Custom Search

Jan 28, 2007

คุยความคิด กับ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล



"ยินดีเลยที่มีคนวิจารณ์
แต่ผมไม่ฟังหรอก
คำวิจารณ์มันก็แค่ยิ่งกระตุ้น
ให้ผมเป็นตัวของตัวเองมากยิ่งขึ้น
คือผมก็ฟังแหละ
แต่ไม่ซึมซับอย่างที่คุณต้องการให้ซึมซับ
ด้วยนิสัยแบบนี้
ผมถึงว่าตัวเองคงอยู่ในวงการได้ไม่นานนักหรอก"


"ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล" หรือ "คุณปลื้ม"
เป็นบุตรชายของ
"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล" รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปัจจุบันเขาเป็นผู้ดำเนินรายการ "วิพากษ์หุ้น"
ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี เป็นผู้วิเคราะห์ข่าวเศรษฐกิจ
ช่วงข่าวภาคเที่ยงทาง ททบ.5 เป็นผู้ประกาศข่าวและวิเคราะห์ข่าว "นิวส์ไลน์"
ภาคภาษาอังกฤษ ทางช่อง 11
เป็นผู้ดำเนินรายการวิทยุคลื่นเอฟเอ็ม 88 เมกะเฮิร์ตซ์
และล่าสุดเป็นผู้ดำเนินรายการคนใหม่ที่มาเสริมทีม
ในรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" ทางช่อง 3
ซึ่งเป็นรายการที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักและได้รับการกล่าวถึงมากเป็นพิเศษ
เหตุผลหนึ่งคงเพราะเขาต้องมาประกบกับพิธีกรดังอย่าง
"สรยุทธ สุทัศนะจินดา" นั่นเอง
แต่ถ้าอ่านทั้งหมดทั้งมวลนี้พร้อมๆ กับดูรูปแล้วยังไม่ร้องอ๋อ!
ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร นับแต่บรรทัดต่อไป
เราจะพาคุณไปรู้จักกับตัวตนและความคิดของเขาให้มากขึ้น
คุณปลื้มจบชั้นประถมศึกษาในเมืองไทย
จากนั้นจึงไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
และจบการศึกษาสูงสุดในระดับปริญญาโท
สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เน้นเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ
มหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอพคินส์
เมื่อกลับเมืองไทย
เขาเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษอยู่พักหนึ่ง
จากนั้นจึงไปรับราชการทหารยศร้อยตรีอยู่ 2 ปี
แล้วก็ก้าวเข้าสู่วงการสื่อโทรทัศน์
เพราะความหลงใหลแต่วัยเยาว์ในที่สุด

"ผมชอบแต่ละรายการที่ได้ทำมาก มันสอนให้เราเรียนรู้
และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เราไม่เคยเจอ"
เขาเล่าให้ฟังถึงอาชีพที่ทำอยู่ "และที่แปลกแต่จริงก็คือ
บุคลิกของผมจะเปลี่ยนไปทุกรายการ
ขึ้นอยู่กับว่ารายการนั้นผมนั่งกับใคร
ผมนั่งกับคุณสรยุทธ ผมก็เป็นแบบนึง
ไปนั่งกับคนอื่นก็เป็นอีกแบบ
คุณจะเห็นคนละด้านของผมตลอด"
แต่ที่เห็นก็ล้วนแต่เป็นตัวจริงของเขาทั้งสิ้น, ชายหนุ่มว่า

"ผมเป็นตัวของตัวเองทุกรายการ
เพียงแต่ในตัวผมมีมันหลายส่วน
มันมีตัวโหดร้าย ตัวน่ารัก ตัวอ่อนน้อม
ตัวที่ประชดประชัน"

ที่ได้ยินมาก็คือมีตัวขี้หงุดหงิดด้วย?


"ก็มี แต่ผมจะเป็นกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไร้สาระ
คือผมจะรำคาญคนมายุ่งกับผม อย่างเวลาไปกินข้าว
ซึ่งผมไปคนเดียวบ่อย แล้วเด็กเสิร์ฟก็จะเข้ามาถาม
มายืนดู ซึ่งเขาก็ทำตามหน้าที่ แต่ผมรำคาญน่ะ
ต้องบอกเขาว่าเสิร์ฟเสร็จแล้วทิ้งผมไว้
อีก 20 นาทีค่อยกลับมาเก็บจาน

คือแค่กินคนเดียวมันก็น่าเบื่อพอแล้ว

คุณไม่ต้องมานั่งจ้องผม มันเสียมารยาทมาก ผมโมโหมาก"


เขาเน้นเสียงพร้อมออกท่าออกทางให้รู้ว่าไม่ชอบใจเรื่องนี้
เสียจริงๆเป็นคนมีชื่อเสียงแบบนี้ย่อมต้องถูกมองบ่อยขึ้นแน่
น่าสงสัยว่ามันจะทำให้เขายิ่งหงุดหงิดหรือไม่
"ไม่ ไม่ ถ้ามีคนมานิยมเราก็เป็นสิ่งที่ดี ผมแฮปปี้อยู่แล้ว
ทุกคนที่ทำงานในวงการอย่างนี้ก็ต้องการได้รับความชื่นชมทั้งนั้น"
แต่ถ้ามีคนไม่ชอบ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ว่า

เขาจะยิ่งยินดีมากขึ้นอีกหลายเท่า"วันไหนที่รู้สึกว่าถูกโจมตี"
หมายถึงว่ามีคนคิดแย้งในเรื่องที่เขาวิจารณ์ไป


"ผมจะทำรายการออกมาดีมากเลยนะ จะตอบโต้ได้อย่างรุนแรงมาก
ยินดีเลยที่มีคนวิจารณ์ แต่ผมไม่ฟังหรอก
คำวิจารณ์มันก็แค่ยิ่งกระตุ้นให้ผมเป็นตัวของตัวเองมากยิ่งขึ้น
คือผมก็ฟังแหละ แต่ไม่ซึมซับอย่างที่คุณต้องการให้ซึมซับ
ด้วยนิสัยแบบนี้ ผมถึงว่าตัวเองคงอยู่ในวงการได้ไม่นานนักหรอก"

ไม่ใช่แค่ปัจจัยข้างต้น เขาว่า
การมีเกิดและมีดับของชื่อเสียงในวงการนี้
ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่น่าจะทำให้เขาทำอาชีพนี้ไปตลอดชีวิตไม่ได้

"ชื่อเสียงในวงการนี้ผมว่าแป๊บเดียวก็หายไปแล้ว
เหมือนอาชีพดาราน่ะ สักวันกระแสนิยมมันก็จะหายไป
ผมกำลังเครียดเรื่องนี้มากเลยนะ เพราะผมไม่อยากเป็นดาราตกอับ"
เขาบอกด้วยสีหน้าเป็นกังวล

"ไม่ใช่ว่าผมไม่แฮปปี้กับงานปัจจุบันนะ
เราอยากทำทีวีมาตั้งนานแล้ว พอได้ทำก็ชอบมาก"
คุณปลื้มรีบอธิบายเพราะกลัวเราจะเข้าใจผิด"
แต่ที่ผมไม่แฮปปี้คือภาพของชีวิต 20 ปีนับจากนี้
ผมกำลังวิกฤตกับชีวิตตัวเองในแง่ที่ว่าบั้นปลายผมจะทำอะไร
ตอนนี้ผมอายุ 30 ปี
แต่ตามธรรมชาติผมคงอยู่ในวงการนี้ได้อีกไม่เกิน 10 ปีมั้ง
ตอนนั้นผมจะอายุแค่ 40
และยังเหลือเวลาทำงานอีกมาก แล้วผมจะทำอะไรต่อล่ะ"


เขากล่าวด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยคำถามเขาน่ะไม่สนใจจะทำธุรกิจ
ที่มองๆ ไว้คืออาจจะหันไปเล่นการมือง
เพราะสนใจจะเข้าไปมีบทบาทเรื่องนโยบายของประเทศ
อย่างตอนนี้เขาก็มีนโยบายเชิงสังคมไว้ในใจคร่าวๆ
ไม่ได้มองในฐานะนักการเมือง
แต่มองในฐานะคนทำสื่อคนหนึ่ง
ซึ่งเขาว่าการนำเสนอข่าวทุกวันนี้ควรได้รับการปรับให้เหมาะสม
โดยบอกว่าเขาไม่เห็นด้วยกับสื่อที่เล่นเรื่องข่าวลือ
และสื่อที่ให้น้ำหนักกับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากจนเกินไป
ที่สำคัญคือ เขาไม่เห็นด้วยกับการลงข่าวอาชญากรรม
ในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์"

มันเป็นข่าวที่สื่อทั้งไทยและเทศลงเพื่อขาย
ซึ่งมันแย่มากเลยนะ เขารู้ว่าคนอยากอ่านข่าวฆาตกรรม ข่มขืน
แต่ที่ทุกคนไม่รู้ก็คือ คุณไม่ได้เกิดมาแล้วอยากอ่าน
แต่พอคุณเริ่มอ่านมันแล้วจะเริ่มติด ยิ่งอ่านยิ่งชอบ
เพราะมันไปกระตุ้นสันดานดิบของมนุษย์ที่ชอบเรื่องพวกนี้
ที่วิปริตก็คือ พออ่านมากๆ ในที่สุด
มันจะไปถึงจุดที่คุณอยากจะทำมันบ้าง

"ผมว่าเราเสนอให้คนรู้ก็พอ แต่ไม่ต้องขึ้นหน้าหนึ่ง
เพราะไม่มีอะไรที่คุณจะได้จากอาชญากรรม
มันไม่มีประโยชน์ต่อสังคม แม้กระทั่งต่อครอบครัวผู้สูญเสียเลย
ยกเว้นเรื่องที่ว่าคุณจะป้องกันตัวเองยังไง"

เขาเปรียบเทียบว่า ข่าวบันเทิงยังให้ผลดีต่อสังคมมากกว่าเสียอีก
"บันเทิงเป็นสิ่งที่ดี เป็นข่าวที่ทำให้เรารู้สึกแฮปปี้กับชีวิต
ในมุมมองของผม เวลาข่าวบันเทิงใหญ่ๆ มีพื้นที่ในหน้าหนึ่ง
หรือทีวีนำเสนอข่าวมากขึ้นเป็นสิ่งที่ดี
แต่ไม่ใช่ไปปาปารัสซี่อะไรมากนะ เพราะมันทำให้เราสนุก
ไม่มีอิทธิพลที่เลวร้ายต่อสังคมอย่างอาชญากรรม
ผมเองยังติดตามข่าวฮอลลีวู้ดเลย เพราะชอบตั้งแต่เด็ก"

เขาว่าถ้ายังอยู่อเมริกา ก็คงเป็นสื่ออยู่ในแวดวงบันเทิงสหรัฐไปแล้ว
แต่ ณ วันนี้ที่เขาเป็นคนทำสื่อของไทย
เราอยากรู้ว่าเขามีแผนจะผลิตรายการของตัวเองบ้างหรือไม่?

"ไม่นะ ผมไม่ต้องการเป็นเจ้าของรายการ
ผมไม่ต้องการโปรดิวซ์เอง ไม่ต้องการหาโฆษณา
ไม่ต้องการเจอผู้บริหารช่อง หรือต้องห่วงว่ารายการจะโดนยกเลิกเมื่อไหร่
ผมต้องการเจอคน ชอบออนแอร์ความสามารถ ผมไม่สนเรื่องเงินเลย"

เขายืนยันหนักแน่นเพราะอย่างหลังมีมากแล้ว?

"ผมไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นคนรวยเลย
คนนึกว่าผมมีเงิน แต่ผมไม่มี พ่อผมมี
แต่ก็ไม่ได้ให้ผม" คุณปลื้มรีบปฏิเสธ

"แล้วไลฟ์สไตล์ผมค่อนข้างสมถะ
เพียงแต่ว่าผมใช้เงินไปกับการซื้อสูทเยอะ
ในที่สุดผมคงจะขับรถเบนซ์ไม่ได้
เพราะผมบ้าซื้อสูทนี่แหละ อีกอย่างคือผมชอบกินข้าว
ชอบกินประหลาด ผมใช้เงินกับการพาผู้หญิงไปกินข้าวเยอะ
อีกหน่อยอายุ 50 ผมคงทำเหมือนพลเอกสันต์ (ศรุตานนท์)
แกเท่ รูปร่างดี แล้วก็ควงผู้หญิงบินไปกินข้าวที่ฝรั่งเศสหรือโรม
แต่ตอนนี้ผมทำไม่ได้ เพราะไม่มีตังค์"

เขาว่ายิ้มๆพูดถึงผู้หญิง เรารีบทักว่าเขากำลัง
เป็นที่ชื่นชอบในหมู่แฟนรายการเพศนี้
แต่เขาว่าพวกเธอเหล่านั้นคงชอบอะไรแปลกๆ มากกว่า
"ผู้หญิงเห็นผมแล้วไม่เหมือนชาวบ้านไง
เขาเห็นแล้วคงมองว่ามันแปลกดีนะ
เพราะหน้าผมมันก็แปลกๆ ไม่ได้หล่ออะไร
แต่เวลายิ้มมันก็คงสื่อความแฮปปี้จากในใจออกไปมั้ง"

ชายหนุ่มออกตัวอย่างเขินๆแต่
หลายคนก็ถึงขั้นมองว่าเขาเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อม
ทว่าคุณปลื้มกลับปฏิเสธ
"ชีวิตผมมันไม่มีอะไรเลย
ถ้าอยู่ไปสักพักแล้วคุณจะรู้ว่าผมน่ารำคาญ
คงไม่มีใครทนอยู่กับผมได้หรอก
ผมคงโสดตลอดชีวิตผมรู้อยู่แล้ว"

ดาวรุ่งแห่งวงการสื่อทีวีพูดปลงๆ
แล้วว่าตอนนี้ชีวิตมีแต่งานอย่างเดียว
"คือผมแยกไม่เป็นไง เวลาบ้างานจะไม่มีอารมณ์ไปจีบผู้หญิงเลย
ตอนนี้เลยมีเหงาๆ บ้าง"
ม.ล.ณัฏฐกรณ์ย้ำว่า ตอนนี้เขาบ้างานจนมีเวลาพักผ่อนน้อยมาก
ช่วงนี้จึงค่อนข้างเหนื่อย ลองถามว่าวันหนึ่งๆ
ทำงานมากแค่ไหน แทนที่จะตอบตรงๆ
เขากลับว่าอย่างนี้
"มันไม่ใช่งาน มันคือชีวิตผม"