Custom Search

Sep 9, 2006

คุยกับประภาส # 1 : PRAPAS.COM

มุมมองของชีวิต - 11 ก.ค. 2547
http://www.prapas.com/

ถึงพี่ประภาส พี่ประภาสคงเคยได้ยินเพลงของพี่บอย โกสิยพงษ์ ที่ร้องว่า
"อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด"
แบบนี้ก็แสดงว่าให้เรายอมแพ้และยอมรับความพ่ายแพ้นั้นซะ อย่าไปต่อสู้เพื่อฝัน ใช่มั้ยครับ
ตกลงเราควรจะฝันให้ไกลไปให้ถึงหรือ เรียนรู้และยอมรับมัน กันแน่ >ตุลย์
==========================================
"ปัญหา" เป็นของคู่กับ "ชีวิต" เหมือนกับว่ามันได้ถูกผูกติดมาด้วยกันตั้งแต่แรกเกิด เมื่อมองปัญหาชีวิต ผมมองแยกออกเป็นสองประเภท
นั่นคือประเภทที่อยู่ในมือเราและประเภทที่อยู่ในมือคนอื่น ประเภทแรกก่อนนะครับ อะไรก็ตามที่อยู่ในมือเรา ก็ย่อมหมายความว่าเราสามารถควบคุมมันได้ ทีนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะควบคุมมันไหม หรือควบคุมมันไหวไหม ผมยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น
ความเกียจคร้านซึ่งผมถือว่าเป็นตัวการใหญที่ทำให้ชีวิตเกิดปัญหาอยู่ตลอดเวลา

ถ้าเรามองว่าความเกียจคร้านเป็นปัญหา ทางแก้นั้นก็คงตอบง่ายๆ
ว่าก็แก้ด้วยความเพียร ความเพียรนั้นเป็นของที่อยู่ในมือเรา
เป็นอาวุธประจำตัวมนุษย์เลยทีเดียวครับ บทความหลายๆ

ตอนที่ผมเขียนถึงความเพียรของโทมัส เอดิสัน
หรือบรรณาธิการที่เป็นอัมพาตทั้งตัวเขียนหนังสือจบเล่มด้วยการกะพริบเปลือกตาข้างเดียว
ก็เพื่อจะสื่อให้รู้ว่าความเพียรของมนุษย์นั้นแทบจะไม่มีขีดจำกัดเลยด้วยซ้ำ
ส่วนปัญหาอีกประเภทหนึ่งที่ผมบอกว่าอยู่ในมือคนอื่นนั้น

ผมให้ความหมายกว้างไกล
นับตั้งแต่มือของคนอื่นทั่วๆ ไป จนถึงมือของพระเจ้า
น ายสมชายอยากได้มอเตอร์ไซค์มาขี่สักคัน ลองมองปัญหานี้กันดูครับ

ผมให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า
นายสมชายเป็นคนมีเงินมีทองคนหนึ่ง ปัญหานี้แก้ง่ายมาก

เมื่ออยากได้ก็ไปซื้อมาขี่ แล้วถ้าผมเปลี่ยนข้อมูลใหม่เป็น
นายสมชายไม่มีสตางค์ละ นายสมชายจะแก้ปัญหานี้ต่อไปอย่างไร
เงื่อนไขเพิ่มขึ้นแต่ก็ยังถือว่าควบคุมได้ โดยการพยายามขยันทำมาหากินให้ได้เงินทองมา
หรือแม้แต่การไปหยิบยืมคนอื่นมา แล้วค่อยหาใช้คืน

ยังถือว่าเป็นการไขปัญหาที่อยู่ในมือของตัวเองอยู่นะครับ
ลองดูตัวอย่างที่สอง พ่อนายสมชายเสียชีวิต นายสมชายจึงขาดความอบอุ่น

ขาดที่พึ่งทั้งทางกายและทางใจ
การเสียชีวิตของพ่อ เป็นสิ่งที่นายสมชายไม่อาจควบคุมได้

ชีวิตมนุษย์ย่อมต้องตายทุกคน
ไม่มีใครหลีกเลี่ยงไปได้ ถึงจะต่อสู้หรือเพียรพยายามเท่าใด

ชีวิตของพ่อก็ไม่มีวันหวนคืนกลับมา
ปัญหาแบบนี้ละครับที่มันไม่ได้อยู่ในมือเรา

คนบนโน้นจะเมตตาเราหรือส่งบทเรียนมาให้เรา
ก็แล้วแต่มือของท่าน ตัวอย่างที่สามครับ นายสมชายหลงรักนางสาวสมศรี

และอยากได้นางสาวสมศรีมาเป็นคู่ครอง
ปัญหาซับซ้อนแบบนี้แหละที่ผู้คนในสังคมประสบพบเจออยู่ตลอดเวลา
มันเป็นปัญหาที่จัดอยู่ในประเภทลูกครึ่ง นั่นคือบางส่วนควบคุมได้และ

บางส่วนควบคุมไม่ได้
ลองแยกดูสิครับ นายสมชายสามารถทำตัวดีๆ ให้นางสาวสมศรีสนใจรักใคร่ได้
นายสมชายสามารถเอาอกเอาใจนางสาวสมศรีให้เธอรู้สึกพึงใจได้

วิธีการเหล่านี้ล้วนอยู่ในมือของนายสมชาย
นายสมชายควบคุมได้ ส่วนจิตใจของนางสาวสมศรีจะรู้สึกปฏิพัทธ์นายสมชายหรือไม่

เป็นเรื่องของนางสาวสมศรี
นายสมชายไม่สามารถควบคุมได้ ผมชอบการแยกประเด็นแบบนี้

แล้วผมก็ใช้มันบ่อยๆ
เวลามีความวิตก ใครที่กำลังทุกข์ใจกับการเตรียมตัวสอบ

ที่จะเรียนต่อที่โรงเรียนหรือเข้าทำงานที่ตัวเองอยากเข้า
ลองเอาเรื่องของนายสมชายนี้ไปซ้อนทับเพื่อเทียบดู

ความเพียรของตัวเองที่จะเตรียมตัวสอบนั้นเราควบคุมมันได้
แต่ความเพียรของคู่แข่งนี่ ต้องยอมรับว่าเราควบคุมไม่ได้

นึกออกไหมครับ เราไม่มีทางรู้ว่าจะมีใครคนไหนขยันอ่านหนังสือมากกว่าเราหรือไม่
รวมไปถึงการตัดสินว่าจะรับใครเข้าหรือไม่เข้า ผมกำลังจะบอกว่า

เราจึงไม่ควรไปทุกข์กับปัญหาที่เราควบคุมอะไรไม่ได้
ทุกข์ของคนจะสอบเข้าถ้าจะมีก็ควรเหลือเพียงว่า "เราจะทำข้อสอบได้ไหม"

ไม่ใช่มัวแต่ทุกข์ว่า "จะเข้าได้ไหม"
เพลงของคุณบอยเพลงนี้ ผมก็เชื่อว่าคุณบอยแต่งขึ้นมา

เพื่อให้ผู้คนเอาไว้ต่างน้ำเย็นประโลมใจยามที่เจอปัญหาประเภทที่ไม่อยู่ในมือเรา
แฟนทิ้ง พ่อแม่เลิกกัน เศรษฐกิจของชาติวิกฤต พลัดพรากจากคนที่รักตลอดกาล

เป็นโรคที่รักษาไม่ได้ ฯลฯ
กับสิ่งที่เราควบคุมมันไม่ได้ เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว เราต้องยอมรับมัน

และก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างที่เพลงบอกไว้
ร้องมันทั้งสองเพลงก็ได้ครับ อะไรในฝันที่เราพอจะสั่งมันด้วยมือของเราได้

เราก็ร้อง "ฝันให้ไกลไปให้ถึง"
อย่าได้หยุด ส่วนปัญหาใดที่อยู่ในมือของพระเจ้า

เราก็ยืนหยัดเงยหน้ายอมรับและก็ร้อง live and learn อย่างรู้เท่าทัน