นไปนานพอสมควรแล้วไปลงกลางป่าและเดินไปอีกสักพักไปเจอปราสาทหลังใหญ่มากเลย ปรากฏว่าปราสาทนี้เป็นของเจ้าชายที่ไปหาแก ทีนี้พอแกเดินดูปราสาท แกบอกว่าเดินได้ 11 ห้องก็หมดแรงแล้วเพราะมันมีอีกเยอะ เจ้าชายบอกว่าจะให้วาดรูป แกก็โอเค แกอยู่ 5-6 เดือนโดยไม่เห็นอะไรเลย แต่ก่อนที่จะอยู่แกกลับมาวางแผนก่อนแล้วกลับไปใหม่ แกบอกว่าอยู่ที่นั่นไม่ต้องการเจอคน แม้แต่เจ้าชายก็ยังไม่เจอเลย เจ้าชายต้องย้ายไปอยู่อีกปราสาทหนึ่ง แกบอกว่าแกอยู่กับพวกกระต่ายกับกวาง คืออยู่ในห้องเขียนรูป
จนกระทั่งเจ้าชายได้เห็นภาพเขียนก็โอเค ถามว่าเท่าไหร่ เจ้าชายไม่เขียนตัวเลข แต่ลงนามในเช็คว่าให้พี่หวันใส่ตัวเลขเอาเอง แต่แกไม่ได้บอกว่าใส่ตัวเลขเท่าไหร่นะ เสร็จแล้วหายไปอีกสองปีแกกลับมาอยู่เมืองไทย ทางโน้นโทรมาใหม่บอกว่าอยากให้วาดต่อ ทีนี้ตกลงกันแล้วเซ็นใส่ตัวเลขให้เลย บอกว่าครั้งที่แล้วเหมือนกับคุณไม่ได้อะไรเลย แสดงว่าพี่หวันต้องใส่ตัวเลขน้อย ทีนี้เจ้าชายเซ็นให้เลย เท่าไหร่ไม่บอก คงเยอะนะเพราะเจ้าชายมีเมียแต่ไม่มีลูก มีปราสาทไม่รู้กี่หลัง รวยมาก กลายเป็นซี้กัน สนิทกัน ไปเที่ยวด้วยกันทั่วโลก อยากไปไหน อยากนั่งเรือล่อง อยากขึ้นขั้วโลกเหนือ อยากขึ้นภูเขาเอเวอร์เรสต์ก็ไปปีนมาแล้ว ไปกับเจ้าชายนี่แหละ เลยเป็นเพื่อนซี้กัน
0 ถือว่าโชคดีเพราะได้เจอกับเจ้าชายที่ชื่นชอบศิลปะเหมือนกัน?
แกโชคดีที่เจอเจ้าชายที่ดีและรักศิลปะ และแกต้องฝีมือดีด้วย ภาษาก็ได้ ฝีมือก็ถึง แล้วแกใช้ปรัชญาใช้ความลึกของแกมาเขียนรูป เขียนรูปด้วยความรู้ ภาพแต่ละภาพมีความหมาย เหมือนเอาทั้งโลกมาไว้ในภาพเดียว สมมติเขียนกรุงเทพฯอย่างนี้นะ เหมือนกับเอากรุงเทพฯทุกแห่งมาอยู่ในรูปเดียวกัน มันยาก แต่แกทำได้ เอาจักรวาลเอาโลกทั้งโลกมาอยู่ด้วยกัน เจ้าชายคงดูออกเพราะเป็นศิลปินด้วยกัน เท่าไหร่ก็ยอม พอเจ้าชายพระองค์นี้เสด็จสวรรคตหรืออะไรก็แล้วแต่ โอ้โห..ในวังมีค่าเพราะรูปของถวัลย์ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะมีรูปในวังด้วย คงจะได้เห็นกัน และปรากฏว่าตอนหลังมีเจ้าชายองค์อื่นมาจ้างอีก เลยได้งานเยอะ
นอกจากมีฝีมือ ความรู้ดี มีโชค พร้อมแล้วและสิ่งที่มองข้ามไปไม่ได้ นี่คือกรรมดีอย่างหนึ่ง พี่หวันเป็นศิลปินที่ไม่มีอบายมุขเลย บุหรี่ไม่สูบ เหล้าไม่กิน พนันไม่เล่น และสะอาด ไปดูใกล้ๆ หนวดสะอาด ผมเผ้าสะอาด รองเท้า นิ้วเท้า นิ้วมือสะอาด เหมือนแกเกิดมาเป็นอีกคนหนึ่ง เลยตั้งชื่อหนังสือว่า 'มนุษย์ต่างดาว' แต่กว่าจะมาถึงวันนี้แกก็ค้นหาตัวเอง แต่งตัวมาสารพัด แต่งตัวเป็นเอลวิส เพรสลีย์ เป็นฮิปปี้ บางทีเอากระดูกสัตว์ต่างๆ มาแขวนคอ อันนั้นมันเหมือนกับการค้นหา ในที่สุดก็กลับมาเป็น 'ถวัลย์ ดัชนี' ที่ไม่เหมือนศิลปินคนอื่น
0 ชื่อ'มนุษย์ต่างดาว'มีคำจำกัดความหรือว่านัยอะไรบ้าง?
ตอนแรกตั้งชื่อว่า 'ถวัลย์ ดัชนี คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา' เพราะเคยเขียนลงเดลินิวส์ ความที่ล่าช้าไม่ได้เขียนประวัติแกง่ายๆ ปรากฏว่าตอนหลังมีคนเขียน 'ไม่ธรรมดา เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์' อันนี้คำของเรานี่หว่า เลยไม่อยากให้ซ้ำ ที่จริงแล้วพี่หวันเหนือกว่าคุณเฉลิมชัยมากหลายเท่า เพราะว่าจริงๆ ในวงการศิลปะเขายกย่องเหนือกว่าเยอะ ฉะนั้นจะเอาชื่อนี้ก็ไม่ดี คิดชื่อใหม่ ทีนี้เพื่อนแกคือคุณสุเทพ สังข์เพ็ชร เขาเขียนถึงถวัลย์แล้วเขาไม่รู้จะยกย่องพี่หวันยังไง ถ้าบอกว่าคนนั้นเก่งยังไงมันยาก เอาเป็น 'มนุษย์ต่างดาว' แล้วกัน มันไม่เหมือนคนอื่น ตัดสินใจว่าเอามนุษย์ต่างดาว แต่พี่หวันยังไม่รู้นะ
พอพูดถึงตรงนี้ เขียนเรื่องของพี่หวันถึงแม้จะเป็นเล่มแรกก็จริง แต่เขียนยากมากเลย ยากกว่าไปเขียนเป็นนิยายเพราะชีวิตของพี่หวันยิ่งกว่านิยาย และไม่รู้ว่าจะเขียนแนวไหน ถ้าเขียนแนวเอาชีวิตคนเหมือนสมัยก่อนอย่างเรื่อง 'ดอกเตอร์ ครก' ก็มีตัวตนเอามาเขียนเหมือนนิยาย มันต้องใส่อารมณ์ใส่อะไรลงไป แต่สำหรับพี่หวันทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะว่าความรู้สึกแกจะลึกกว่านักเขียนอีก ถ้าเราเขียนรับรองไม่ลึกพอเท่า บรรยายยังไงก็สู้ไม่ได้ ขืนเขียนเราพัง ผมยอมแพ้ ยกมือไหว้ ไม่ไหวถ้าเขียนแนวนี้
เอาใหม่อีก จะเขียนทุกคำที่พี่หวันพูด โดยไปสัมภาษณ์ เอาเทปไปวางและจด คำต่อคำน่าจะดี แต่พอไปสัมภาษณ์ถามไปประโยคหนึ่ง พี่หวันจะกระจายเรื่องเยอะ ปะติดปะต่อยาก เรียบเรียงยาก และย้อนถาม และพูดลึกจนกระทั่งว่าต้องมานั่งคิด ไม่แน่ใจว่าถ้าเขียนไปแล้วผู้อ่านจะตีความได้ไหม แต่ถ้าเกิดเรามาขยายความเกิดไม่ตรงกับที่แกพูดเราก็ซวยอีก ถ้าไม่ตรงตามที่พี่หวันควรจะให้เป็นอย่างนั้น มันจะไม่ดี แต่ยังไงๆ ก็ต้องเขียนพี่หวันให้ได้เพราะว่าศรัทธา
0 ในที่สุดไปลงที่วิธีไหน?
ผลที่สุดที่เขียนได้เพราะคิดว่าจะไม่สัมภาษณ์แกแล้วล่ะ ต้องยอมแพ้ ตัดสินใจว่าจะไปสัมภาษณ์คนที่รู้จักแก เช่น ไปสัมภาษณ์ครูศิลปะคนแรก ผมไปสัมภาษณ์เองเลยถึงเชียงราย ไปสัมภาษณ์ศิลปินที่เชียงรายที่มองพี่หวัน สัมภาษณ์เพื่อนพี่หวันที่เคยเรียนเพาะช่างด้วยกัน ถามพี่สัมพันธ์ ก้องสมุทร ที่มาจากเพาะช่างเหมือนกันว่าพี่หวันสนิทกับใครบ้าง พอได้รู้รายชื่อก็โทรศัพท์ไปคุยกับเขาว่าสมัยเรียนศิลปากรแกทำอะไรบ้าง สรุปแล้วสัมภาษณ์คนรอบตัวแกหมด แม้แต่คนรับใช้ซึ่งอยู่ที่บ้านประจำ ถามจริงๆ ว่าเช้าๆ แกทำอะไรครั้งแรก ชอบกินอะไร เขียนรูปตอนไหน นอนเมื่อไหร่ และชอบไปเที่ยวที่ไหน ถามถึงขนาดนี้ ถึงได้รู้ว่าแกชอบกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นพวกนี้ ชอบกินอาหารเหนือ ถ้าผมไปถามแกก็จะโดนย้อนถามว่าแล้วปกติคุณไมตรีชอบกินอะไรล่ะ (หัวเราะ)
นอกจากว่าจะเขียนจากที่ไปพบกับคนรู้จักกับพี่หวันและก็ไปคุยกับพี่หวันแล้ว สิ่งที่ทำอีกอย่างหนึ่งก็คือเอาบทสัมภาษณ์ที่คนอื่นเคยสัมภาษณ์มาเรียบเรียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง เช่นจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ นิตยสารแพรว ดิฉัน ที่เขาเคยไปสัมภาษณ์ โดยเฉพาะเรื่องชีวิตครอบครัว เพราะผมเป็นคนไม่ถนัดเล่าเรื่องนี้ เลยไปเอาจากหนังสือมาเรียบเรียงใหม่
0 เนื้อหาระหว่างชีวประวัติกับผลงานจะเน้นไปทางไหนมากกว่ากัน?
ปกติเป็นคนถนัดและชอบที่สุดคือเขียนเรื่องสั้นเพราะเกิดจากเรื่องสั้นตั้งแต่รุ่นเก่าๆ ตอนหลังไปเขียนนวนิยาย บทความ คอลัมนิสต์อย่างนี้ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะเขียนประวัติชีวิตบุคคล แต่พอคิดโจทย์แรกก็หนักที่สุดเลย เพราะว่าพี่หวันเป็นคนที่เหนือมนุษย์จริงๆ ต้องตีความให้ถูก บางทีแกบอกว่าภาพของแกไม่สวยหรอกเพราะมันไม่มีสี ผมย้อนว่าดูหมีแพนด้าสิมันมีขาว-ดำสวยไหม แกหยุดเลยนะ เพิ่งชนะแกเที่ยวนึง แกบอกเขียนภาพนาทีละเป็นล้าน เคยมีนักข่าวคนหนึ่งไปสัมภาษณ์แกว่ารูปของพี่ถวัลย์คิดราคาเป็นตารางฟุตเหรอ แกบอกว่าไม่ใช่ คิดเป็น 'จุด' (หัวเราะ) แกเป็นคนอย่างนี้ แต่จริงๆ แกไม่ได้โม้นะ แต่เป็นลูกเล่นเป็นอารมณ์ขัน แล้วเราจะเขียนยังไง ผมบอกว่าพี่หวันคิดไม่ถูกนะ พี่หวันบอกเขียนนาทีละเป็นล้าน ผมแย้งว่าก่อนจะมาเป็นนาทีเดียวพี่หวันสะสมความสามารถมาตั้ง 30-40 ปี
0 เล่มนี้บอกไว้ด้วยไหมว่าภาพไหนมีมูลค่ามากที่สุด?
รูปที่สูงที่สุด 40-50 ล้านบาท แต่ผมเน้นว่ารูปของพี่หวันตีเป็นเงินไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นค่าที่หาไม่ได้ คือจะเท่าไหร่ก็ได้ คนไม่ชอบร้อยบาทก็อาจจะไม่ซื้อ คนชอบเป็น 20 ล้านบาทก็ซื้อ แต่ว่าบางครั้งที่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องเงินเพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจง่ายขึ้นว่ารูปนี้เป็นล้านเพื่อให้คนอ่านได้มองว่ามันมีค่านะ คือไม่พูดเสียเลยมันก็ไม่ได้ อย่างครั้งหนึ่งแกเคยวาดรูปให้กับธนาคารแห่งหนึ่งมูลค่า 1 ล้านเหรียญ ตอนนั้นเหรียญหนึ่งประมาณ 50 บาท เกือบๆ 50 ล้านบาท และวาดรูปไว้ในห้องทำงานหรือโรงงานของแก เล่ากันว่ามีคนถามว่ารูปใหญ่ๆ ขนาดนี้จะเอาออกประตูได้ยังไง พี่หวันบอกว่าเอาออกเป็นเรื่องของคนจ้างเป็นเรื่องของธนาคาร เขาจ้างผมวาด
จริงๆ ไม่ใช่จะซื้อรูปกับแกได้ง่ายๆ หรือเวลาไปแสดงใช่ว่าจะติดราคาเหมือนศิลปินคนอื่น แกต้องใช้คำว่าแสดงไปอย่างนั้นแหละ ใครจะซื้อค่อยว่ากัน ไปหาแกและต้องสนิท ต้องจีบแก เพราะเคยมีคนนึงต้องบินไปจีบแกถึงเชียงรายเหมือนกับไปจีบผู้หญิงเพื่อที่จะไปขอซื้อรูป ตอนหลังเลยสนิทกัน เท่าไหร่ก็เอา แต่เขาก็ไม่กล้าให้น้อย คือเป็นศิลปินที่เหนือกว่าศิลปินคนอื่น คงไม่มีแล้วในเมืองไทย เรียกว่าเป็นคนของแผ่นดิน
0 เวลาพูดออกสื่อหรือให้สัมภาษณ์ดูเป็นคนไม่ธรรมดา?
จริงๆ แกฟอร์มไปอย่างนั้นแหละ ความจริงเป็นคนมีอารมณ์ขัน เล่าเรื่องตลก สนุกและต้องมีโจ๊กเล่าทุกครั้ง และแกไม่อยากให้ใครเรียกแกเป็นศิลปินนะ แกบอกว่าแกเป็น 'ช่างวาดรูป' แต่จริงๆ แกเป็นศิลปินระดับโลก แต่เรียกตัวเองว่าเป็นช่างวาดรูป แต่คำว่าช่างวาดรูปลึกๆ อาจต้องการประชดใครต่อใครก็ได้ว่ามันเป็นศิลปินได้ บางคนแสดงภาพครั้งเดียวเป็นศิลปินแล้ว ศิลปินมันต้องได้รับการยกย่องจากคนอื่น ไม่ใช่ว่าตัวเองแสดงภาพครั้งเดียวยกตัวเองเป็นศิลปินแล้ว แกไม่มีเลยนะ
อีกอย่างแกร้องเพลงเพราะด้วย เอาดีทางร้องเพลงได้เลย แต่ล่าสุดกำลังทำมหาวิหารที่ทำคล้ายๆ แสดงภาพ เป็นศาลาใหญ่มากเลย ถ้าไปถามเด็กที่ดูแลอยู่ ขนาดค่าแรงเดือนหนึ่งร่วม 6 แสนบาท และสร้างมา 4-5 ปีแล้ว ลองคูณดูว่าเท่าไหร่ ออกแบบอีกกี่ร้อยล้านบาท และบ้านอีก 35 หลัง ตอนนี้กำลังสร้างเพิ่มอีก ไว้สำหรับต้อนรับผู้รักศิลปะด้วยกัน เชื่อไหมว่าแต่ละหลังนี้สถาปนิกไปก็งงเลยเพราะแกออกแบบสวยจริงๆ จนกระทั่ง ดร.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา บอกว่าถวัลย์ไม่ใช่เป็นศิลปินแห่งชาติทางวาดรูปอย่างเดียวนะ แต่เป็นศิลปินแห่งชาติด้านสถาปัตย์ด้วย
0 ส่วนตัวคุณไมตรีเองก็เริ่มเขียนรูปและมีจัดแสดงไปบ้างแล้ว?
เคยแสดงไปแล้วสองครั้ง ผมได้รับอิทธิพลมาจากแกละมั้ง มันพูดแล้วมันอาย 'วาดภาพสีน้ำแบบจินตนาการนามธรรม' ตอนนี้กำลังทำแกลลอรีส่วนตัวอยู่ที่บางขุนพรหมใกล้จะเสร็จแล้ว จะแสดงอีกครั้งหนึ่งในเดือนมีนาคมปีหน้าที่ศูนย์การเรียนรู้ทีเค ปาร์ค ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์ แสดงภาพและเปิดตัวหนังสือด้วย ประมาณ 90 รูป เป็นภาพลักษณะคล้ายสีน้ำอะครีลิกบนกระดาษ
บังเอิญผมไปค้นพบว่าการเขียนสีอะคริลิกไม่จำเป็น ต้องเขียนในผ้าใบอย่างเดียว ลองเขียนในกระดาษอาร์ตดูมันลื่นไหลดี บางทีก็ดูไม่รู้เรื่อง แต่มันสบายๆ