Custom Search

Jan 22, 2013

โฆสิต สุวินิจจิต





       โฆสิต สุวินิจจิต ว่าที่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯราชการกรุงเทพมหานคร ชู 4 นโยบายบริหารกรุงเทพฯ ในคอนเซ็ปต์กรุงเทพฯ 24 ชั่วโมงเน้นนโยบายที่ทำได้และช่วยแก้ปัญหาเร่งด่วน ทั้งแก้ไขปัญหาจราจร ยกระดับ ..สังกัด กทม.เทียบเท่าโรงเรียนดังของรัฐบาล เล็งผุด ..สาธิต กทม.เป็น ..กินนอนดูแลเด็กด้อยโอกาส หนุนเศรษฐกิจสู่อาเซียน และกรุงเทพฯต้องปลอดภัย 24 ชั่วโมง โดยหวังให้กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางแห่งอาเซียน พร้อมขายฝันเอาใจคนกรุง ติดตั้งไว-ไฟ 20 เมกฯ ให้เข้าถึงการใช้งานแท้จริง และปรับภูมิทัศน์ใหม่เก็บสายไฟลงใต้ดิน
       
       วันนี้ (13 ..56) สวนสมเด็จย่า 84 ถนนวิภาวดี นายโฆสิต สุวินิจจิต ว่าที่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวเปิดนโยบายกรุงเทพฯ 4 นโยบาย แก้ไขปัญหาเร่งด่วนและสามารถทำได้ทันทีภายใต้กรอบกรุงเทพฯ 24 ชั่วโมงโดย 4 นโยบายนั้น คือ แก้ไขปัญหาจราจร พัฒนาการศึกษา เศรษฐกิจรองรับ AEC และบริการ 24 ชั่วโมงเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดย นายโฆสิต กล่าวว่า วันนี้ กรุงเทพมหานครเป็นสังคมที่มีชีวิต 24 ชั่วโมง กรุงเทพฯต้องตอบสนองต่อประชาชนในทุกๆ ด้าน รองรับการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจและสังคมด้วยการให้บริการที่ทั่วถึง และตลอด 24 ชั่วโมง หรือ 3 กะ เพื่อให้กรุงเทพฯ เดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางของ Asian ฉะนั้น นโยบายหลัก ภายใต้กรอบกรุงเทพฯ 24 ชั่วโมงต้องสอดคล้อง พร้อมแก้ปัญหา และพัฒนากรุงเทพมหานคร
       
       โดยมี 4 นโยบายหลัก คือ นโยบายกรุงเทพฯเดินทางสะดวก 24 ชั่วโมง โดยจะเน้นการแก้ปัญหาจราจร เพื่อให้การเดินทางในกรุงเทพฯสะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งที่ทำได้ทันทีหากได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม.คือ ติดป้ายบอกทางให้มากขึ้น เนื่องจากสาเหตุหลัก อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กรุงเทพฯ รถติด คือ คนขับรถหลงทาง เนื่องจากมีป้ายบอกทางน้อย บอกทางไม่ชัดเจน จึงได้เกิดปัญหาดังกล่าว ซึ่งการติดตั้งป้ายหาเสียงของตนในวันนี้ก็จะเน้นให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนให้มากที่สุด ดีกว่าการติดป้ายหาเสียงแบบเดิมๆ ที่สามารถปัญหาการจราจรเพิ่มให้กับประชาชนที่ใช้ยวดยานในท้องถนนโดยจะติดตั้งบอกเส้นทางทั้งทางลัด ทางแยก และระยะทาง เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์ในการเดินทาง
       
       นโยบายการเรียนรู้ 24 ชั่วโมง โดยจะจัดตั้งโรงเรียนสาธิตกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ เพื่อรวบรวมเด็กๆ ที่ขาดโอกาสทางการศึกษาและการยกระดับโรงเรียนของกรุงเทพมหานครให้เทียบเท่ากับโรงเรียนที่มีชื่อเสียงประสานความร่วมมือกับโรงเรียนรัฐที่เด่นและดัง ที่มีคณะครูอาจารย์เป็นที่ยอมรับในสังคมการศึกษา นำมาถ่ายทอดสดระบบการศึกษาผ่านโทรทัศน์ดาวเทียมและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อให้นักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม.ทุกแห่ง ได้เรียนกับคณะครู อาจารย์ที่สอนอยู่ในโรงเรียนรัฐบาลที่เด่นดังทางการศึกษา ยกระดับให้มีมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด และยังจะเป็นการเพิ่มคุณภาพการเรียนการสอนได้พร้อมๆ กันด้วย
ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯราชการกรุงเทพมหานคร ชู 4 นโยบายบริหารกรุงเทพฯ ในคอนเซ็ปต์กรุงเทพฯ 24 ชั่วโมงเน้นนโยบายที่ทำได้และช่วยแก้ปัญหาเร่งด่วน ทั้งแก้ไขปัญหาจราจร ยกระดับ ..สังกัด กทม.เทียบเท่าโรงเรียนดังของรัฐบาล เล็งผุด ..สาธิต กทม.เป็น ..กินนอนดูแลเด็กด้อยโอกาส หนุนเศรษฐกิจสู่อาเซียน และกรุงเทพฯต้องปลอดภัย 24 ชั่วโมง โดยหวังให้กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางแห่งอาเซียน พร้อมขายฝันเอาใจคนกรุง ติดตั้งไว-ไฟ 20 เมกฯ ให้เข้าถึงการใช้งานแท้จริง และปรับภูมิทัศน์ใหม่เก็บสายไฟลงใต้ดิน
       
       วันนี้ (13 ..) สวนสมเด็จย่า 84 ถนนวิภาวดี นายโฆสิต สุวินิจจิต ว่าที่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวเปิดนโยบายกรุงเทพฯ 4 นโยบาย แก้ไขปัญหาเร่งด่วนและสามารถทำได้ทันทีภายใต้กรอบกรุงเทพฯ 24 ชั่วโมงโดย 4 นโยบายนั้น คือ แก้ไขปัญหาจราจร พัฒนาการศึกษา เศรษฐกิจรองรับ AEC และบริการ 24 ชั่วโมงเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดย นายโฆสิต กล่าวว่า วันนี้ กรุงเทพมหานครเป็นสังคมที่มีชีวิต 24 ชั่วโมง กรุงเทพฯต้องตอบสนองต่อประชาชนในทุกๆ ด้าน รองรับการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจและสังคมด้วยการให้บริการที่ทั่วถึง และตลอด 24 ชั่วโมง หรือ 3 กะ เพื่อให้กรุงเทพฯ เดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางของ Asian ฉะนั้น นโยบายหลัก ภายใต้กรอบกรุงเทพฯ 24 ชั่วโมงต้องสอดคล้อง พร้อมแก้ปัญหา และพัฒนากรุงเทพมหานคร
       
       โดยมี 4 นโยบายหลัก คือ นโยบายกรุงเทพฯเดินทางสะดวก 24 ชั่วโมง โดยจะเน้นการแก้ปัญหาจราจร เพื่อให้การเดินทางในกรุงเทพฯสะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งที่ทำได้ทันทีหากได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม.คือ ติดป้ายบอกทางให้มากขึ้น เนื่องจากสาเหตุหลัก อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กรุงเทพฯ รถติด คือ คนขับรถหลงทาง เนื่องจากมีป้ายบอกทางน้อย บอกทางไม่ชัดเจน จึงได้เกิดปัญหาดังกล่าว ซึ่งการติดตั้งป้ายหาเสียงของตนในวันนี้ก็จะเน้นให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนให้มากที่สุด ดีกว่าการติดป้ายหาเสียงแบบเดิมๆ ที่สามารถปัญหาการจราจรเพิ่มให้กับประชาชนที่ใช้ยวดยานในท้องถนนโดยจะติดตั้งบอกเส้นทางทั้งทางลัด ทางแยก และระยะทาง เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์ในการเดินทาง
       
       นโยบายการเรียนรู้ 24 ชั่วโมง โดยจะจัดตั้งโรงเรียนสาธิตกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ เพื่อรวบรวมเด็กๆ ที่ขาดโอกาสทางการศึกษาและการยกระดับโรงเรียนของกรุงเทพมหานครให้เทียบเท่ากับโรงเรียนที่มีชื่อเสียงประสานความร่วมมือกับโรงเรียนรัฐที่เด่นและดัง ที่มีคณะครูอาจารย์เป็นที่ยอมรับในสังคมการศึกษา นำมาถ่ายทอดสดระบบการศึกษาผ่านโทรทัศน์ดาวเทียมและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อให้นักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม.ทุกแห่ง ได้เรียนกับคณะครู อาจารย์ที่สอนอยู่ในโรงเรียนรัฐบาลที่เด่นดังทางการศึกษา ยกระดับให้มีมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด และยังจะเป็นการเพิ่มคุณภาพการเรียนการสอนได้พร้อมๆ กันด้วย











สอนลูกให้เป็นเถ้าแก่น้อยสไตล์ "โฆสิต สุวินิจจิต"

สอนลูกให้เป็นเถ้าแก่น้อยสไตล์ "โฆสิต สุวินิจจิต"
เขาก็เหมือนเด็กยุคใหม่ที่อยากได้โน่นได้นี่ แต่ผมก็ฝึกให้เขารู้จักแก้ปัญหา
ต้องมีเหตุมีผล อยากได้ของสิ่งนั้นเพราะอะไร หรืออยากไปที่นี่เพราะอะไร
ทุกอย่างต้องคิดและลงมือทำอย่างมีเหตุผล

คนเราถ้าลงทุนในสิ่งที่ชอบ และทำในสิ่งที่ตัวเองรัก
น่าจะเป็นสะพานทอดยาวไปหาความสำเร็จจากการลงทุนได้อย่างไม่ยาก
"โฆสิต สุวินิจจิต" ประธานกรรมการบริษัท เอเชีย เทเลวิชั่น แอนด์ มีเดีย
เป็นเจ้าของธุรกิจอีกคนหนึ่ง ที่ยึดหลักที่ว่า เมื่อคิดจะลงมือทำอะไรก็ตาม ต้องลงทุน
และทำในสิ่งที่เรารัก ถ้าเราไม่รัก ก็จะทำไม่ได้ดี การก้าวไปสู่ความสำเร็จก็ทำได้ยาก
"การลงทุนก็เหมือนดูแลลูก ถ้าเราเอาใจใส่ ก็จะเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง
หัวใจไปสู่ความสำเร็จของการลงทุน ต้องเริ่มจากตรงนี้ก่อน
ในอดีตเราลงทุนมา 2-3 อย่าง มีทั้งฝากเงิน ถือหุ้นกับคนอื่น
ก็โดนเขาโกงมาบ้าง นั่นก็เพราะเราไม่ได้รู้จริง และไม่ได้ใส่ใจกับมัน"
ข้อสำคัญ เมื่อลงทุนหรือทำอะไรสักอย่าง ต้องทำแต่พอดี ไม่ทำอย่างเกินตัว
และเลือกทำที่เราถนัด นั่นจะทำให้มีเวลาใส่ใจกับมันอย่างเพียงพอ
โฆสิตเล่าในอดีตเขาเคยลงทุนหลายด้าน และกระจัดกระจายมาก
ทำให้ดูแลอย่างไม่ทั่วถึง แต่ตอนนี้แนวความคิดเปลี่ยนไป
เราคิดว่าลงทุนในอะไรก็ตามที่เราถนัดดีกว่า ในสิ่งที่เราบริหารด้วยตัวเอง
"ตอนนี้ผมกลับมารีวิวว่าอะไรเหมาะกับเรา และเลือกที่จะลงทุน เช่น
การลงทุนในหุ้น ท้ายสุดก็คือ การให้คนอื่นบริหารให้เรา
ผมคิดว่าไม่เหมาะก็ถอยออกมา แต่การทำธุรกิจที่เชี่ยวชาญ
เราสามารถดูแลธุรกิจเองได้ แบบนี้น่าจะเหมาะกว่า ผมก็เลือกที่จะลุยอันนี้"
บริษัท เอเชีย เทเลวิชั่น แอนด์ มีเดีย ถือเป็นธุรกิจใหม่ อะไรก็ตามที่พอเริ่มต้นใหม่
ทำให้บุ่มบ่ามไม่ได้ ทำอะไรหลายอย่างก็ไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือต้องทุ่มเท
และจริงจังกับงานตรงนี้ให้มากที่สุด และวางมือจากการลงทุนในช่องทางต่างๆ
ที่คิดว่าเสี่ยงเกินไป เพราะเราต้องลงทุน พนักงานของเราลงแรง
เขาบอกเสมอว่าพนักงานทุกคนเป็นหุ้นส่วนทั้งหมด
ซึ่งในอนาคตโฆสิตบอกว่าถ้ามีกำไรก็คงต้องจัดสรร ส่วนหนึ่งอาจจะกันไว้สำหรับขยายธุรกิจ
อีกส่วนหนึ่งอาจจะเตรียมสำรองไว้เพื่อรับมือกับเรื่องฉุกเฉินของชีวิต
เพราะตอนนี้มีแค่ลูกกับธุรกิจที่ต้องดูแลอย่างดี
"ตอนนี้ผมเพิ่งทำบริษัทใหม่มาครบ 1 ปี เราอยากให้พนักงานมีความสุข มีสุขภาพดี
ซึ่งเรื่องพวกนี้ผมคิดว่าทุกอย่างต้องใช้เวลา ผมเชื่อเรื่องมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักร การทำงานต้องมาจากใจ
คนของเราจะเก่งหรือไม่เก่งก็ได้ แต่ต้องเป็นคนดี ที่นี่เราอยู่กันเป็นครอบครัว แต่เราเป็นครอบครัวมืออาชีพ"
โฆสิตเล่าถึงประสบการณ์การลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ว่าเขาเคยลงทุนในตลาดหุ้นมาก่อนเหมือนกัน
แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาเพราะต้องมุ่งมั่นเดินหน้ากับบริษัทใหม่ ซึ่งเป้าหมายหลังจากนี้
เราอยากเป็นบริษัทที่สามารถนำภูมิปัญญาไทยก้าวสู่สากลได้
ด้วยเงื่อนไขเรื่องเวลา ประกอบกับแนวคิดในการลงทุนที่เปลี่ยนไป
ทำให้ทุกวันนี้โฆสิตลดการลงทุนในช่องทางในหลายช่องทางลง
แต่ที่เขาบอกว่าทุ่มเทเป็นพิเศษเห็นจะเป็นเรื่องการลงทุนทางการศึกษาให้กับลูกสาวคนเดียวของเขา
"ตอนนี้มี 2 ส่วนของผมคือ เงินที่ลงทุนในธุรกิจ และลงทุนในการศึกษาของลูก
แล้วก็มีบ้างที่ทำประกันชีวิตไว้ให้เขา แต่ที่เน้นมากคือ
การวางแผนเรื่องการลงทุนด้านปัญญาให้เขา และลงทุนเรื่องเวลา"
เพราะโฆสิตมองว่าเวลาก็เป็นต้นทุนอย่างหนึ่ง
ไม่ว่าหน้าที่การงานจะหนักแค่ไหน แต่เขาต้องมีเวลาจัดสรรให้ลูกอย่างเหมาะสม
"ผมอยากให้เขาเข้าใจว่าการทำงานมันเหนื่อยแค่ไหน ก็มักจะพามาที่ทำงานด้วย
เขาก็เหมือนเด็กยุคใหม่ที่อยากได้โน่นได้นี่ แต่ผมก็ฝึกให้เขารู้จักแก้ปัญหา
ต้องมีเหตุมีผล อยากได้ของสิ่งนั้นเพราะอะไร หรืออยากไปที่นี่เพราะอะไร
ทุกอย่างต้องคิดและลงมือทำอย่างมีเหตุผล"
แต่สิ่งหนึ่งที่โฆสิตสอนลูกคือ ให้รู้จักลงทุนด้วยตัวเอง
เพราะตั้งแต่เด็กเขาเองก็ถูกฝึกให้รู้จักการค้าขายภายในบ้าน
รู้จักเรื่องต้นทุน และการค้าตั้งแต่เด็ก
"พ่อผมให้ผมไปขายของ มีเป้าหมายว่าต้องขายหมด ถ้าไม่หมดห้ามกลับบ้าน
ทำให้ผมรู้ว่าการค้าขายมีต้นทุนและมีกำไร ผมก็สอนลูกวิธีเดียวกัน
ตอนนี้เขา 9 ขวบมีร้านเบเกอรี่เป็นของตัวเอง เขาสนใจอยากทำขนม ก็ไปเรียนทำคุกกี้
พอกลับมาก็ทำให้คนรอบข้างชิม พอคนชอบเขาก็ทำขาย เริ่มจากการลองทำขึ้นมาแล้วตั้งราคา
ตอนแรกอาจจะราคาถูกไปนิด ทำให้ขาดทุน เขาก็รู้แล้วว่าการทำธุรกิจต้องมีต้นทุน
ก็ขยับราคาขึ้นไป เพื่อให้มีกำไร ก็มีพวกญาติๆ และคนรู้จักซื้อ
พอขายได้เขาก็เอาเงินที่เก็บสะสมไปซื้อของขวัญปีใหม่ให้เพื่อนๆ ญาติๆ "
เมื่อกลายเป็นนักธุรกิจรุ่นจิ๋ว พอเขาเริ่มมีรายได้ ก็เริ่มเก็บสะสมเงินทองด้วยตัวเอง
พออยากได้อะไรเขาก็เอาเงินตรงนี้ไปซื้อ บางทีเงินไม่พอก็เรียนรู้ว่าจะต้องเก็บสะสม
นั่นทำให้เขารู้ว่า ชีวิตต้องรู้จักรอ ไม่ใช่อยากได้อะไรแล้วจะซื้อได้เลยทันที
ไม่เพียงแง่มุมการลงทุนของเขาเท่านั้นที่น่าสนใจ แต่แบบแผนในการอบรมเลี้ยงดูลูกนั้น
ก็ถือว่าโฆสิตเป็นต้นแบบที่ดีอีกคนหนึ่ง แบบนี้จะเรียกว่า
สอนลูกให้เป็นเถ้าแก่น้อย คงไม่เกินจริง
เรื่อง : กาญจนา หงษ์ทอง



โฆษิต ประกาศตัวเป็นทางการ ลงสนามชิงผู้ว่าฯกทม. ชูนโยบาย กรุงเทพฯ24 ชั่วโมง

วันนี้ (17 ธ.ค.) นายโฆสิต สุวินิจจิต อดีตประธานกรรมการบริษัทสปริง คอร์ปอเรชั่น จำกัด 
และอดีตผู้บริหารสถานีข่าวสปริงนิวส์ ได้แถลงข่าวเปิดตัว
การลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอย่างเป็นทางการ
โดยระบุเบื้องต้นว่า ได้ลาออกจากตำแหน่งงานบริหารต่างๆ
โดยเฉพาะที่สปริงนิวส์ เนื่องจาก เพื่อให้เกิดความเป็นกลาง ว่าจะไม่มีการใช้สื่อเป็นเครื่องมือ

ทั้งนี้ นายโฆษิต ประกาศตัวว่า จะขอชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกรุงเทพฯ ชูสโลแกน
"เลือกคนอื่นเป็นผู้ว่าคนอื่น เลือกโฆษิตเป็นผู้ว่าของพวกเรา"
พร้อมย้ำว่า จะเดินหน้านโยบาย "กรุงเทพฯ24ชั่วโมง"
และจะขอเป็นผู้ว่าฯภาคกลางคืน รวมทั้งจะเน้นจุดขาย "50เขต 50ยุทธศาสตร์"
ในการหาเสียง นอกจากนี้ ยังขอให้ประชาชนช่วนร่วมนำเสนอนโยบายใน fb.kositbangkok และโทร. 0818419494

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา
นายโฆษิต พร้อมด้วยภรรยา คือนางยุวดี บุญครอง ประธานกรรมการบริษัท เอชพลัสแชนแนล  จำกัด
ร่วมกันเป็นเจ้าภาพทำบุญบวงสรวงสักการะศาลหลักเมือง
เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนที่นายโฆสิต
จะประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอย่างเป็นทางการในวันนี้

ซึ่งในวันบวงสรวง นายโฆสิต กล่าวว่า ถือฤกษ์ดีวันนี้ เอาฤกษ์เอาชัย
บอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าจะขออาสามาเป็นผู้ว่าฯ กทม.
ที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้งในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556
ซึ่งตนมีความตั้งใจมุ่งมั่นอาสารับใช้เพื่อพัฒนาเมืองหลวงหัวใจของประเทศไทยให้ก้าวหน้าทุกด้าน
โดยเชื่อว่าผลงานการเป็นผู้ผลิตสื่อคุณภาพมายาวนานจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้ประชาชนมั่นใจ
โดยจะแถลงนโยบายที่ชัดเจนในวันที่ 17 ธันวาคมนี้

สำหรับประวัติโดยย่อของ เสี่ยเค หรืือ โฆษิต ถือว่า เป็น "ชายวัยทอง" ที่ไม่ธรรมดา
จัดอยู่ในระดับ คอนเนคชั่นแมน 360 องศา แถวหน้าของเมืองไทย เป็นศิษย์เก่ารัฐศาสตร์ รามคำแหง
ปริญญาโทรัฐศาสตร์ รามฯ ส่วน ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ได้ในสาขาการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยนิวพอร์ต สหรัฐอเมริกา 
และยังเป็นศิษย์ ปรอ. รุ่น 18 สถาบันพระปกเกล้า
หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย  
สำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 12

ผ่านงานเบื้องหลังมากมาย และยังเป็นที่ปรึกษาให้กับนักการเมืองหลายคน ช่วงหนึ่งก็ว่า
สนิทสนมกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน สมัยนั่งเป็นรมต.สำนักนายกฯ ดูแลสื่อของรัฐ และกรมประชาสัมพันธ์
กุนซือระดับเทพรายนี้ ก็เข้าไปมีส่วนหลายเรื่อง แต่ที่โดดเด่น และทำให้หลายคนต้องกดกระหน่ำไลท์ คือ
การที่เขาสามารถต่อสายตรงพาทีมงานบินไปสัมภาษณ์  พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไกลถึง "ดูไบ"
เพื่อนำมาออนแอร์ในรายการของ "สปริงนิวส์" (บริษัทในเครือ SLC)
แต่สุดท้ายเทปนี้ไม่ได้ออกอากาศด้วยเหตุผลบางประการ

ขณะที่ ยุวดี บุญครอง ผู้เป็นภริยา และกำลังร่วมสำคัญแห่งกองทัพมีเดียส์ออฟมีเดียส์
ซึ่งเป็นบอสใหญ่แห่ง บริษัท เอเชีย เทเลวิชั่น แอนด์ มีเดีย จำกัด
บินไปสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้อนรับขับสู้อย่างเป็นกันเอง

ผลงานสำคัญ ในการมานั่งเก้าอี้ "เบอร์หนึ่ง"
SLC ของ โฆสิต พิสูจน์มาแล้วด้วยลีลาการบริหารงานอย่างอิสระ ห้ามใครมาบงการ
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาโฆสิต ปูทางสร้างคอนเน็คชั่นไว้อย่างกว้างขวาง
และกับการสร้างสื่อใหม่ ในแวดวงคนโทรทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นรายการบ้านเลขที่ 5 ทางททบ.5
หรือการสร้างปรากฏการณ์ข่าว กับสถานีโทรทัสน์สปริงนิวส์ ด้วยข่าวจริง สปิงนิวส์
ก็เป็นสิ่งที่โชว์ผลงานได้อย่างเต็มตา

Source : twitter.com/PorntipMorngyai