วันก่อนได้อ่านพบบทความธรรมดาๆ เรื่องหนึ่งที่เขียนโดยใครก็ไม่รู้ที่ส่งต่อๆ กันมาทางไลน์
แต่เนื้อหานั้นไม่ธรรมดาเลย
เพราะสารที่บทความนี้ต้องการจะสื่อ
คือสิ่งที่สังคมไทยและสังคมโลก
กำลังขาดแคลนอยู่ในตอนนี้
และเราก็ต้องการมัน
พอๆ กับวัคซีนป้องกันโควิดเลยทีเดียว
.
ลองมาอ่านกันดู
.
"แม่ของผมเป็นคนทำอาหารที่บ้านเป็นประจำทุกวัน
คืนหนึ่ง หลังจากที่แม่ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน
แม่กลับบ้านมาด้วยความเหนื่อยล้า
และทำอาหารเย็นให้เราตามปกติ
ที่โต๊ะอาหาร
แม่วางจาน ที่มีปลาทูไหม้เกรียมบนโต๊ะต่อหน้าพ่อและทุกๆคน
ผมรอว่า แต่ละคนจะว่าอย่างไร
แต่... พ่อไม่พูดอะไร
และตั้งหน้าตั้งตากินปลาทูไหม้ตัวนั้น
และหันมาถามผมว่า ที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง
.
คืนนั้น หลังอาหารเย็น
ผมจำได้ว่า ได้ยินแม่ขอโทษพ่อ ที่ทอดปลาทูไหม้
และผมไม่เคยลืมที่พ่อพูดกับแม่เลย
"โอย... ผมชอบ ปลาทูทอด เกรียมๆ อร่อยมาก นะแม่"
.
คืนต่อมา ผมเก็บคำถามไว้ในใจก่อนนอน
และถามพ่อว่า "พ่อชอบปลาทูทอด เกรียมๆ จริงๆ เหรอ"
พ่อลูบหัวผม และตอบว่า
"แม่ของลูก ทำงานหนัก มาทั้งวัน...
ปลาทูไหม้ 1 ตัว ไม่เคยทำร้ายใคร
แต่คำพูด ที่ต่อว่า กันนั้นต่างหาก ที่จะทำร้ายกัน"
.
"ชีวิตคนเรา
เต็มไปด้วย ความไม่สมบูรณ์แบบ
และแต่ละคน ก็ ไม่ได้เกิดมา สมบูรณ์แบบ ตัวเราเอง
ก็ไม่ได้มีอะไร ดีกว่าใครๆ"
.
แต่สิ่งที่พ่อเรียนรู้มาในช่วงชีวิต ก็คือ...
การเรียนรู้ ที่จะยอมรับ
ความผิดพลาดของคนอื่น และ ของตัวเอง
.
การเลือกที่จะยินดีกับความคิดต่างกันของแต่ละบุคคล
เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาชีวิตครอบครัว ที่มีความสุข และยืนยาว
.
“ชีวิตเรานั้น
สั้นเกินกว่าที่จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับ
ความเสียใจที่ว่า เราทำผิดกับคนที่เรารักและรักเรา
ให้ดูแล และทะนุถนอม คนที่รักเรา
และพยายามเข้าใจ และให้อภัย จะดีกว่า"
.
“ถ้าเรารู้ เราจะ ทำไหม”
.
• เราจะบีบแตร
ใส่คนที่ ยืนยึกยัก ริมถนน ตรงแยกที่ผ่านมาไม๊– ถ้าเรารู้ว่า เค้าใส่ขาเทียม
.
• เราจะเบียดชน คนข้างหน้า ที่เดินช้ามากไม๊ – ถ้าเรารู้ว่า เค้าเพิ่งตกงาน
• เราจะขำ คนที่ แต่งตัวเชยไม๊ – ถ้าเรารู้ว่า เค้ามีชุดเก่ง แค่ชุดเดียว
• เราจะรำคาญ สาวโรงงาน ที่มาเดิน พารากอนไม๊ – ถ้าเรารู้ว่า นั่นคือ
การฉลองวันเกิดของเธอ
• เราจะหมั่นไส้ ลุงที่หัวเราะ
เสียงดังลั่น คนนั้นไม๊ – ถ้ารู้ว่า แกเป็นมะเร็ง ขั้นสุดท้าย
• เรารู้แจ่มชัดเสมอ…
ว่าชีวิตเรา กำลังเจออะไร
แต่เรา ไม่มีวันรู้ว่า
"คนที่เราเจอ – กำลังเจอ กับอะไร"
.
โลก กว้างกว่าเงาของเรา และโลก ก็ไม่ได้หมุนรอบตัวเรา
.
มองข้าม เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปบ้าง
ให้โอกาส และให้อภัย มีความเข้าใจ ซึ่งกันและกัน
จะได้รัก และอยู่ด้วยกัน อย่างยั่งยืนยาวนาน”
.
จากเรื่องราวที่กล่าวมาข้างต้นนั้น
ผู้เขียนสรุปออกมาเป็น “กฎทองของชีวิต”
ซึ่งเมื่อใครนำไปปฏิบัติแล้ว
จะทำให้เป็นคนที่กลายเป็น “แหล่งพลังงงานทางบวก”
สำหรับคนที่อยู่ข้างหน้าเสมอ
นั่นก็คือ
.
๑.หัดมองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เสียบ้าง
อย่าจริงจังกับทุกเรื่อง
จนความสัมพันธ์กับคนรอบข้างตึงเครียดไปหมด
๒.ไม่มีใครที่ทำอะไรได้สมบูรณ์แบบไปเสียทั้งหมด
จงให้อภัยในความผิดพลาดของคนอื่น
เหมือนกับที่เราชอบให้อภัยแก่ตัวเอง
.
๓.สิ่งใดที่เราไม่ชอบ ก็จงอย่ามอบสิ่งนั้นแก่คนอื่น
สิ่งใดที่เราชอบ ก็จงมอบสิ่งนั้นแก่คนอื่น
.
๔.อย่ารำคาญความปรารถนาดีเล็กๆ น้อยๆ ของคนอื่น
ที่พยายามแสดงออกต่อเราด้วยความจริงใจ
.
๕.เรารักสุขเกลียดทุกข์และกลัวความตาย ฉันใด คนอื่น ก็รักสุข เกลียดทุกข์ และกลัวความตาย ฉันนั้น
เอาใจเขามาใส่ใจเรา (อตฺตานํ อุปมํ กเร)
โลกนึ้จึงจะอยู่ได้ด้วยความสุข