http://teetwo.blogspot.com/2009/11/blog-post_8590.html
http://teetwo.blogspot.com/2009/11/2521.html
http://teetwo.blogspot.com/2007/06/blog-post.html
หลอกเพราะรัก : พี่มาก...พระโขนง/อภินันท์
โดย อภินันท์ บุญเรืองพะเนา
ที่มา http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000039639
ที่มา http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000039639
ขณะที่ “คู่กรรม” ก็ถูกนำมาทำใหม่ และ “ชั่วฟ้าดินสลาย” เอย “เรื่องของ จัน ดารา” เอย ก็ได้รับการรีเมคไปเรียบร้อย แน่นอนครับว่า เรื่องราวอันทรงคุณค่าเหล่านี้ จะนำมาผลิตซ้ำอีกกี่รอบก็เชื่อว่าคุณค่าของมันยังคงมิเสื่อมคลาย เช่นเดียวกับเรื่องราวของ “แม่นาก” แห่งท้องทุ่งพระโขนง ที่ลงโรงฉายในบ้านเราอยู่ในขณะนี้
อันที่จริง เรื่องราวแห่งความรักของแม่นากพระโขนง ผ่านการหยิบจับมานำเสนอบนแผ่นฟิล์มมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง จากอดีตจนถึงปัจจุบัน มีทั้งเวอร์ชั่นที่ซีเรียสเคร่งครัดชนิดบีบเค้นน้ำตาคนดูผู้ชม ไปจนถึงเวอร์ชั่นประหลาดหลุดโลกไปเลยก็มี และเมื่อราวๆ 10 กว่าปีก่อน นนทรีย์ นิมิบุตร ก็ขุดเอาจิตวิญญาณความรักความผูกพันของแม่นากมาถ่ายทอดไว้ใน “นางนาก” ซึ่งด้วยลักษณะของความดราม่าที่มุ่งเน้นเทิดทูนศรัทธาในหัวใจอันเปี่ยมไปด้วยรักแท้ของผีแม่นาก ก็ส่งผลให้ผลงานชิ้นดังกล่าวของนนทรีย์เป็นที่กล่าวขานมาจนถึงทุกวันนี้ และตอนที่เข้าฉาย ก็เป็นหนังที่ทำเงินได้มากกว่าร้อยล้าน
ตราบเท่าที่ความรักความผูกพัน ยังสำคัญอยู่ในใจของผู้คน เรื่องของแม่นากพระโขนงก็จะยังคงถูกเล่าขานต่อไปไม่จบสิ้น และที่สำคัญ มันสามารถถูกนำมาทำเป็นหนังได้อีกหลายรอบ เหมือนเมื่อปีที่แล้ว ก็มีแม่นากเวอร์ชั่นสามมิติ ซึ่งมีคนรักของคุณบุญชัย เบญจรงคกุล อย่าง “ตั๊ก-บงกช” รับบทแม่นาก แต่จะว่าไป ผมเชื่อว่า หลังจากนนทรีย์ นิมิบุตร ทำ “นางนาก” ด้วยมาตรฐานทางคุณภาพที่สูงมากไว้แล้ว ไม่ว่าใครก็คงต้องคิดหนักที่จะหยิบมาทำใหม่ (ยกเว้น “แม่นาก 3D” ที่ตั๊กแสดง อันนั้น หนังลองของ เพราะเขาได้กล้องตัวใหม่มา เลยทดลองใช้ดูสักหน่อย) แต่สุดท้าย เราก็ได้เห็นแม่นากในเวอร์ชั่นที่แปลกใหม่จากฝีมือของโต้ง-บรรจง อันสะท้อนให้เห็นถึงสัจธรรมที่ว่า ความคิดสร้างสรรค์ ไม่มีวันสิ้นสุด
ถ้าเมื่อสิบกว่าปีก่อน เราเคยพูดกันว่า หลังจากเวอร์ชั่นของคุณนนทรีย์ ถ้าใครคิดจะทำแม่นากอีกรอบ คงต้องคิดหนัก มาปีนี้ เมื่อ “พี่มาก...พระโขนง” เข้าโรงฉาย หลายคนก็คงคิดเช่นเดียวกันว่า ถ้าใครจะทำหนังเกี่ยวกับแม่นากอีก คงต้องต้องคิดหนักเช่นเดียวกัน
ความดีงามของแม่นากเวอร์ชั้นนี้ คือผลพวงแห่งการกล้าคิดใหม่อีกหนึ่งครั้งของหนังไทย มันคือการคิดใหม่ที่ทำให้เรื่องราวของแม่นาก ดูแตกต่างและน่าสนใจมากขึ้นนับเท่าทวีคูณ เพราะเมื่อก่อน พอพูดถึงแม่นาก ทุกคนก็จะนึกถึงผีที่ไม่ไปผุดไปเกิดเพราะความรักความผูกผันที่มีต่อสามี แต่โต้ง-บรรจง สลับมุมเพียงเล็กน้อย ด้วยการปรับเปลี่ยนมุมมองเรื่องของแม่นาก ให้เป็นมุมมองที่มองผ่านคนรักของแม่นาก ซึ่งก็คือ พ่อมาก ตั้งแต่ชื่อเรื่องที่เดินออกจากกรอบเดิมๆ ที่มักจะใช้ชื่อคนรักฝ่ายหญิงเป็นตัวนำ ก็เปลี่ยนตำแหน่งมาใช้คำว่า “พี่มาก” แทน เอาแค่ข้อมูลพื้นฐานเท่านี้ ก็น่าจะทำให้คนหันมาสนใจได้แล้ว
แต่พูดแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่า โต้ง-บรรจง หรือกระทั่งจีทีเอช นำเรื่องของแม่นากมาทำจนสูญเสียความงามแห่งตำนาน ตรงกันข้าม แก่นสารอันว่าด้วยเรื่องรักของแม่นากพ่อมากยังอยู่ครบ ใครที่เคยซาบซึ้งกับเรื่องราวนี้ ก็ยังคงเก็บเกี่ยวตักตวงความรู้สึกนั้นได้เช่นเดิม ขณะที่กิมมิกหรือมุกพื้นฐานที่ทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็ยังมีอยู่ครบ เช่น ฉากยื่นมือเก็บมะนาว ฉากแม่นากห้อยหัวหลอก ฯลฯ ที่จำเป็นต้องมีในแม่นากทุกเวอร์ชั่น
แน่นอนครับ เสน่ห์อย่างยิ่งยวดของงานชิ้นนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องความตลกโปกฮาที่เรียกได้ว่าจัดหนักตั้งแต่ต้นจนจบ หนังเตรียมคนดูให้เข้าสู่โหมดของความฮาได้สำเร็จตั้งแต่ภาพยนตร์ตัวอย่าง และคนที่ทำหนังให้คน (ส่วนมาก) หัวเราะหรือยิ้มออกมาได้ทุกๆ 2-5 นาทีนั้น ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน จังหวะการโยนมุกแม่นยำ และกล้าทำกล้าเล่น ไม่ว่าจะเป็นมุกที่ต้องใช้ไอเดีย หรือแม้กระทั่งมุกที่เขาเรียกกันว่า “มุกควาย” โต้ง-บรรจง จัดให้ได้ทุกรูปแบบของมุกตลก ขณะที่นักแสดงทุกคนก็เล่นได้ฮาแบบทุ่มเทกันสุดตัว ไม่เว้นแม้แต่มาริโอ้ เมาเร่อ ที่ทิ้งภาพหนุ่มหล่อ มาเป็นคนที่ดูติงต๊องและดูน่าขันไม่น้อยหน้าเพื่อนอีก 4 คน
ตอนนี้ เรื่องว่าจะได้ร้อยล้านคงไม่ต้องพูดถึง (ผมเขียนบทความวันเสาร์ที่ 30 มีนาคม) เพราะหนังสามารถเล็งไปที่ตัวเลขสองร้อยล้านได้เลย กระแสบอกต่อที่กำลังส่งเสียงดังไปทั่ว โดยเฉพาะในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก คือหนึ่งแรงผลักที่จะส่งให้หนังเรื่องนี้ทำเงินอย่างเอิกเกริกในช่วงสัปดาห์สองสัปดาห์นี้ ขณะที่จังหวะที่หนังเข้าฉายช่วงปลายเดือนชนต้นเดือน มันคือจังหวะที่คนมีพลังในการจับจ่าย และความรู้สึกว่าการจ่าย 100 กว่าบาทให้กับหนังที่ใครต่อใครก็พูดถึงในทางที่ดี ยิ่งง่ายเข้าไปอีก
เหมือนกับหลายคนที่รู้สึกว่า มุมมองเกี่ยวกับเรื่องความรักของพ่อมากซึ่งมีต่อแม่นากที่หนังนำเสนอนั้นเป็นอะไรที่แปลกใหม่ไปจากเดิม โจทย์ของหนังก็คือการค้นหาว่า ท่ามกลางสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ความรู้สึกของผู้ชายอย่าง “มาก” นั้นเป็นเช่นไร ในเวอร์ชั่นที่ผ่านๆ มา มักจะเน้นเจาะลึกลงไปในความรู้สึกนึกคิดของตัวละครหญิงอย่างแม่นาก ขณะที่พ่อมากก็ถูกนำเสนอในลักษณะของคนที่ “อยู่แบบไม่รู้” และสุดท้ายก็หม่นหมองเศร้าสร้อยกับการสูญเสียเมียรัก แต่ใน “พี่มาก..พระโขนง” หนังพยายามเจาะลงไปในจิตใจของพ่อมากว่าเขารู้สึกนึกคิดอย่างไร และอยู่ร่วมกับสถานการณ์ดังกล่าวแบบใด นี่คือการมองอีกมุมที่ได้ผลดีต่อความรู้สึกของคนดูผู้ชมอย่างไม่อาจปฏิเสธ แต่สัจธรรมเกี่ยวกับความรักของแม่นากก็ยังเป็นแก่นแกนอีกฝั่งที่หนังยังคงเก็บรักษาไว้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ในความรักอันเป็นตำนานเรื่องนี้ มันมีทั้งคนที่หลอก และมีคนที่ถูกหลอก ผมจะไม่บอกว่ามุมมองที่เปลี่ยนไปของเรื่องราวนี้เป็นอย่างไร แต่ถ้ามองอย่างเข้าใจในความรักของแม่นาก สิ่งหนึ่งซึ่งผมรู้สึกว่ามันมีคุณค่าเหนือกาลเวลาเสมอมา ก็คือ แม่นากนั้น จำต้องหลอกคนรักเพื่อให้ตนเองได้อยู่ร่วมกับคนที่ตนรัก
การหลอกแบบนี้ แม้หลายคนจะกล่าวว่ามันเป็นความเห็นแก่ตัว เหมือนที่ตัวละครในเรื่องพูด แต่ที่สุดแล้ว มันก็มีความงามในตัวของมันเอง เพราะเป็นการหลอกเพราะรักเพื่ออยากอยู่ด้วย ไม่ใช่อยู่ด้วยแล้วยังหลอก นอนเตียงเดียวกัน แต่ฝันถึงคนอื่น ก็เยอะแยะมากมาย จริงไหม?